WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CKP เผยใช้งบลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีกว่า 1.15 แสนลบ. ดันกำลังผลิตรวมแตะ 2,160 เมกะวัตต์ปี 62 -คาดสรุปซื้อธุรกิจพลังงานเพิ่มอย่างน้อย 1 แห่งในปีนี้

  CKP เผยใช้งบลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีกว่า 1.15 แสนลบ. ดันกำลังผลิตรวมแตะ 2,160 เมกกะวัตต์ปี 62 ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 5-8% จากปีก่อนที่ทำได้ตามเป้า 7 พันลบ. พร้อมคาดสรุปซื้อธุรกิจพลังงานเพิ่มอย่างน้อย 1 แห่ง

 ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดงบประมาณการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่เขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว กว่า 1.15 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ในปี 2562 กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัทฯ แตะ 2,160 เมกกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 755 เมกกะวัตต์

 งนี้งบลงทุนดังกล่าวแบ่งเป็น การใช้ในงานก่อสร้าง 78,000 ล้านบาท ใช้ในการบริหารโครงการ 9,500 ล้านบาท เงินค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืม 26,000 ล้านบาท และเงินสำรองอื่นๆ 1,500 ล้านบาท โดยอาจจะมีการใช้เงินลงทุนมากกว่าจำนวนดังกล่าว แต่ไม่เกิน 10% เนื่องจากรัฐบาล สปป.ลาว ได้มีการกำหนดรูปแบบของการก่อสร้างเพิ่มเติมเข้ามาจากแผนเดิม โดยวงเงินในส่วนที่เกิน รัฐบาลสปป.ลาว จะช่วยสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนให้ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะมีการใช้เงินลงทุนเกินในจำนวนเท่าไหร่

 ส่วนเงินลงทุนปกตินั้นบริษัทฯ จะใช้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศทั้งหมดโดยมีทั้งสิน 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทนพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทิสโก้ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

 ด้านความคืบหน้าการซื้อหุ้น บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จากัด (XPCL) ในสัดส่วน 30% ของทุนจดทะเบียน คิดเป็น 805,830,000 หุ้น มีมูลค่ารวมประมาณ 4,344 ล้านบาท จาก บริษัท ช.การช่าง จากัด (มหาชน) หรือ CK คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ โดยในเดือน เม.ย.นี้ บริษัทฯ จะมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,870 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3 บาท สัดส่วนการใช้สิทธิ 1หุ้นเดิมต่อ 0.34 หุ้นใหม่

 ดร.สุภามาส กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดทำกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องนำเงินในอนาคตจำนวนมากมาใช้ในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็มีความสนใจอยู่บ้าง เพราะเห็นว่าสามารถใช้ระดมเงินทุนเพื่อมาพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้ แต่คงเป็นเรื่องของอนาคต

 นอกจากนั้น CKP คงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 5-8% จากปีก่อนที่มั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 7 พันล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้จากโรงงายไฟฟ้าที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 755 เมกะวัตต์ โดยสัดส่วนรายได้กว่า 90% มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ

 ส่วนแผนซื้อธุรกิจพลังงานก็ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้อย่างน้อย 1 แห่งในปีนี้

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

CKP เป้าปีนี้รายได้โต 5-8% สรุปซื้อธุรกิจพลังงาน 1 แห่ง,ไซยะบุรีคืบหน้าตามแผน

   นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 5-8% จากปีก่อนที่มั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 7 พันล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตไฟฟ้า ที่ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 755 เมกะวัตต์ โดยสัดส่วนรายได้กว่า 90% มาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ

   ส่วนแผนการซื้อธุรกิจพลังงานเพิ่มเติมนั้นยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะนี้เจรจาหลายแห่งทั้งกิจการในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถสรุปได้อย่างน้อย 1 แห่งในปีนี้ ซึ่งรูปแบบการระดมทุนเป็นแบบเดิม คือ มาจากเงินทุน 1 ส่วน และอีก 3 ส่วนมาจากเงินกู้ โดยปกติบริษัทจะใช้แหล่งเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศทั้งหมด

    ด้านนายสมควร วัฒกีกุล ที่ปรึกษาและกรรมการ CKP และ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (SEAN) ซึ่งเป็นบริษัทที่ CKP ถือหุ้นในสัดส่วน 56% กล่าวว่า โครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีใน สปป.ลาว มีความคืบหน้าของโครงการไปกว่า 43% แล้ว และจะแล้วเสร็จสมบูรณ์เริ่มผลิตไฟฟ้าได้ในปี 62 ตามกำหนดอย่างแน่นอน เพียงแต่งบลงทุนที่ใช้ในโครงการอาจจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากเดิมที่วางไว้ที่ 115,000 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาล สปป.ลาว ได้กำหนดรูปแบบการก่อสร้างเพิ่มเติมเข้ามาจากแผนเดิม

  ทั้งนี้ งบลงทุนส่วนเกินดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดหา โดยอาจขอวงเงินกู้เพิ่มเติม เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะผลตอบแทนการลงทุนที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี จะอยู่ที่ประมาณ 12-13% และจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มเป็น 2,160 เมกกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 755 เมกกะวัตต์

  "ถ้าโครงการนี้มีการดีเลย์ออกไป 1 ปี จะทำให้บริษัทฯขาดทุน 3 หมื่นล้านบาทจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและรายได้ที่ไม่ได้รับด้วย ตอนนี้ยืนยันว่าทำได้ตามเป้าในปี 2019...โครงการนี้จะจ่ายไฟให้กับ กฟผ.29 ปี โดยเป็นสัญญาผูกมัดแบบมีเงื่อนไข จึงไม่มีทางที่จะมีการเปลี่ยนแปลงราคาขายไฟได้ ตรงนี้ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์มหาศาล จะได้คุณภาพไฟที่ดีมากๆ...ไฟฟ้าในลาวมีความต้องการใช้ไม่มาก และมีส่วนเกินเหลือ ดังนั้น เชื่อว่าอย่างไรลาวก็ต้องขายไฟให้ไทยป แต่ราคาเท่าไรเวลานั้นหลัง 29 ปีเราไม่รู้"นายสมควร กล่าว

  นายสมควร กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการพลังงานน้ำน้ำบากในลาว ซึ่งติดกับน้ำงึม 2 ขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ งบลงทุนประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี คาดว่าจะเริ่มได้ในปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า

    อนึ่ง บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด(XPCL)เป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)เพื่อดำเนินการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี บนแม่น้ำโขง ที่แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว โดย XPCL ได้ลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว เป็นสัญญาลักษณะ Build-Own-Operate and Transfer(BOOT)คือ เป็นผู้สัมปทานในการออกแบบพัฒนาก่อสร้างและดำเนินการโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี เป็นระยะเวลา 29 ปี นับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และจะส่งมอบโครงการให้แก่รัฐบาลแห่งสปป.ลาว เมื่อระยะเวลาสัมปทานสิ้นสุดลง เว้นแต่ได้รับการต่อขยายระยะเวลาสัมปทานออกไป

    โครงการดังกล่าวเป็นแบบฝายน้ำล้นสร้างด้วยคอนกรีต ความสูงระดับน้ำ 28.5 เมตร ความยาวของตัวเขื่อน 820 เมตร ประตูระบายน้ำล้น 19x23 เมตร จำนวน 7 ช่อง ประตูระบายตะกอน 12x16 เมตร จำนวน 4 ช่อง กำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 1,285 เมกะวัตต์ ผลิตได้ 7,370 กิกะวัตต์/ชั่วโมง

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!