WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TOP คาดงบQ1/58 ดีขึ้นจากที่ขาดทุนในQ4/57 และทั้งปี 57 ยังขาดทุนสุทธิ 

      TOP คาดงบQ1/58 ดีขึ้นจากที่ขาดทุนใน Q4/57 และทั้งปี 57 ยังขาดทุนสุทธิ เนื่องจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันราว 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท มองราคาน้ำมันดิบจะฟื้นตัวอย่างแท้จริงในช่วงครึ่งหลังของปี

      นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)หรือ TOP คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 จะดีขึ้น จากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/57 เนื่องจากค่าการกลั่น(GRM) ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยในเดือน ม.ค.58 อยู่ที่ 9-10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากทั้งปี่แล้วอยู่ที่ 5.7-6.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีน(PX) ยังอยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มกับต้นทุนการผลิต

      ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมาอยู่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงปลายปี จากต้นปี 57 อยู่ที่ราว 104 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ได้รับผลขาดทุนสต็อกราว 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท และทั้งปีมีผลขาดทุนสุทธิ แต่ปีนี้บริษัทสามารถบริหารจัดการ GRM ได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับลดลงไม่ทันกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงและเร็ว และอีกส่วนหนึ่งน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นราว 3% จะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิง ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันดิบปรับลดลงก็ทำให้ต้นทุนพลังงานภายในของบริษัทลดลงครึ่งหนึ่งด้วยเช่นกัน

      สำหรับราคา PX ยังคงได้รับผลกระทบจากกำลังผลิตใหมในตลาดโลกที่เข้ามามากขึ้นในปีที่ผ่านมา คงต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งที่ความต้องการใช้จะสูงขึ้นมารองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้  แต่ขณะเดียวกันยังมีโรงงานขนาดเล็กในตลาดที่หยุดการผลิต ทำให้ PX ยังอยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มค่าการผลิต โดยปีที่แล้วส่วนต่าง(สเปรด)ราคาผลิตภัณฑ์ PX อยู่ที่ราว 300 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลและน่าจะทรงตัวในปีนี้ ส่วนสเปรดเบนซีนยังไม่ดีนัก คือต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

      ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขณะนี้ มองว่าน่าจะเป็นเพียงการรีบาวด์ช่วงสั้นเท่านั้น ในระยะกลางจะปรับลดลงไปอีกครั้ง แต่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ราคาน่าจะฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงมากขึ้น จากการที่สหรัฐหยุดผลิตน้ำมันในหลายหลุม และจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี) ยุโรปจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันได้

      อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงและมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมาทำให้กลุ่ม ปตท.ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้เหลือระดับ 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากเดิมที่ราว 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่ง TOP เองก็ได้ปรับนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลงว โดยตั้งแต่ปลายปีที่แล้วได้พยายามลดปริมาณสต็อคน้ำมันให้มากที่สุด ด้วยการเจรจากับคู่ค้าเพื่อเปลี่ยนการซื้อน้ำมันจากเดิมที่เป็นรูปแบบ FOBที่จะรับน้ำมันดิบตั้งแต่เรือออกจากท่า มาเป็น CIF ซึ่งจะยังไม่รับน้ำมันดิบจนกว่าเรือจะมาถึงท่า เพื่อลดความเสี่ยงในการบริหารสต็อก รวมถึงจะดูแลสภาพคล่องรองรับสถานการณ์ราคาที่ผันผวน ตลอดจนดูแลความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และจัดลำดับสำคัญในการลงทุนด้วย

  สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

TOP คาดงบ Q1/58 ดีขึ้นจากขาดทุนใน Q4/57- GRM อยู่ในเกณฑ์ดีมาก

    บมจ.ไทยออยล์(TOP)คาดผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/58 กลับมาดีขึ้นจากที่มีผลขาดทุนในไตรมาส 4/57 และทั้งปี 57 ยังขาดทุนสุทธิ เนื่องจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันราว 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ประเมินว่าค่าการกลั่น(GRM)ในไตรมาส 1/58 จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก

    สำหรับ ภาพรวมราคาน้ำมันในปีนี้ มองว่าราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นในช่วงนี้เป็นเพียงการรีบาวด์หลังลงไปมาก แต่จะฟื้นตัวอย่างแท้จริงในช่วงครึ่งหลังของปี โดยทางบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้เหลือ 53 เหรียญ/บาร์เรล จากเดิมคาดไว้ที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นลดสต๊อกน้ำมันและดูแลสภาพคล่องเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่มีความผันผวน

   นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 จะดีขึ้น จากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/57 เนื่องจาก GRM ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยในเดือน ม.ค.58 อยู่ที่ 9-10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากทั้งปี่แล้วอยู่ที่ 5.7-6.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีน(PX) ยังอยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มกับต้นทุนการผลิต

    ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมาอยู่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงปลายปี จากต้นปี 57 อยู่ที่ราว 104 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ได้รับผลขาดทุนสต็อกราว 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท และทั้งปีมีผลขาดทุนสุทธิ แต่ปีนี้บริษัทสามารถบริหารจัดการ GRM ได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับลดลงไม่ทันกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงและเร็ว และอีกส่วนหนึ่งน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นราว 3% จะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิง ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันดิบปรับลดลงก็ทำให้ต้นทุนพลังงานภายในของบริษัทลดลงครึ่งหนึ่งด้วยเช่นกัน

     สำหรับ ราคา PX ยังคงได้รับผลกระทบจากกำลังผลิตใหมในตลาดโลกที่เข้ามามากขึ้นในปีที่ผ่านมา คงต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งที่ความต้องการใช้จะสูงขึ้นมารองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้  แต่ขณะเดียวกันยังมีโรงงานขนาดเล็กในตลาดที่หยุดการผลิต ทำให้ PX ยังอยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มค่าการผลิต โดยปีที่แล้วส่วนต่าง(สเปรด)ราคาผลิตภัณฑ์ PX อยู่ที่ราว 300 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลและน่าจะทรงตัวในปีนี้ ส่วนสเปรดเบนซีนยังไม่ดีนัก คือต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

     ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขณะนี้ มองว่าน่าจะเป็นเพียงการรีบาวด์ช่วงสั้นเท่านั้น ในระยะกลางจะปรับลดลงไปอีกครั้ง แต่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ราคาน่าจะฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงมากขึ้น จากการที่สหรัฐหยุดผลิตน้ำมันในหลายหลุม และจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี) ยุโรปจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันได้

     อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงและมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมาทำให้กลุ่ม ปตท.ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้เหลือระดับ 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากเดิมที่ราว 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่ง TOP เองก็ได้ปรับนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลงว โดยตั้งแต่ปลายปีที่แล้วได้พยายามลดปริมาณสต็อคน้ำมันให้มากที่สุด ด้วยการเจรจากับคู่ค้าเพื่อเปลี่ยนการซื้อน้ำมันจากเดิมที่เป็นรูปแบบ FOB ที่จะรับน้ำมันดิบตั้งแต่เรือออกจากท่า มาเป็น CIF ซึ่งจะยังไม่รับน้ำมันดิบจนกว่าเรือจะมาถึงท่า เพื่อลดความเสี่ยงในการบริหารสต็อก รวมถึงจะดูแลสภาพคล่องรองรับสถานการณ์ราคาที่ผันผวน ตลอดจนดูแลความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และจัดลำดับสำคัญในการลงทุนด้วย

   นายอธิคม กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงใหญ่สำหรับโรงกลั่นน้ำมัน เหมือนในปีที่ผ่านมาที่หยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ ทำให้คาดว่าการใช้กำลังการกลั่นในปีนี้จะอยู่ระดับราว 100% เทียบจากราว 95% ในปีที่แล้ว

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!