WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงแต่ไม่แรง เล็งแรงกดดันจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงแต่ไม่แรง โดยคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงต่อเนื่อง จนมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี  และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนลบ

    อย่างไรก็ดี เม็ดเงินจากกองทุน LTF, RMF ยังน่าจะช่วยประคองดัชนีฯไว้ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องติดตามค่าเงินบาทในช่วงนี้ที่อ่อนตัวลง อาจจะทำให้เงินทุนที่ไหลเข้ามาอาจมีการพักตัวได้

    พร้อมให้แนวรับ 1,585-1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,602 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(28 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,828.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด(+0.00%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,791.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด(+0.09%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,067.56 จุด ลดลง 5.27 จุด(-0.25%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.25 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 309.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 148.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 8.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.82 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.63 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 พ.ย.)1,593.91 จุด ลดลง 5.91 จุด(-0.37%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,127.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 พ.ย.57

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 พ.ย.)ที่ 66.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 7.54 ดอลลาร์

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 พ.ย.)ที่ 8.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 32.90/91 อ่อนค่ามองมีโอกาสแตะ 33 บาท/ดอลลาร์หลังดอลล์แข็ง-ทองลง

     - แบงก์พาณิชย์ ชี้ "กฎหมายค้ำประกันใหม่" ควรปรับปรุงเกณฑ์ให้เอื้อต่อธุรกิจ และช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เตรียมหารือ ธปท. ขณะออมสินรับมีผลกระทบ เตรียมแก้สัญญาเงินกู้ใหม่ ขณะบสย. ระบุเอสเอ็มอีรายย่อย กระทบหนัก เหตุแบงก์เข้มงวดปล่อยกู้ เข้าถึงแหล่งเงินยากขึ้น คาดหลังก.ม.บังคับใช้ต้นปีหน้า แบงก์เลือกฟ้องร้องแทนประนอมหนี้ ส่งผลคดีพุ่ง

     - "คลัง" เล็งทำงบประมาณกลางปี 58 กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ประเมินแนวโน้มการจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมาย ระบุ เดือนต.ค.สามารถจัดเก็บได้สูงกว่า เป้าหมายกว่า 8 พันล้าน "วิสุทธิ์" สั่ง กรมบัญชีกลางเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน หลังพบ 2 เดือน เบิกจ่ายได้แค่ 2 หมื่นล้าน

   - "แบงก์ชาติ" ยืนยันไม่ห่วงปัญหาเอ็นพีแอล สินเชื่อบัตรเครดิต-ส่วนบุคคลที่พุ่งเร็ว เหตุสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมน้อย อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ตัดเป็นหนี้สูญเร็วช่วยสะท้อนฐานะแท้จริง พร้อมบริหารจัดการได้เร็ว แต่ห่วงดึงการบริโภคฟื้นช้า ติงแจกคูปองช่วยผู้มีรายได้น้อย ควรทำเฉพาะกรณีจำเป็นเท่านั้น เหตุไม่ยั่งยืน

    - "ก้องเกียรติ"เสนอปรับความชันหรือการปรับขึ้นของราคาหุ้นต่ำกว่า 1 บาท ป้องกันราคาขึ้นสูงผิดปกติกับการเก็งกำไร ถือเป็นแนวทางเดียวกับตลาดสหรัฐใช้ ด้านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ขอรอดูผล 3 มาตรการใหม่ พร้อมรับฟังมาตรการเพิ่มเติม

    - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายล่าสุดในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีเงินไหลออกสุทธิ 1,759 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ไหลออกสุทธิ 806 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท จากการไหลออกไปลงทุนของนักลงทุนไทย ทั้งในรูปแบบการออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (ทีดีไอ) และการลงทุนในหลักทรัพย์

*หุ้นเด่นวันนี้

      - NPARK-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.แนเชอรัล พาร์ค (NPARK) มีจำนวน 180,637,710,882 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.06 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ  5 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 7 พฤศจิกายน 2557 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย   6 พ.ย. 2562

     - ITD(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 8.50 บาท มีมุมมองเชิงบวกหลัง EGCO ประกาศแผนร่วมทุนกับ ITD เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทวาย โดยถือหุ้นในสัดส่วน 70:30 เฟสแรกจะสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 100 MW และเพิ่มเป็น 300 MW ภายในปี 59 ดังนั้น ITD จะได้ประโยชน์ถึง 2 ทางทั้งค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าราว 1.8 หมื่นล้านบาท และส่วนแบ่งกำไร 30% จากธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง และคาดว่า ITD ไม่ต้องจ่ายเงินสดในการลงทุน เนื่องจากจะใช้การโอนสิทธิที่ลงทุนพัฒนาโครงการทวายไปแล้วก่อนหน้าราว 6 พันล้านบาท เพื่อเปลี่ยนเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวแทน

     - TPIPL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 2.50 บาท เชื่อว่าหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง เนื่องจากจะส่งผลให้ต้นทุนในการผลิต และค่าขนส่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 10-15% ของต้นทุนรวมลดลง คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจปูนซีเมนต์ในปี 2558 ที่คาดว่าจะเติบโตสูง จากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ และการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่จำนวน 90 MW เป็น 144 MW ใน 2H57 จะเป็นปัจจัยหนุนให้กำไรปกติปี 2558 เติบโต +98.9% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และต่อเนื่อง +79.0% yoy เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังหุ้นกลุ่มพลังงานร่วง

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งล่าสุด

    ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ลดลง 0.3% แตะที่ 140.25 จุด เมื่อเวลา 9.01 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,475.10 จุด เพิ่มขึ้น 15.25 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,691.73 จุด เพิ่มขึ้น 8.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,678.00 จุด ลดลง 309.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,038.41 จุด ลดลง 148.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,971.95 จุด ลดลง 8.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,352.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.82 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,821.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 0.80 จุด จากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน

  ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งล่าสุด

   ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,722.62 จุด ลดลง 0.80 จุด หรือ -0.01%

    หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่าตลาดโลกอยู่ในภาวะที่มีอุปทานน้ำมันมากเกินไปก็ตาม โดยหุ้นบีจี กรุ๊ป ดิ่งลง 8.8% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปรับตัวลง 8.37%

    อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและเดินเรือ โดยหุ้นคาร์นิวาล พุ่งขึ้น 4.56% และหุ้นทียูไอ ทราเวล ปรับตัวขึ้น 3.41%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: หุ้นค้าปลีกพุ่ง หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 0.49 จุด

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ต่างก็ใช้แผนทางการตลาดเพื่อดึงดูดผู้ซื้อในช่วงเทศกาลวันหยุด  อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งล่าสุด

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,828.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด หรือ +0.00% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,791.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,067.56 จุด ลดลง 5.27 จุด หรือ -0.25%

    หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น และช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก โดยหุ้นวอล-มาร์ท พุ่งขึ้น 3.02% หลังจากบริษัทใช้กลยุทธ์ปรับลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภค ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นบริษัทค้าปลีกรายอื่นๆ รวมถึงทาร์เก็ต เมซี และเจซี เพนนี ต่างก็ปิดตลาดปรับตัวขึ้นเช่นกัน

   อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก ภายหลังจากที่กลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตในการประชุมล่าสุด โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอนโมบิล ต่างก็ปรับตัวลดลง

   ทั้งนี้ กลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่าตลาดโลกอยู่ในภาวะที่มีอุปทานน้ำมันมากเกินไปก็ตาม โดยที่ผ่านมานั้น สมาชิกกลุ่มโอเปคยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน โดยเวเนซูเอล่าและอิหร่านต่างก็ส่งสัญญาณว่าโอเปคควรจะปรับลดการผลิต ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปคนั้น สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดการผลิต

    แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 21% และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 16%

  นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย., ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 28 พ.ย.

 

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,828.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด, +0.00%

 

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,791.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด, +0.09%

 

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,067.56 จุด ลดลง 5.27 จุด, -0.25%

 

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,390.18 จุด เพิ่มขึ้น 7.84 จุด, +0.18%

 

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,980.85 จุด เพิ่มขึ้น 5.98 จุด, +0.06%

 

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,722.62 จุด ลดลง 0.80 จุด, -0.01%

 

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิด 28,693.99 จุด เพิ่มขึ้น 255.08 จุด, +0.90%

 

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,350.50 จุด เพิ่มขึ้น 9.54 จุด, +0.29%

 

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,820.89 จุด ลดลง 9.02 จุด, -0.49%

 

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,149.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.57 จุด, +0.09%

 

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,987.45 จุด ลดลง 16.83 จุด, -0.07%

 

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,294.38 จุด เพิ่มขึ้น 29.04 จุด, +0.40%

 

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,682.84 จุด เพิ่มขึ้น 52.35 จุด, +1.99%

 

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,980.78 จุด ลดลง 1.31 จุด, -0.07%

 

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,459.85 จุด เพิ่มขึ้น 211.35 จุด, +1.23%

 

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,187.15 จุด เพิ่มขึ้น 21.84 จุด, +0.24%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดบวกเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ต่างก็ใช้แผนทางการตลาดเพื่อดึงดูดผู้ซื้อในช่วงเทศกาลวันหยุด  อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งล่าสุด

 

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,828.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด หรือ +0.00% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,791.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,067.56 จุด ลดลง 5.27 จุด หรือ -0.25%

 

         

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงร่วงลงหลังจากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งปัจจัยลบดังกล่าวได้สกัดการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว

 

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 347.25 จุด

 

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,390.18 จุด เพิ่มขึ้น 7.84 จุด หรือ +0.18% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,980.85 จุด เพิ่มขึ้น 5.98 จุด หรือ +0.06% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,722.62 จุด ลดลง 0.80 จุด หรือ -0.01%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งล่าสุด

 

          ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,722.62 จุด ลดลง 0.80 จุด หรือ -0.01%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ตัดสินใจไม่เปลี่ยนแปลงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมล่าสุด แม้ตลาดโลกมีอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นก็ตาม

 

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 7.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 2. 43 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ และสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อันเนื่องมาจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า การปรับตัวลงของราคาน้ำมันจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้น

 

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 22 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 1,175.5 ดอลลาร์/ออนซ์

 

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.05 เซนต์ ปิดที่ 15.556 ดอลลาร์/ออนซ์

 

          ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 17.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,211.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 813.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้น

 

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 118.75 เยน จากการซื้อขายวันก่อนที่ระดับ 117.81 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9657 ฟรังค์ จากระดับ 0.9639 ฟรังค์

 

          ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2443 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2471 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.5629  ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5736  ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะ 0.8504  ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8545 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,153.00 จุด ลดลง 34.00 จุด, -2.86%

 อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!