WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามภูมิภาค เก็งผลประชุม ECB-เชื่อราคาน้ำมันไปต่อ

       นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบ

         แนวต้านที่ 1,540 จุดได้ โดยนักลงทุนยังเข้ามาเก็งกำไรประเด็นผลประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ที่คาดว่าจะมีมาตรการซื้อสินทรัพย์(QE)จะส่งผลต่อสภาพคล่องให้มีมากขึ้น และเชื่อว่าราคาน้ำมันในระยะยาวยังจะสามารรีบาวด์ได้ถึงแม้วานนี้ ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย

        นอกจากนี้ ผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ขนาดเล็ก อาทิ TMB และ TISCO

         ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดตลาดภาคเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก

        พร้อมให้แนวต้าน 1,540 จุด แนวรับ 1,525 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดทำการเมื่อวานนี้(19 ม.ค.58)เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 57.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 59.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.00 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.87 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.90 จุด

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(19 ม.ค.58)1,535.37 จุด เพิ่มขึ้น 17.63 จุด(+1.16%)

        - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,233.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ม.ค.58

       - ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(19 ม.ค.58)เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(19 ม.ค.58)ที่ 8.08 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 32.60/62 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์แข็งค่า

    - รัฐบาลเร่งเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จูงใจนักลงทุน เตรียมหาที่ดินรัฐเปิดให้เอกชนเช่าระยะยาว 30-50 ปี หลังราคาพุ่ง 3-10 เท่าหลังประกาศนโยบาย พร้อมเพิ่มหนองคายอีกแห่ง รองรับรถไฟไทย-จีน "ประยุทธ์" เตือนเก็งกำไรมาก ระวังขาดทุน ชี้ได้ประโยชน์เฉพาะบางพื้นที่

     - กนป.อนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตเดียว 5 หมื่นตันจากมาเลเซีย-อินโดนีเซีย ภายในกลางเดือนก.พ.นี้  สั่งตรึงราคารับซื้อผลปาล์มดิบในประเทศ 5 บาทต่อกิโลกรัม ถึงสิ้นเดือนมี.ค.ป้องกันผลกระทบเกษตรกร นายกฯยันเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นสมาพันธ์สมาคมชาวสวนปาล์มฯต้านนำเข้า หวั่นกระทบราคาภายใน

     - ค่าเงินบาทแข็งค่ารอบกว่า 2 เดือน จากเงินไหลเข้าเอเชีย หลังสวิสลอยค่าเงิน ส่งผลนักลงทุนเทขายค่าเงินยูโร-ลงทุนประเทศที่เศรษฐกิจดีขึ้น รวมถึงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและเงินดอลลาร์

    - "ประธานสมาคมธนาคารไทย" แนะ ผู้ส่งออกทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน หลังประเมินเศรษฐกิจไทยเผชิญความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกสูง โดยเฉพาะ "ยุโรป" จะออกมาตรการอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกระลอก "หอการค้าไทย" ระบุ ต่างประเทศชะลอคำสั่งซื้อสินค้า หวั่นซื้อของแพงหากราคาน้ำมันลดลงอีก ขณะที่ "ปรีดิยาธร" มองเศรษฐกิจไทยโตได้ 5-6% หากพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

    - นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตสินค้า 5 รายการ ได้แก่ น้ำมันหล่อลื่น เม็ดพลาสติก ปูนซีเมนต์ กระเบื้องมุงหลังคา และเหล็กเส้น เหล็กแผ่น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ได้ทำการปรับลดราคาสินค้าลงมาแล้ว หลังจากได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงลิตรละ 4.50 บาท หรือลดลง 15% ส่งผลให้ต้นทุนด้านค่าขนส่งลดลง

     - "หม่อมอุ๋ย" ลั่นเร่งเบิกงบประมาณดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4% เชื่ออนาคตยอดลงทุน BOI พุ่งช่วยเสริมอีกแรง ขณะที่ "บัณฑิต" เห็นพ้อง มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 58 โตได้ 4% เหตุรัฐบาลเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเต็มสูบ มองราคาน้ำมันที่ลดลงช่วยเพิ่มกำลังซื้อภาคประชาชน

    - นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัยบล.ภัทร เผยเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยภัทรคาดว่าจะโต 3.5% แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เติบโตไม่ได้ตามคาด ที่ห่วงมากที่สุดตอนนี้ คือการส่งออกของไทยจะไม่เป็นตามที่คาด เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับลดลงมาถึง 50% เหลือ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ต้องติดตามดู เพราะถ้าราคาน้ำมันลดลงจากการผลิตก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาจากการบริโภคที่ลดลง สะท้อนว่ากำลังซื้อของโลกลดลง ก็จะกระทบต่อการส่งออก

*หุ้นเด่นวันนี้

     - SYNTEC(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 3.57 บาท คาด 4Q57 มีกำไร 102 ล้านบาท และทั้งปี 2557 ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 371 ล้านบาท (+360%YoY) เนื่องจากรายได้ก่อสร้างเพิ่ม 7% อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 12.2% (จาก 8.2% ในปี 56)และมีกำไรจากการขายหุ้น BMCL &กลับสำรองฯเป็นรายได้ 43 ล้านบาท แนวโน้มปี 58 ยังไปได้ดี ทั้งการรับรู้รายได้และมาร์จิ้นที่คาดว่าจะยังรักษาไว้ที่ระดับ 12-13% ได้ บริษัทมีเงินลงทุนใน BMCL เหลืออยู่ 255 ล้านหุ้น ซึ่งมี Unrealized gain กว่า 200 ล้านบาท

    - TMB(บัวหลวง)เป้าใหม่ 3.5 บาท(เดิม 3.3 บาท) รายงานกำไร 4Q14 3 พันล้านบาท มากกว่าเราคาด 71% และดีกว่า Consensus คาด 35% เป็นผลจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นส่งผลให้ ตั้งสำรองน้อยกว่าคาดมาก โดยคาดแนวโน้ม NPL ที่ทรงตัว (4Q14 อยู่ที่ 3.4%) จะส่งผลแนวโน้มการตั้งสำรองลดลงตามที่ผู้บริหารตั้งเป้า จึงได้ปรับกำไรปี 2015-16 ขึ้น 12-19% เป็น 1.05-1.25 หมื่นล้านบาทตามลำดับ

     - SOLAR(โกลเบล็ก)เป้า Consensus 19.50 บาท คาดรายได้และกำไรปี 2558 เติบโตสูงจากการเพิ่มกำลังการผลิตแผงโซล่าร์จาก 70 เป็น 200 Mw  และได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐโรงไฟฟ้าโซลาร์ชุมชน 400 Mw ซึ่งกำหนดให้ใช้แผงที่ได้มาตรฐานมอก. และคาดได้ข้อสรุปโครงการ Solar roof top ม.ธรรมศาสตร์ 10 Mw. ภายในปี 2558 ช่วยหนุนรายได้และกำไรที่มั่นคง ส่วนการทำ JV กับโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นหนุนการเติบโต 3 ปีข้างหน้า

      - CKP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 22.25 บาท ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ คือ ผลประกอบการ 4Q57 ที่คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2557 จากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น qoq ตามปริมาณน้ำในเขื่อนน้ำงึม 2 ที่กลับเข้าสู่ระดับปกติ และมีการนำเอาการผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน(Excess Energy)ที่เก็บสะสมไว้มาใช้จึงทำให้ CKP สามารถบันทึกส่วนต่างรายได้เพิ่มเติมใน 4Q57, จุดเด่นของ CKP อยู่ที่การเติบโตต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้า พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +16.5% yoy เป็น 501 ล้านบาท และต่อเนื่อง +11.1% yoy เป็น 556 ล้านบาท ในปี 2559

ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีน

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่จะมีการเปิดเผยในเช้าวันนี้

   ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เพิ่มขึ้น 0.1% แตะระดับ 137.74 จุด เมื่อเวลา 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,071.65 จุด เพิ่มขึ้น 57.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,114.56 จุด ลดลง 1.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,798.46 จุด เพิ่มขึ้น 59.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,188.76 จุด เพิ่มขึ้น 14.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,908.62 จุด เพิ่มขึ้น 6.00 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,315.57 จุด เพิ่มขึ้น 7.87 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,754.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.90 จุด

     ทั้งนี้ จีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในเช้าวันนี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนธ.ค., จีดีพีไตรมาส 4/2557 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นเทสโก้พุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 35.26 จุด

     ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทสโก้ หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสโก้

    ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,585.53 จุด เพิ่มขึ้น 35.26 จุด หรือ +0.54%

    หุ้นเทสโก้พุ่งขึ้น 1.1% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสโก้ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นเทสโก้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ถูกกดดันอย่างหนักจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทเทสโก้ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของอังกฤษ ลงสู่ระดับ Ba1 เหนือระดับ "ขยะ" เพียง 1 ขั้น จากเดิมที่ Baa3

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน หุ้นเกล็นคอร์ และหุ้นริโอทินโต ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1%

    นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีจะประกาศใช้ QE ด้วยการดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรในวงเงิน 5.50 แสนล้านยูโร (6.35 แสนล้านดอลลาร์)  ในการประชุมอีซีบีครั้งนี้ ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์เพื่อผลักดันให้ยูโรโซนหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับคาดการณ์อีซีบีใช้ QE

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหญ่ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งกระแสคาดการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 353.18 จุด

     ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,242.35 จุด เพิ่มขึ้น 74.58 จุด หรือ +0.73% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,585.53 จุด เพิ่มขึ้น 35.26 จุด หรือ +0.54% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,394.93 จุด เพิ่มขึ้น 15.31 จุด, +0.35%

    ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดในแดนบวก เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าอีซีบีจะประกาศใช้มาตรการ QE ครั้งใหญ่ โดยผลการสำรวจบ่งชี้ว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีจะประกาศใช้ QE ด้วยการดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรในวงเงิน 5.50 แสนล้านยูโร (6.35 แสนล้านดอลลาร์)  ในการประชุมอีซีบีวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์เพื่อผลักดันให้ยูโรโซนหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด

     นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า นายดรากีจะออกแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนว่า เขามีโครงการในมือที่จะใช้วงเงินจำนวนมาก และมีพลังที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุโรปที่ซบเซา

     หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี โดยหุ้นบังโค ป๊อปปูเลร์ และหุ้นบังคา ป๊อปปูเลร์ ดี มิลาโจ สคาร์ล ต่างก็ทะยานขึ้น 15% ส่วนหุ้นบังคา ป๊อปปูเลร์ เดล เอมิลา โรแม็กนา พุ่งขึ้น 8.5%

    หุ้นเทเลโฟนิกา ปรับขึ้น 2.3% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทฮัทชิสัน วัมเปา กำลังตัดสินใจเรื่องการซื้อธุรกิจ O2 ของเทเลโฟนิกาในประเทศอังกฤษ

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของเยอรมนีในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค.โดย ZEW

ตลาดหุ้น,การเงินสหรัฐปิดทำการวันนี้เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

     ตลาดหุ้นและตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

    อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับฐานลงในวันนี้ หลังจากตลาดวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันศุกร์ ณ เวลา 19.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 54 จุด หรือ 0.31% ที่ระดับ 17,379 จุด

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (16 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และอินเทล คอร์ป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้

   นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB),  ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จาก Conference Board

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!