WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนี เช้าฟื้นตามภูมิภาค หลังข้อมูลศก.สหรัฐฯดี-ราคาน้ำมันรีบาวน์

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดจีน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดี โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯงวดต้นม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 98.2 สูงสุดในรอบ 11 ปี และราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ขึ้นด้วย ทำให้ไปหนุนหุ้นในกลุ่มน้ำมันในสหรัฐฯ และคาดว่าจะหนุนหุ้นในกลุ่มน้ำมันในตลาดบ้านเราด้วย

    นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์(SNB)ปล่อยลอยตัวสกุลเงินฟรังก์ และลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในรอบ 10 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

   พร้อมให้แนวรับ 1,514-1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535-1,540 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(16 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,511.57 จุด พุ่งขึ้น 190.86 จุด(+1.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,634.38 จุด เพิ่มขึ้น 63.56 จุด(+1.39%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,019.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด(+1.34%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 136.62 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 186.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 132.29 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 45.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 14.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 17.91 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.93 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(16 ม.ค.58)1,517.74 จุด ลดลง 5.64 จุด(-0.37%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,897.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ม.ค.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(16 ม.ค.58) ปิดที่ 48.69 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.44 ดอลลาร์

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(16 ม.ค.58)ที่ 8.33 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 32.52/54 แข็งค่ารอบ 2 เดือนจากแรงขายดอลล์-ราคาทองหนุน

       - คลังเตรียมเสนอรัฐบาลเพิ่มภาษีดีเซลอีก 2 บาทต่อลิตร รวมเก็บเข้ากองทุน 3.25 บาทต่อลิตร เป็น 5.25 บาท คาดรายได้เพิ่มกว่าแสนล้าน หวังลดขาดดุลงบประมาณปี 2559 คาดขาดดุล 3 แสนล้าน จากวงเงินรวม 2.72 ล้านล้าน ขณะนักวิชาการชี้ควรเก็บภาษีไม่เกิน 4 บาท

      - แบงก์ชาติย้ำเกณฑ์โอนความเสี่ยงด้านเครดิต เปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์ลดความเสี่ยงการปล่อยกู้ ชี้ธุรกรรมดังกล่าวแตกต่างจาก "ซีดีเอส" เหตุทุกฝ่ายรู้จักกันหมด ทั้งไม่สามารถโอนต่อได้อีก เชื่อช่วยปลดล็อก ข้อจำกัดปล่อยกู้ หนุนเศรษฐกิจเติบโต

     - "ประยุทธ์" นัดถกคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 19 ม.ค.นี้ ติดตามความคืบหน้ามาตรการจูงใจ ดึงเอกชนลงทุนในเขตพิเศษ จับตาเคาะเงื่อนไขส่งเสริมลงทุนมากกว่า บีโอไอ ผ่อนปรนเรื่องแรงงานต่างด้าว พร้อมจัดเต็มเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา ด้าน "พาณิชย์" รุกต่อดันการค้าชายแดนไทย-เมียวดี เตรียมจัดมหกรรมการค้าชายแดนดันการค้า การลงทุน 29 ม.ค.นี้

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือเดือน พ.ย. 2557 ว่า เศรษฐกิจชะลอตัวลงจากเดือนก่อนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และชะลอตัวลงในทุกด้านยกเว้นเพียงภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น หลังจากที่การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนของรัฐบาลชะลอตัวลงมาก แม้จะมีความพยายามเบิกจ่ายเพื่อการปรับปรุงซ่อมสร้างมากขึ้นก็ตาม

    - กระทรวงพลังงานเรียกกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าเอสพีพีเจรจา หลังพบใกล้หมดสัญญาในอีก 3 ปี ชี้อาจทำสัญญาฉบับใหม่ได้ แต่ไม่ครบทั้ง 25 ราย ต่อรองให้ลดขนาดโรงไฟฟ้าลง

*หุ้นเด่นวันนี้

      - MILL-W3 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบริษัท มิลล์คอน สตีล(MILL)เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 625,696,792หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 22 ธันวาคม 2557 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มิ.ย. 2558 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 20 ธ.ค. 2562

     - KBANK(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 260 บาท จะรายงานผลประกอบการ 4Q57 ในวันนี้ คาดกำไรสุทธิจะเติบโต +17% yoy เป็น 1.09 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดเงินปันผล 2H57 หุ้นละ 3.40 บาท และคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของสินเชื่อปี 2558 โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต +8% yoy ตามการฟื้นตัวของ GDP และรายได้ค่าธรรมเนียมมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +8.7% yoy เป็น 50,688 ล้านบาท และ Valuation มีความน่าสนใจ และเชื่อกลุ่มธนาคารจะตอบรับเชิงบวกจากแรงเก็งกำไรการออก QE ของ ECB ในการประชุม 22 ม.ค.

    - ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 56 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q14 ลดลง 11% Y-Y จากการบริโภคที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่และการท่องเที่ยวชะลอ ยอดขายสาขาเดิมยังติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 และทำให้กำไรปี 2014 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ราว -8% Y-Y แต่เชื่อว่ากำไรจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปีนี้จากแผนขยายสาขาในไทยและเวียดนาม และนำบริษัทร่วม Power Buy(ROBINS ถือ 40%)เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในเวียดนาม ยปรับกำไรปีนี้ขึ้น 2% เป็นโต 24% Y-Y

   - THCOM(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 50 บาท ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2014-15 ลง 5% และ 1% แต่ยังมีกำไรเติบโตสูง โดยคาด +41% Y-Y ในปี 2014, +35% Y-Y ปี 2015 และ +16% Y-Y ปี 2016 มาจากทั้ง iPSTAR(อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าหลายราย) และดาวเทียมเดิมที่มีความต้องการมากขึ้นจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปของทีวีช่องปกติเป็นช่องทีวี HD ในปัจจุบันและเป็น Ultra HD ในอนาคตต้องใช้ Bandwidth มากกว่าช่องปกติถึง 4 เท่าและ 16 เท่าตามลำดับ ขณะเดียวกัน Digital TV ก็ต้องเช่าช่องสัญญาณจากดาวเทียมเช่นกันจากกฎ Must carry และปีนี้เป็นปีแรกที่รับรู้รายได้เต็มปีจากไทยคม 7 ส่วนไทยคม 8 จะให้บริการในปี 2016

     - CBG(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 43 บาท เกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นลงแรงต่ำสุด -19% คาดเป็นผลจากตลาดวิตกผลการดำเนินงาน 2014-15 ไม่โตดีอย่างที่คาด และภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มใหม่ มองราคาหุ้นลงมากเกินความเป็นจริง ขณะที่กำไร 2014-15 คงคาดทำได้ตามเป้าคงคาดกำไรสุทธิที่ 897-1,321 ล้านบาท ตามลำดับ(9 เดือน 2014 มีกำไรแล้วรวม 641 ล้านบาทคิดเป็น 72% ของประมาณการณ์) ส่วนภาษีเครื่องดื่มใหม่ไม่ได้เรียกเก็บบนเครื่องดื่มชูกำลัง และปัจจุบันโดนเก็บภาษีในอัตราสูงอยู่แล้วถึง 20%

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่ง

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี

     ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 138.20 จุด เมื่อเวลา 9.01 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,000.78 จุด เพิ่มขึ้น 136.62 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,189.73 จุด ลดลง 186.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,971.23 จุด ลดลง 132.29 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,183.76 จุด เพิ่มขึ้น 45.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,902.81 จุด เพิ่มขึ้น 14.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,318.59 จุด เพิ่มขึ้น 17.91 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,745.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด

     ทั้งนี้ ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ ดีดตัวสู่ระดับ 98.2 ในช่วงต้นเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 51.49 จุด ขานรับหุ้นบีพีพุ่ง

    ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) ขานรับการพุ่งขึ้นของหุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี

     ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,550.27 จุด เพิ่มขึ้น 51.49 จุด  +0.79% หรือ

     หุ้นบีพีพุ่งขึ้น 5.3% หลังจากศาลสหรัฐมีคำพิพากษาตัดสินว่า น้ำมันจากแท่นขุดเจาะของบีพีที่รั่วลงสู่อ่าวเม็กซิโกเมื่อปี 2553 นั้น มีปริมาณน้อยกว่าที่รัฐบาลสหรัฐได้คำนวณไว้ ซึ่งส่งผลให้บีพีจ่ายค่าปรับน้อยลงด้วย

    หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาโลหะในตลาดโลก รวมถึงหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และหุ้นเกล็นคอร์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังหุ้นพลังงานพุ่ง,คาดการณ์อีซีบีใช้ QE

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ในการประชุมสัปดาห์หน้า

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.1% ปิดที่ 352.4 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,379.62 จุด เพิ่มขึ้น 56.42 จุด หรือ +1.31% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,167.77 จุด พุ่งขึ้น 135.16 จุด หรือ +1.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,550.27 จุด เพิ่มขึ้น 51.49 จุด หรือ +0.79%

   ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นขานรับหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเนื่องจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของผลผลิตน้ำมันนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) โดยหุ้นบีพีพุ่งขึ้น 5.3% ส่วนหุ้นโททาล และหุ้นบีจี กรุ๊ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 3%

    นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า อีซีบีอาจจะประกาศใช้มาตรการ QE ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25% โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด

    ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE ครั้งใหญ่ ด้วยการกล่าวให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ของเยอรมนีว่า อีซีบีไม่สามารถมองข้ามความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืดในยูโรโซน และยังกล่าวด้วยว่าความเสี่ยงที่อีซีบีจะไม่สามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาเอาไว้ได้นั้น มีสูงกว่าเมื่อ 6 เดือนก่อน ทำให้อีซีบีต้องเตรียมพร้อมในการปรับวงเงินในมาตรการ QE ในช่วงต้นปี 2558 หากมีความจำเป็น

    หุ้นเนสเล่ หุ้นโนวาร์ติส และหุ้นโรช โฮลดิง ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 4.5% ส่วนหุ้นบริษัทผลิตนาฬิกา รวมถึงหุ้น Cie. Financiere Richemont และหุ้นสวอช กรุ๊ป ร่วงลงกว่า 6.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 190.86 จุด รับผลประกอบการเอกชน,ข้อมูลศก.สหรัฐ

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และอินเทล คอร์ป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,511.57 จุด พุ่งขึ้น 190.86 จุด หรือ +1.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,634.38 จุด เพิ่มขึ้น 63.56 จุด หรือ +1.39% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,019.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด หรือ +1.34%

   ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ถูกกระหน่ำขายติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไร 2.17 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.38 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 4/2557 ซึ่งแม้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 2.33 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.60 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ก็สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์คาดการณ์ไว้ที่ 4.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ ดีดตัวสู่ระดับ 98.2 ในช่วงต้นเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ร่วงลง 0.4% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2008 และช่วยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป

    หุ้นอินเทล คอร์ป ปรับขึ้น 0.72% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2557 ที่ดีเกินคาด อย่างไรก็ตาม หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.71% แม้ธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

    หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 3.19% เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของผลผลิตน้ำมันนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอนโมบิล พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นเชฟรอนทะยานขึ้น 2.4% หุ้นนิวฟิลด์พุ่งขึ้น 10% และหุ้นซีราเม็กซ์ เอนเนอร์จี ปรับขึ้น 7.7%

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึงดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB),  ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จาก Conference Board

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ม.ค. 2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,511.57 จุด เพิ่มขึ้น 190.86 จุด, +1.10%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,634.38 จุด เพิ่มขึ้น 63.56 จุด, +1.39%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,019.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด, +1.34%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,379.62 จุด เพิ่มขึ้น 56.42 จุด, +1.31%                              

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,167.77 จุด เพิ่มขึ้น 135.16 จุด, +1.35%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,550.27 จุด เพิ่มขึ้น 51.49 จุด, +0.79%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,121.89 จุด เพิ่มขึ้น 46.34 จุด, +0.17%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,300.68 จุด ลดลง 38.16 จุด, -1.14%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,743.57 จุด ลดลง 1.43 จุด, -0.08%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,148.38 จุด ลดลง 40.33 จุด, -0.78%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,103.52 จุด ลดลง 247.39 จุด, -1.02%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,376.50 จุด เพิ่มขึ้น 40.04 จุด, +1.20%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,888.13 จุด ลดลง 26.01 จุด, -1.36%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,864.16 จุด ลดลง 244.54 จุด, -1.43%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,138.29 จุด ลดลง 26.80 จุด, -0.29%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,299.20 จุด ลดลง 32.20 จุด, -0.60%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,278.80 จุด ลดลง 31.80 จุด, -0.60%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (16 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และอินเทล คอร์ป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,511.57 จุด พุ่งขึ้น 190.86 จุด หรือ +1.10% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,634.38 จุด เพิ่มขึ้น 63.56 จุด หรือ +1.39% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,019.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด หรือ +1.34%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ในการประชุมสัปดาห์หน้

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.1% ปิดที่ 352.4 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,379.62 จุด เพิ่มขึ้น 56.42 จุด หรือ +1.31% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,167.77 จุด พุ่งขึ้น 135.16 จุด หรือ +1.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,550.27 จุด เพิ่มขึ้น 51.49 จุด หรือ +0.79%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) ขานรับการพุ่งขึ้นของหุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี

          ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,550.27 จุด เพิ่มขึ้น 51.49 จุด หรือ +0.79%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของผลผลิตน้ำมันนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) นอกจากนี้ IEA ระบุว่าในขณะนี้กำลังมีสัญญาณเพิ่มขึ้นว่าราคาจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในที่สุด

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.17 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีปฏิกริยาต่อข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 12.1 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 1,276.9 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 64.8 เซนต์ ปิดที่ 17.75 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,269.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 11 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ในการประชุมสัปดาห์หน้านี้

          ยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.1587 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.1612 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.5171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5188 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.8238 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8224 ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 117.45 เยน จากระดับ 116.52 เยน อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.8543 ฟรังก์ จากระดับ 0.8724 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.1962 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.1969 ดอลลาร์แคนาดา

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 741.00 จุด ลดลง 8.00 จุด, -1.07%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!