WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามตปท. ตอบรับดาวโจนส์พุ่ง-แรงซื้อต่างชาติหนุน

     นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดตัวขึ้นก่อน ตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี ขณะที่ยังมีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้นไทย อย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีลักษณะของ selective มากขึ้น

    พร้อมทั้งคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาโดยเฉพาะในหุ้นขนาดกลางมากขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงพลังงานในกลุ่มหม้อแปลง แต่ก็จะช่วยผลักดันภาพรวมดัชนีได้ไม่มากนัก ขณะที่ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่จะออกมาในวันนี้ด้วย โดยมองแนวต้านวันนี้จะอยู่ที่ 1,598 และ 1,605 และ

แนวรับที่ 1,582 และ 1,574 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(29 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,416.85 จุด พุ่งขึ้น 225.48 จุด(+1.31%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,683.41 จุด เพิ่มขึ้น 45.42 จุด (+0.98%) , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.25 จุด เพิ่มขึ้น 19.09 จุด(+0.95%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 182.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.45  จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 175.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 25.95 จุด ,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.13 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.18 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(29 ม.ค.58) 1,586.40 จุด ลดลง 6.41 จุด(-0.40%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 929.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ม.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(29 ม.ค.58) ปิดที่ 44.53 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 8 เซนต์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(29 ม.ค.58)ที่ 8.78 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.76/78 แนวโน้มอ่อนค่าสวนทางภูมิภาค มองกรอบ 32.65-32.80

                - วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แถลงตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนธ.ค.57

                - สศค.ประกาศปรับลดประมาณการ จีดีพีปี 58 ลงเหลือ 3.9% จากคาดการณ์เดิม 4.1% หลังประเมินหลากปัจจัยเสี่ยงเข้ามาเร็ว และต้องเกาะติดใกล้ชิด ประกอบด้วย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย สงครามค่าเงิน แนวโน้มการลดลงของราคาน้ำมัน และราคาสินค้าเกษตร

                - ธปท.เผยช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ตลาดยังมองว่า Fed ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักและสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของกรีซ สร้างความผันผวนต่อเงินยูโรในช่วงสั้นๆ มั่นใจยุโรปหาทางประนีประนอมได้ พร้อมเตรียมรับมือสถานการณ์ต่างๆ ไว้แล้ว ด้านธปท.จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

                - สศอ.คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI ปี 2558 จะเติบโตได้ระดับ 3-4% จากทิศทางการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นและจากการใช้อัตรากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะยังมั่นใจยอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะอยู่ระดับ 2.15 ล้านคันเป็นตัวหนุน

                - "ปรีดิยาธร" ลั่นเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ มั่นใจความสามารถเอกชนไทย เร่งผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งเป้าหมาย ปี 2560 ทุกครัวเรือนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ด้าน "ณรงค์ชัย" ชี้ไทยต้องปรับโครงสร้างใหม่ เพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า ส่วนภาคเอกชนชี้ยังมีปัญหาแรงงาน-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขณะหอการค้าต่างประเทศชี้ทุจริตกฎอัยการศึกยังเป็นอุปสรรคสำคัญนักลงทุนตัดสินใจมาลงทุนไทย

                - การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานเป็นประธาน จะพิจารณาปรับราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงให้มากขึ้น จากที่ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 12.50 บาท/กก. และแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลง แต่ต้นทุนก๊าซเอ็นจีวี ยังอยู่ในระดับ 14-15 บาท/กก. ปรับลดลงจากเดิม 16 บาท/กก.

*หุ้นเด่นวันนี้

                -PTTEP (ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 149 บาท ด้วยปัจจัยดังนี้ (1) PBV อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า  (2) PER อยู่ที่เพียง 8.43 เท่า ต่ำกว่า SET Index ที่ 18 เท่า (3) ราคาสะท้อนประเด็นลบเกี่ยวกับภาวะตลาดน้ำมันดิบที่อ่อนแอไปแล้ว (4) คาดทิศทางราคาน้ำมันดิบจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H58 หลังอัตราการใช้ Rig เริ่มปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ คาดว่าจะใช้เวลาราว 3-6 เดือนในการสะท้อนอุปทานที่อ่อนตัวจากผู้ประกอบการต้นทุนสูง (5) ปี 58 ได้แหล่งซอติก้าหนุนเต็มที่ ซึ่งมีราคาขายสูงกว่าค่าเฉลี่ย สำหรับผลประกอบการ 4Q57 มีผลขาดทุนสุทธิ 2.4 หมื่นล้านบาท หลังบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ 3.3 หมื่นล้าน ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลง 13% QoQ เชื่อบริษัทผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ทั้งนี้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H57 ที่อัตรา 1.5 บาท (XD 10 ก.พ. 58)

                -ADVANC (ธนชาต)"ซื้อ" เป้า 260 บาท โดยมองแผนการขยายธุรกิจของ ADVANC นั้นสมเหตุสมผลเนื่องจากจะสามารถเติบโตไปคู่กับวิถีชีวิตของคน ที่จะเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้า ADVANC จะต้องใช้ capex จำนวนมาก ส่งผลให้การเติบโตของกำไรไม่น่าตื่นเต้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่งบดุลที่แข็งแกร่งทำให้ไม่เห็นว่าการขยายธุรกิจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อผลตอบแทนจากเงินปันผล และยังคงเห็น ADVANC เป็นหุ้นปันผลดี

                -BCP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 39 บาท มองจุดเด่นระยะสั้นจากแนวโน้มผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวในปี 58 และแผนการลงทุนในธุรกิจโซลาร์ฟาร์มประเทศญี่ปุ่นที่คาดว่าจะสามารถสรุปรูปแบบและสัดส่วนการลงทุนในเดือน เม.ย. จุดเด่นระยะยาวมาจากแผนการเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นภายใต้โครงการ 3E Project ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 61 ช่วยเพิ่มกำลังการกลั่นจาก 120 KBD เป็น 140 KBD ขณะที่แผนการขายหุ้นของ PTT (ถือ 27.2%) คาดว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและแผนการลงทุนของบริษัทที่ยังคงเน้นการขยายธุรกิจต้นน้ำเพื่อเพิ่มความได้เปรียบด้านวัตถุดิบ และธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อลดความผันผวนของผลประกอบการ

                -KTB (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) "ซื้อ"เป้า 27 บาท โดยคาดว่าสินเชื่อปีนี้จะโต 8% (KTB ตั้งเป้าไว้ที่ 6-7%) จากการเติบโตของสินเชื่อ SME ขนาดเล็ก และสินเชื่อบ้าน ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะโต 9% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยที่ 12% เนื่องจากเชื่อว่า KTB จะยังคง credit cost ไว้ในระดับสูงที่ 75bp เพื่อดึง coverage ratio ให้ขยับขึ้นมาเท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคาร

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลแรงงานสหรัฐสดใส

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2543

                ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,788.74 จุด เพิ่มขึ้น 182.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,273.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,771.37 จุด เพิ่มขึ้น 175.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,452.85 จุด เพิ่มขึ้น 25.95 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,964.13 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,422.18 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด

    ส่วน ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,645.52 จุด เพิ่มขึ้น 28.22 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,788.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด

    ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นขานรับกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. ลดลง 43,000 ราย แตะ 265,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2543 และช่วยคลายความกังวลที่ว่าตลาดแรงงานอาจชะลอตัวลงในปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 15.34 จุด วิตกผลประกอบการบริษัทพลังงาน

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากการรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์นั้น ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มบริษัทพลังงาน

     ดัชนี FTSE 100 ลดลง 15.34 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 6,810.60 จุด

    หุ้นบริษัทเชลล์ร่วงลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ พร้อมกับระบุว่า บริษัทจะปรับลดการใช้จ่ายลง

   ส่วนหุ้นบีพี และ หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ต่างก็ลดลงมากกว่า 1.7%

   หุ้นอีซีเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ พุ่งขึ้น 6.2% หลังจากบริษัทบาร์เคลย์ส แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว วิตกเงินเฟ้อเยอรมนีชะลอตัว

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนม.ค.ของเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 368.76 จุด

    ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,737.87 จุด เพิ่มขึ้น 26.90 จุด หรือ +0.25% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,631.43 จุด เพิ่มขึ้น 20.49 จุด หรือ +0.44% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,810.60 จุด ลดลง 15.34 จุด หรือ -0.22%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากตลาดได้รับทั้งปัจจัยบวกและลบเข้ามาในเวลาเดียวกัน โดยในส่วนของปัจจัยลบนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนม.ค.ปรับตัวลง 0.5% เมื่อเทียเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.2% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด

   อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. ลดลง 43,000 ราย แตะ 265,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2543 และช่วยคลายความกังวลที่ว่าตลาดแรงงานอาจชะลอตัวลงในปีนี้

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากรัฐบาลเยอรมนีได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2558 ขึ้นสู่ระดับ 1.5% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 1.3% พร้อมกับคาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจเยอรมนีให้ฟื้นตัวขึ้นเป็นวงกว้าง

   หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นบีพี หุ้นโททาล หุ้น Eni SpA และหุ้นสแตทออยล์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 1% ส่วนหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลงอย่างหนักถึง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4/2557 ที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

    หุ้นดอยช์แบงก์ พุ่งขึ้น 2.6% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของธนาคาร ขณะที่หุ้นดิอาจิโอปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรช่วงครึ่งปีแรกที่ดีเกินคาด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 225.48 จุด ขานรับข้อมูลแรงงานสดใส

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2543 นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจภายในประเทศ

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,416.85 จุด พุ่งขึ้น 225.48 จุด หรือ +1.31% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,683.41 จุด เพิ่มขึ้น 45.42 จุด หรือ +0.98% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.25 จุด เพิ่มขึ้น 19.09 จุด หรือ +0.95%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. ลดลง 43,000 ราย แตะ 265,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2543 และช่วยคลายความกังวลที่ว่าตลาดแรงงานอาจชะลอตัวลงในปีนี้

    นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับถ้อยแถลงในการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดที่ระบุว่า "กิจกรรมด้านเศรษฐกิจมีการขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง" ซึ่งเป็นการประเมินที่ดีขึ้นกว่าเดิมที่เฟดใช้คำว่า "ขยายตัวในอัตราปานกลาง" ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ เฟดยังตั้งข้อสังเกตุว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอัตราว่างงานได้ลดต่ำลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายในระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้

    หุ้นแมคโดนัลด์พุ่งขึ้น 5.06% หลังจากนายดอน ธอมป์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากยอดขายของแมคโดนัลด์ในตลาดสหรัฐปรับตัวลงเป็นเวลานานถึง 2 ปี โดยกำไรสุทธิในปีที่แล้วลดลงเกือบ 15% แตะที่ 4.76 พันล้านดอลลาร์

     หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 4/2557 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 52 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาส 4/2556 ที่ระดับ 3 พันล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

   หุ้นอาลีบาบาร่วงลง 8.78% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิรายไตรมาสปรับตัวลง 28%

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2557, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!