WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

UAC ตั้งเป้ารายได้ปี 58 โตเป็นกว่า 1.5 พันลบ.เล็งซื้อกิจการ-ลงทุนใหม่

      นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเอซี โกลบอล(UAC)เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 58 จะไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท หลังจากปี 57 คาดมีรายได้ราว 1 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้การออกใบอนุญาตก่อสร้างล่าช้า และเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลทำให้ยอดขายลดลง

     นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทยังคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่คาดว่าจะทำได้เพียง 7-8% เนื่องจากปีก่อนบริษัทมีการตัดค่าเสื่อมค่อนข้างมาก

    นายชัชพล กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 1 พันล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจสร้างรายได้เพิ่ม หลังจากล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อกิจของบริษัท แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอล จำกัด(APC)มูลค่า 730  ล้านบาท ใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมเงินสถาบันการเงินราว 500 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทสามารถบันทึกรายได้เข้ามาทันทีในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท

    "ปีนี้รายได้ของเราจะมากกว่า 1.5 พันล้านบาท โดยมีการเติบโตมาจากหลายๆส่วน ทั้งธุรกิจเทรดดิ้ง และรายได้จาก APC ที่เราไปซื้อมาหากการเข้าซื้อกิจการแล้วเสร็จในเดือน มี.ค.ก็จะทำให้เรามีรายได้เข้ามาทั้งปี และอีกส่วนหนึ่งก็คือธุรกิจพลังงานทดแทนที่เราจะมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้เรามีความมั่นใจว่ารายได้ของเราจะเป็นไปตามาเป้าหมายที่เราวางไว้ได้"นายชัชพล กล่าว

    นายชัชพล เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการพลังงานทดแทนอีก 1-2 แห่ง มูลค่าราว 300 ล้านบาท รวมทั้งเตรียมก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง(CBG)อีก 4-5 แห่ง มูลค่าราว 250 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีโรงก๊าซ CBG ทั้งหมด 7 แห่งในปีนี้ และมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟ 4 โครงการที่จะสามารถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน มิ.ย.นี้ทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้ทั้งหมด 13 เมกะวัตต์

    ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าจากชีวมวลและโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/58 เบื้องต้นน่าจะมีกำลังการผลิตราว 10 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการราว 900 ล้านบาท พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนครั้งนี้ ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯและนอกตลาด

    "ในปีที่ผ่านมาสถานการณ์ต่างๆไม่ดีนัก โดยเฉพาะเรื่องการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้ยอดขายของเราตกไป และใบอนุญาติต่างๆที่ออกมาล่าช้าส่งผลให้งานของบริษัทฯล่าช้าออกไปด้วย ในส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงนี้เรามองว่านักลงทุนคงคาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่เรากลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ ทั้งในเรื่องของรายได้และกำไร"นายชัชพล กล่าว

     สำหรับ การย้ายหุ้น UAC จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)นั้น มีความเป็นไปได้ในอนาคต แต่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)รวมต้องขึ้นไปเตะ 1 หมื่นล้านบาทก่อน จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 4-5 พันล้านบาท และควรจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท/ปี

     "การอยู่ในตลาดฯ mai ก็อบอุ่นดี แต่อนาคตเราก็ไม่แน่ที่จะย้ายไป SET แต่ผมว่าเราควรจะมีมาร์เก็ตแคปเตะ 1 หมื่นล้าน และมีรายได้ถึง 2 พันล้านบาทเสียก่อน รวมไปถึงหากเราเข้าไปอยู่ใน SET แล้วเราก็คงต้องมองถึงบริษัทลูกของเราที่มีศักยภาพที่จะ spin-off ออกมาจะทะเบียนในตลาด mai ด้วย ส่วนตัวผมเองคิดว่าอย่างเร็วคงจะเป็นปีหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ที่คณะกรรมการด้วย"นายชัชพล กล่าว

                อินโฟเควสท์

UAC มั่นใจรายได้ปีนี้มากกว่า 1.5พันลบ. จ่อปิดดีลซื้อธุรกิจพลังงานทดแทน1แห่งใน Q2/58

    UAC มั่นใจรายได้ปีนี้มากกว่า 1.5 พันลบ.อัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนทำได้ 7-8%  คาด ปิดดีลซื้อธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ 1 แห่ง ภายใน Q2/58 มูลค่าลงทุนกว่า 300 ลบ. พร้อมตั้งเป้าภายใน 3ปี(58-60)มาร์เก็ตแคปทะลุ 1หมื่นลบ.รายได้มากกว่า 2พันลบ.กำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่ต่ำกว่า 30 MW เพิ่มสัดส่วนรายได้แตะ 50% พร้อมวางงบลงทุน 3 พันลบ.ลุยพลังงานทดแทน  ตั้งเป้าย้ายจาก mai เข้า SET หลังรายได้ทะลุ 5พันลบ.

    นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า รายได้ปีนี้จะมากกว่า 1,500 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ 1,200-1,300 ล้านบาทหลังจากมีการรับรู้รายได้ ของบริษัท แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอล จำกัด หรือ APC เข้ามากว่า 500 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมทั้งคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะขยับขึ้นมาไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่ 7-8% เพราะจะบันทึกค่าเสื่อมลดลงค่อนข้างมาก           

     ส่วนรายได้ในปี 2557 คาดว่าจะทำได้ราว 1,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,200 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ภาคการก่อสร้างชะลอตัว ทำให้ยอดขายลดลง            

    ด้านงบลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท โดยจะใช้สร้างโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 6 โรง กำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาท ใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์ รูฟ) กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท และใช้ไปกับการซื้อ APC 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการซื้อกิจการ             

    สำหรับ APC บริษัทฯเตรียมจะลงทุนราว 50-60 ล้านบาทในปีนี้ สำหรับเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่ 12,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับดีมานด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรสุทธิกว่า 15% น่าจะเข้ามาช่วยในแง่ของกำไรของบริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ            

    ส่วนโครงการไบโอดีเซล ที่ร่วมกับบริษัท บางจาก จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นประมาณ 30% จะมีส่วนแบ่งกำไร 60-70 ล้านบาทต่อปี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตใหม่อีกเกือบเท่าตัว ก็น่าจะทำให้ในปีหน้า ส่วนแบ่งกำไรในส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในระดับเท่าตัวเหมือนกับกำลังการผลิต

    บริษัทฯ จะสรุปซื้อดีลกิจการพลังงานทดแทนในประเทศ 1 แห่ง ภายใน ไตรมาส 2/2558 มูลค่าลงทุนกว่า 300 ล้านบาท โดยจะเป็นพลังงานประเภทที่บริษัทฯเชี่ยวชาญ อาทิ ไบโอแก๊ส ชีวมวล รวมไปถึงพลังงานขยะ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยหลังจากจบดีลดังกล่าว บริษัทฯ ก็จะมองหากลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพเพิ่มเข้ามาอยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทฯต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสมด้านราคาและความคุ้มค่าของการลงทุน

    นายชัชพล กล่าวต่อว่า  บริษัทฯตั้งเป้าภายใน 3 ปี (58-60) จะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ทะลุ 10,000 ล้านบาท  พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้เป็นมากกว่า 2,000 ล้านบาท และได้ตั้งงบลงทุน 3,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยจะเน้นโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส โรงไฟฟ้าชีวมวล รวมไปถึงโรงไฟฟ้าขยะ  ซึ่งอาจจะมีทั้งโครงการที่สร้างขึ้นใหม่ และการซื้อกิจการ              

        "เป้าหมายในระยะ 3 ปี คือการมีมาร์เก็ตแคปเกิน 10,000 ล้านบาท รายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งในตอนนั้นสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% จะมาจากธุรกิจพลังงานทดแทน และเคมีภัณฑ์  เพราะมีมาร์จิ้นที่ดีกว่า ส่วนธุรกิจเทรดดิ้งเดิมก็ยังจะคงไว้ให้มียอดขายราว 1.2-1.3 พันล้านบาทต่อปี ส่วนเรื่องเงินลงทุนก็จะมาจากเงินกู้และเงินหมุนเวียนในบริษัทฯ เป็นหลัก นอกจากนี้ในปีหน้าเราจะมีวอร์แรนต์ที่ครบกำหนดใช้สิทธิ ซึ่งจะได้เงินเข้ามาบริษัทฯหลายร้อยล้านบาท จึงน่าจะเพียงพอสำหรับการลงทุนใดๆ ที่จะเกิดขึ้นใน 3 ปีนี้"นายชัชพล กล่าว             

        ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะกลับไปอยู่ในระดับกว่า 12-13% เนื่องจากธุรกิจใหม่ เช่น เคมีภัณฑ์และพลังงานทดแทน มีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าธุรกิจเทรดดิ้ง

        บริษัทฯ ตั้งเป้าในปี 2560 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรวมไม่น้อยกว่า30 เมกะวัตต์ พร้อมเพิ่มสัดส่วนรายได้แตะ 50% โดยประเภทหลักที่บริษัทฯจะเน้น คือโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ที่มีอัตราการรับซื้อแบบ FiT ที่ราว 5.8 บาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าโรงไฟฟ้าประเภทที่มีอยู่ทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถผลิตได้ 24 ชั่วโมง รอเพียงความชัดเจนของโครงสร้างการสนับสนุนและนโยบายของภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯมีเป้าหมายที่จะเพิ่มโรงไฟฟ้าดังกล่าว 10 โรงต่อปี  หรือคิดเป็น 15 เมกะวัตต์ต่อปี โดยปัจจุบันมีอยู่ 6.5 เมกะวัตต์และจะเพิ่มให้เป็น 15 เมกะวัตต์ในสิ้นปีนี้             

       "เรามีความพร้อมในการทำโรงไฟฟ้าไบโอแก๊สค่อนข้างมาก ทั้งพื้นที่ เงินทุน และศักยภาพการผลิต แต่ตอนนี้เรารอเพียงความชัดเจนของนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งหากได้ข้อสรุปเมื่อไร ก็จะเริ่มดำเนินการตามแผนได้ทันที นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าอื่นๆ ที่เราสนใจ เช่น ชีวมวล ขยะ เป็นต้น"นายชัชพล กล่าว

     นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า บริษัทฯจะพิจารณาย้ายหุ้นจากตลาด mai เข้าจดทะเบียนใน SET หากรายได้ของบริษัทฯขึ้นไปแตะระดับกว่า 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่าน่าจะยังคงไม่เกิดขึ้นใน 1-2 ปีนี้ เพราะอยู่ในช่วงที่บริษัทฯกำลังพัฒนาธุรกิจให้มีขนาดเหมาะสมก่อน             

     "ภายใน 1-2 ปีนี้ คงยังไม่ได้คิดย้ายเข้า SET เพราะรายได้น่าจะอยู่ในระดับ 2,000 ล้านบาท แต่ในระยะยาว 4-5 ปี หากเราสามารถเพิ่มการเติบโตจนมีรายได้ขึ้นไปถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นระดับที่เหมาะสม ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง"นายกิตติ กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!