WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้น เล็งราคาน้ำมันรีบาวด์หนุน-ต่างชาติยังซื้อสุทธิ

      นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนายการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้น โดยน่าจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่รีบาวน์ขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้ว่า Sentiment ตลาดสหรัฐฯจะไม่ดีนักจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่ออกมาผิดหวังไปจากความคาดหมาย แต่ก็มองว่าเป็นปัจจัยเฉพาะของตลาดสหรัฐฯ

      แต่ตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าจะยังเห็นภาพการฟื้นตัวผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไทย แม้ว่าจะมีผลประกอบการของกลุ่มพลังงานถ่วงบ้าง แต่ก็ทำให้ตลาดฯอ่อนตัวไม่มาก ซึ่งวันนี้น่าจะเห็นการฟื้นตัวมากกว่า

      ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดฯที่ติดลบน่าจะเป็นไปตามตลาดสหรัฐฯ ซึ่ง Impact แม้ว่าจะมีอยู่บ้างแต่ก็ไม่แรง เนื่องจากบ้านเราจะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอยู่ แม้ว่ากองทุนจะขายสุทธิแต่ก็เป็นเรื่องของการปรับพอร์ต ตาม Target ของแต่ละกองทุนไป

    อย่างไรก็ดี ให้ติดตามดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ซึ่งมองว่าเฟดยังไม่น่าจะรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้นี้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร คาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมต่อไป

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,580-1,600 จุด

     ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(27 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,387.21 จุด ร่วงลง 291.49 จุด(-1.65%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,681.50 จุด ลดลง 90.26 จุด(-1.89%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,029.55 จุด ลดลง 27.54 จุด(-1.34%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 152.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 27.24 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 7.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 18.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.13 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 8.41 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(27 ม.ค.58)1,589.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด(+0.09%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,376.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ม.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(27 ม.ค.58) ปิดที่ 46.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(27 ม.ค.58)ที่ 8.42 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.60/61 เซอร์ไพร์สสิงคโปร์ผ่อนคลายนโยบายการเงิน จับตากนง.

                - "ประยุทธ์"สั่งหน่วยงานเศรษฐกิจจับตาค่าเงินบาทผันผวน หลังยุโรปอัดฉีดคิวอี ผวาเก็งกำไรกระทบเศรษฐกิจภาพรวม ด้าน"ปรีดิยาธร"ชี้แบงก์ชาติรับมือได้ พาณิชย์ห่วงค่าเงินผันผวน แนะผู้ประกอบการประกันความเสี่ยง ขณะตลาดจับตาผลการประชุมเฟด-กนง.วันนี้

                - พาณิชย์เผยส่งออกปี 2557 ติดลบ 0.41% เหตุ ราคาน้ำมันร่วง-สินค้าเกษตรตกต่ำ เตรียมประเมินผลกระทบใหม่ แต่ยังคงเป้าปีนี้โต 4% แม้กังวลค่าเงินผันผวน และเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัว

                - สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ 53 คน พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ ส่วนใหญ่ 45% คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.นี้ ในขณะที่อีก 30% เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.โดยปัญหาเงินเฟ้อที่ลดต่ำลงจะไม่เป็นอุปสรรคให้เฟดต้องเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยไปอีกปี

                - นายมาซายาสุ โฮซูมิ ประธานคณะสำรวจด้านเศรษฐกิจ หอการค้าญี่ปุ่นกรุงเทพฯ และประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ประจำประเทศไทย(เจโทร)เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย พบว่า สภาพธุรกิจในประเทศไทยคาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งแรกของปี  เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของเอกชนมีทิศทางที่ดี กระบวนการการอนุมัติโครงการของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ

                - ธนาคารกลาง 10 ประเทศกลุ่มอาเซียน ประกาศหลักเกณฑ์ร่วม ให้แบงก์พาณิชย์โชว์ข้อมูลค่าธรรมเนียมธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้าเปรียบเทียบ โดย"ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์-ฟิลิปปินส์" นำร่องใช้ ก.พ.นี้ ที่เหลือเริ่มใช้ภายในสิ้นปี พร้อมเร่งสนับสนุนใช้เงินสกุลท้องถิ่นค้าขายกันเอง ส่วนธุรกรรม "นาโนไฟแนนซ์" ธปท. เผยมี 14 รายยื่นสอบถามข้อมูล

                - "เกศรา"ยอมรับเตรียมหารือกับนักลงทุนสถาบันเพื่อทบทวนสัดส่วนของหุ้นในกลุ่มต่างๆ ที่ใช้ในการคำนวณ SET Index ให้สะท้อนพื้นฐานที่แท้จริง และมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ระบุชัดเจนเกณฑ์ที่จะขึ้น Trading Alert List ต้องพิจารณาหลายขั้นตอน ระบุ BAY ยังเคลื่อนไหวไม่ร้อนแรงพอ ย้ำชัดเจนสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนรายย่อยของ BAY ยังอยู่ที่ 15% ตามเกณฑ์ก.ล.ต.

*หุ้นเด่นวันนี้

                - MINT(เคเคเทรด)คาดกำไร 4Q57 แข็งแกร่งจากปัจจัยฤดูการ ฟื้นตัวโดนเด่น QoQ มองกำไรเติบโตต่อเนื่องในปี 58 ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศพร้อมกับแผนการขยายจำนวนห้องพักเพิ่ม (+13% ลงทุนเอง +90% ร่วมทุน)

                - VGI(เคเคเทรด)ในระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของสื่อโฆษณาบทบีทีเอสและในอาคารหลังความไม่สงบการเมืองคลี่คลาย และการเริ่มขายบน Platform ใหม่ ๆ ได้แก่ Screen Door, Platform Trust LED และ E-Poster คาดงบ 3Q58 (ต.ค.-ธ.ค.57) ของ VGI ฟื้นตัว 11% QoQ เป็น 293 ล้านบาท

                - CKP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"เป้า 20.10 บาท ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q57 จะเป็นไตรมาสที่สุดของปี 57 เติบโต +650% yoy และ +53% qoq เป็น 150 ล้านบาท +/- จากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทั้ง yoy และ qoq ตามปริมาณน้ำในเขื่อนน้ำงึม 2 กลับเข้าสู่ระดับปกติ และมีการนำเอาการผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน(Excess Energy)ที่เก็บสะสมไว้มาใช้ จึงทำให้ CKP บันทึกส่วนต่างรายได้เพิ่มเติมใน 4Q57 และคาดปี 57 จะเริ่มจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรก หุ้นละ 0.18 บาท และการเพิ่มทุน(XR)สัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.34 หุ้นบาท หุ้นละ 15.00 บาท เพื่อซื้อ บ.ไซยะบุรีพาวเวอร์จะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

                - TPOLY(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 10 บาท อานิสงส์ TPCH ได้สองเด้ง งาน+ส่วนแบ่งกำไรเพิ่ม, คาดปี 60 พลิกเป็นกำไร

                - TUF(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 24 บาท คาดกำไร 4Q57 อ่อนตัวจาก Low Season แต่แนวโน้มปี 58 ยังสดใส

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ เนื่องจากเงินเยนแข็งค่าฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง ขณะเดียวกันนักลงทุนก็กังวลกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงผลประกอบการภาคเอกชนที่ซบเซา

    ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ลดลง 0.4% แตะ 141.81 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,615.93 จุด ลดลง 152.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,799.98 จุด ลดลง 7.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,503.20 จุด ลดลง 18.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,946.71 จุด ลดลง 5.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,405.07 จุด ลดลง 7.13 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,794.76 จุด ลดลง 8.41 จุด

    เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 3.4% ในเดือนธ.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน โดยบริษัทแคทเทอร์ พิลลาร์ เปิดเผยยอดขายและรายได้ในไตรมาส 4/2557 อยู่ที่ 1.4244 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 4/2556 ที่ระดับ 1.4402 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2557 อยู่ที่ 1.23 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 4/2556 ที่ 1.54 ดอลลาร์

   ด้านไมโครซอฟท์เผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2557 ลดลงสู่ระดับ 71 เซนต์ จากไตรมาส 4/2556 ที่ 78 เซนต์

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 40.79 จุด เหตุจีดีพีอังกฤษชะลอตัวเกินคาด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับลงเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังจากมีการเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษชะลอตัวมากเกินคาดในช่วงไตรมาส 4 ปี 2557

    ดัชนี FTSE 100 ลดลง 40.79 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 6,811.61 จุด

    ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ว่า จีดีพีของอังกฤษในช่วงไตรมาส 4 ปี 2557 ขยายตัวเพียง 0.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.6% และเทียบกับที่มีการเติบโต 0.7% ในช่วงไตรมาส 3 ปีเดียวกัน

    ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของอังกฤษอยู่ในภาวะย่ำแย่ อันเนื่องมาจากภาคการก่อสร้างที่ซบเซา ขณะที่การทรุดตัวของราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซในทะเลเหนือ

    หุ้นรอยัล เมล ร่วงลงกว่า 2% หลังมีคำแนะนำให้เทขายหุ้นดังกล่าว แต่หุ้นอีซีเจ็ท ปรับขึ้น 1.9% เนื่องจากบริษัทเปิดเผยว่ารายได้ในช่วงไตรมาสแรกเพิ่มสูงขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกผลประกอบการเอกชน ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทซีเมนส์ เอจี และรอยัล ฟิลิปส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นกรีซ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 368.7 จุด

     ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,628.58 จุด ร่วงลง 169.75 จุด หรือ -1.57% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,624.21 จุด ลดลง 50.92 จุด หรือ -1.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,811.61 จุด ลดลง 40.79 จุด หรือ -0.60%

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงหลังจากบริษัทหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยหุ้นบริษัทซีเมนส์ร่วงลง 3% และหุ้นรอยัล ฟิลิปส์ ดิ่งลง 5.9% หลังจากบริษัททั้งสองแห่งเปิดเผยกำไรรายไตรมาสที่น้อยกว่าการคาดการณ์

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นกรีซ หลังจากพรรคไซรีซาซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านและต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดด้วยนั้น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

    มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ โดยระบุว่าความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น หลังการเลือกตั้งในกรีซ ซึ่งพรรคไซรีซาที่มีจุดยืนคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด ประสบชัยชนะนั้น ถือเป็นปัจจัยลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ

   "ความไม่แน่นอนทางการเงินที่ยืดเยื้อถือเป็นปัจจัยลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อสภาพคล่อง และฐานะการเงินของประเทศ รวมทั้งบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงิน ขณะที่มีผลกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" มูดีส์ระบุ

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนในสัปดาห์นี้ รวมดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ของเยอรมนี, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ของฝรั่งเศส, อัตราว่างงานเดือนม.ค.ของเยอรมนี และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ของเยอรมนี

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อน ขณะข้อมูลศก.สหรัฐไร้ทิศทาง,จับตาประชุมเฟด

    ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ออกมาในทิศทางที่แตกต่างกัน และตลาดจับตาดูสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเสร็จสิ้นในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ

   ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1367 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1266 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5201 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5077 ดอลลาร์

   ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.80 เยน เทียบกับระดับ 118.47 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.8993 ฟรังก์ จาก 0.9004 ฟรังก์

    ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7938 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7918 ดอลลาร์

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 3.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. และหากไม่นับรวมภาคการขนส่งที่มีความผันผวน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 0.8%

    ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 4.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 เนื่องจากถูกจำกัดจากยอดขายบ้านที่อ่อนแอ และปริมาณบ้านที่มีจำกัด

   อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของ Conference Board บ่งชี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนม.ค.ทะยานแตะ 102.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี จากมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจโดยรวม เทียบกับเดือนธ.ค.ที่ 93.1

   ทั้งนี้ ดอลลาร์ชะลอความแข็งแกร่งลง ขณะที่นักลงทุนต่างก็รอดูการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ เพื่อประเมินความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!