WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

โบรกฯ คาด SET สัปดาห์หน้า ยังแกว่งตัวผันผวน ลุ้นจีดีพี Q4/57 สหรัฐฯ แต่ยังมีปัญหาศก.รัสเซียกดดัน แนะ ซื้อเมื่อดัชนีฯอ่อนตัว

   โบรกฯ คาด SET สัปดาห์หน้า แกว่งตัวในกรอบ ลุ้นจีดีพี Q4/57 ของสหรัฐฯคืนนี้ คาดเติบโตดีช่วยหนุน SET สัปดาห์หน้า พร้อมติดตามตัวเลขการจัางงาน-ว่างงานของสหรัฐฯ  แต่ยังมีความกังวลวิกฤติศก. รัสเซียรอบใหม่กดดัน  เข้าซื้อเมื่อดัชนีฯอ่อนตัว - สะสมหุ้นใหญ่ พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,580-1,565 จุด และแนวต้านที่ 1,600 - 1,610 จุด

   นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในวันนี้อยู่ในลักษณะของการพักฐาน มีทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นมามาก จึงส่งผลให้ในสัปดาห์นี้มีแรงขายทำกำไรออกมา อีกทั้งมองว่าตลาดอยู่ในช่วงรอปัจจัยใหม่ๆ  ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยสำคัญคือ ทางสหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยประมาณการครั้งแรกสำหรับจีดีพีในไตรมาสที่ 4/2557

 สำหรับ ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า คาดว่าดัชนีฯ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,565-1,600 จุด หากประมาณการครั้งแรกสำหรับจีดีพีQ4/14 ของสหรัฐฯออกมาดีจะส่งผลบวกต่อตลาดฯในสัปดาห์หน้า ขณะที่ปัจจัยสำคัญในช่วงสัปดาห์คือตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และตัวเลขอัตราการว่างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านตัวเลขดังกล่าวออกมาดีเกินที่ตลาดฯคาดการณ์ จึงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาดูว่าจะออกมาในทิศทางใด เพื่อบ่งบอกว่าเศรษฐกิจในสหรัฐนั้นฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอาจมีความเป็นไปได้ว่าทางธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

  ขณะที่มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยตลอดเดือนกุมภาพันธ์ มองว่าตัวแปรที่สำคัญของตลาดฯนั้นอยู่ที่ค่าเงินของทั่วโลก หลังธนาคารกลางยุโรป(ECB) ประกาศใช้มาตรการ QE ครั้งใหญ่ในการประชุมครั้งล่าสุด ด้วยการซื้อพันธบัตรจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค.จนถึงเดือนก.ย.ปี 2016 โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบให้มีเงินไหลเข้าภูมิภาคเอเชียเป็นจำนวนมาก รวมถึงเข้ามาในตลาดหุ้นไทยและส่งผลให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนและมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย รวมถึงการเติบโตของจีดีพีภายในประเทศด้วย ทั้งนี้หากการส่งออกภายในประเทศไม่ดี อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการลงทุนได้เช่นเดียวกัน

  ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ซื้อเมื่อดัชนีฯอ่อนตัว พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,580-1,565 จุด และแนวต้านที่ 1,600 จุด

  นายประกิต  สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยอ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากแรงกดดันหุ้นขนาดใหญ่ต่างปรับตัวลดลง ทั้งกลุ่มสื่อสาร ธนาคารพาณิช์ และพลังงาน โดยกลุ่มสื่อสารถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นน่าจะพอฟื้นตัวได้บ้าง จากราคาน้ำมันโลกเริ่มชะลอตัวการปรับราคาคาลงบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม มีแรงซื้อหุ้นขนาดกลาง อย่างหุ้นในกลุ่มขนส่งและวัสดุก่อสร้าง จึงช่วงพยุงให้ดัชนีฯ ไม่ปรับตัวลงแรงมากนัก ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแรงขายทำกำไร หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับเดิม 2% ในการประชุมรอบล่าสุด ส่วนกลุ่มสื่อสาร มีแรงกดดันจากการพิจารณาจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการโดยตรง ขณะที่กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลงกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน มองว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงได้สะท้อนผลกระทบดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว แม้ว่าราคาน้ำมันโลกมีโอกาสปรับลงไปที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่หากเทียบ Downside เริ่มจำกัดมากขึ้นจากช่วงที่ปรับลงแรงก่อนหน้า ดังนั้น มุมมอง (Outlook) ปีนี้จึงดีขึ้น จากภาวะขาดทุนสตอคน้ำมัน (Stock Loss) ลดลง 

  สำหรับ สัปดาห์หน้า คาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผ่อน มีโอกาสปรับตัวลงได้ แต่อยู่ในกรอบที่จำกัด เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ กรณีวิตกกังวลเศรษฐกิจรัสเซีย หลังค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าแรงอีกครั้ง ที่ระดับ 70 รูเบิล/ดอลลาร์ และCredut Defalt Swop ที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ในกรอบเวลาการลงทุนเดือนก.พ. ด้วยแรงคาดหวังกระแสเงินทุนต่างชาติผ่านมาตราการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงินของหลาย ๆ ประเทศ และการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยผ่านการการกระตุ้นด้วยการผลักดันโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

  ด้านกลยุทธ์ แนะทยอยซื้อหุ้นขนาดใหญ่ อย่าง KBANK-INTUCH-ADVANC-PS-SPALI หุ้นที่มีการเติบโตสูง อย่าง SYNTEC-GUNKUL และหุ้นปันผลสูง อาทิ SAWAD พร้อมประเมินแนวรับ 1,575 จุด แนวต้าน 1,610 จุด

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!