WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่ง เล็งราคาโภคภัณฑ์ขึ้นหนุน-เหตุระเบิดสยามอาจถ่วง

    นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ เนื่องจากตลาดขนาดใหญ่ ๆ ได้มีการปรับตัวลง หลังจากที่ตัวเลข GDP งวดไตรมาส 4/57 ของสหรัฐฯออกมาไม่ดี แต่ขณะนี้ก็เริ่มเห็น Flow ไหลเข้ามาในเอเชียมากขึ้น แต่ยังเข้าเป็นบางตลาด คือตลาดไต้หวันและอินเดีย ทำให้มองแนวโน้มดีและไม่ลงแรง

    อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังได้แรงหนุนจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์(Commodity)ได้ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่พุ่งแรงกว่า 8% ทำให้ตลาดของประเทศ Commodity ได้รับผลดี ซึ่งตลาดบ้านเราก็มี Commodity มากเหมือนกัน โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันมีน้ำหนักต่อภาพรวมตลาดสูง ดังนั้น อาจทำให้ตลาดบ้านเราเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดภูมิภาคได้

    แต่ทั้งนี้ ด้วยเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในบ้านเราอาจจะทำให้นักลงทุนวิตกกังวลได้ ซึ่งก็ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะมีผลต่อตลาดหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม ตลาดฯยังเล่นเทรดดิ้งได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงการประกาศผลประกอบการ และอาจซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลดีก็ได้

    ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ ยกเว้นตลาดสิงคโปร์ และตลาดออสเตรเลียที่ยังเป็นบวกอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(30 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,164.95 จุด ลดลง 251.90 จุด(-1.45%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,635.24 จุด ลดลง 48.17 จุด(-1.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,994.99 จุด ลดลง 26.26 จุด(-1.30%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 137.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 62.22 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 159.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.35 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.31 จุด

     ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชย Federal Territory Day

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(30 ม.ค.58) 1,581.25 จุด ลดลง 5.15 จุด(-0.32%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 909.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ม.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(30 ม.ค.58) ปิดที่ 48.24 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 3.71 ดอลลาร์ หรือ 8.33%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(30 ม.ค.58)ที่ 8.62 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.67/68 แนวโน้มแข็งค่าจากเงินทุนยังไหลเข้าต่อเนื่อง

                - "ประยุทธ์"เยือนญี่ปุ่น 8-10 ก.พ. ลงนามเอ็มโอยู ศึกษารถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง พร้อมหารือชวนลงทุนโครงการทวายเฟส 2 และพบเอกชนญี่ปุ่น ชวนลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้าน "อาคม" ชี้เป็นเพียงการศึกษาความเป็นไปได้ ยังไม่ปิดโอกาสรายอื่น คาดเสร็จเอื้อการค้าการลงทุน เชื่อมฝั่งตะวันออก-ตก

                - "แบงก์ชาติ" ยืนยันพื้นฐานเศรษฐกิจ ปัจจัยหลักดึงดูดเงินทุนเคลื่อนย้าย ย้ำบาทอ่อนไม่ช่วยดันส่งออกโต พร้อมตอบรับนัด "สภาหอการค้าฯ" หวังทำความเข้าใจ แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ขณะที่ "แบงก์" หนุนดูแลค่าเงินให้นิ่งรอดูความผันผวนจากสงครามค่าเงิน ชี้ลดดอกเบี้ยไม่ช่วยป้องกันเงินไหลเข้า "นักเศรษฐศาสตร์" เชื่อบาทแข็งช่วงสั้น มองระยะยาวแนวโน้มอ่อนค่าตามดอกเบี้ยเฟด

                - นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแผนปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ว่า สนพ.มีเป้าหมายสำคัญที่จะทำให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และมีโครงสร้างราคาไม่แตกต่างจากเชื้อเพลิงอื่นๆ ทั้งน้ำมัน หรือก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) โดยจะจัดเก็บภาษีสรรพสามิต และเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเฉลี่ยจะมีผลทำให้ราคาเอ็นจีวีขยับขึ้นอีก 4-5 บาท/กก. จากต้นทุนจริงที่ศึกษากันไว้ 14-15 บาท/กก.

                - แบงก์ชาติ เผยผลสำรวจความเห็น ภาคธุรกิจไทย พบราคาน้ำมันที่ลดลงเริ่มส่งผลต่อต้นทุนชัดเจนขึ้น หนุนผู้ประกอบการสามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าได้บ้าง ขณะที่ความเชื่อมั่นใน 3 เดือน ข้างหน้าเริ่มดีขึ้น ส่วนความต้องการ สินเชื่อแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้านนายแบงก์ส่อลดความเข้มงวดปล่อยกู้รายใหญ่ หลังการแข่งขันเริ่มแรงขึ้น

                - แบงก์ชาติเผยไตรมาสแรกของปีนี้ สถาบันการเงินยังคงรักษาความเข้มงวดปล่อยกู้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ผ่อนคลายให้ธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่ความต้องการสินเชื่อทุกประเภทเพิ่มขึ้น ยกเว้นเช่าซื้อรถยนต์ คาดตลาดอสังหาฯ ถูกกระทบถูกปฏิเสธสินเชื่อ ประเมินผู้มีรายได้สูงจะเริ่มใช้จ่ายในไตรมาส 2 ส่วนกำลังซื้อระดับล่างกลับสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังของปี

                - หอการค้าไทยจ่อหั่นเป้าส่งออกปี 2558 โตเหลือแค่ 1-3% จากเดิมโต 4% รอแถลงอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ เหตุปัจจัยเสี่ยงส่งออกเพียบโดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ด้านรองสภาองค์การนายจ้างแนะรัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ พร้อมหนุนแจกคูปองเกษตรกร 5 หมื่นล้านบาท

                - "อาคม" เดินหน้าตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจลุยโครงการทวาย คาดเงินลงทุนระยะแรก 5.2 หมื่นล้าน ลุ้นญี่ปุ่นร่วมลงทุน ก.พ.นี้ ส่วนเฟสแรกใช้งบลงทุนประมาณ 52,000 ล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

                - QH(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 5.40 บาท  นับว่าราคาหุ้นยังถูก โดยหากถอดเงินลงทุนที่มีมูลค่าตลาดสูงมากออกไป พบว่าปัจจุบัน P/E เฉพาะธุรกิจที่อยู่อาศัยปี 58 เป็นเพียง 3 เท่า และคาดว่ากำไรสุทธิปี 57 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.3 พันล้านบาท และเติบโตได้อีก 13% และ 12% ในปี 58-59 ตามลำดับ ณ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 6 พันล้านบาท จะโอนรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 90% ส่วนที่เหลือจะโอนในปี 2559

                - IVL(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 27 บาท ราคาน้ำมันต่ำหนุนอุปสงค์โพลิเอสเตอร์ ทั้งนี้ PCI คาด PET Spread ในยุโรปและสหรัฐจะยังแข็งแกร่ง อุปสงค์เติบโต 5% ต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า, PTA Margin ฟื้นตัว กำลังการผลิตเพิ่ม 5% และจะมีเข้าซื้อกิจการอีก 2 ดีลในกลางปี 2558

                - MFEC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"เป้า 10.20 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q57 เติบโต +28% yoy และ +25% qoq เป็น 71 ล้านบาท จากรายได้ที่ขยายตัว +40.1% yoy เป็น 1,234 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 18.9% ใน 4Q57 จาก 3Q57 ที่ 17.7% และเป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเกิด Digital Economy ในปี 2558 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนธุรกิจ Broadband ของ ADVANC ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ MFEC จะส่งผลให้ Backlog ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +17.1% yoy เป็น 322 ล้านบาท และจุดเด่นอยู่ที่เงินปันผล โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2557 (จ่ายปีละ 1 ครั้ง) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.8% และมี Valuation ยังไม่สูงมากนัก

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจจีน,สหรัฐชะลอตัว

                ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนและสหรัฐที่ซบเซา

                ดัชนี MSCI Asia Pacific Index อ่อนตัวลง 0.3% แตะ 139.98 จุด เมื่อเวลา 9.01 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,536.61 จุด ลดลง 137.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,148.14 จุด ลดลง 62.22 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,347.27 จุด ลดลง 159.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,368.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,947.91 จุด ลดลง 1.35 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,398.51 จุด เพิ่มขึ้น 7.31 จุด

ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชย Federal Territory Day

     ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวในแดนลบจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก หลังสหรัฐเปิดเผยว่าประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วขยายตัวในอัตราที่ช้าลงและต่ำกว่าคาด

     โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 4/2557  โดยระบุว่ามีการขยายตัว 2.6% หลังจากที่เติบโต 4.6% และ 5% ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจีดีพีมีการขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 4

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) และสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือนม.ค. จากระดับ 50.1 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีของเดือนม.ค.ถือว่าหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี

    ขณะเดียวกันดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ลดลงสู่ระดับ 53.7 ในเดือนม.ค. จากระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีของเดือนม.ค.ถือว่าต่ำสุดในรอบ 1 ปี

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 0.90% วิตกเงินเฟ้อยูโรโซนลดลง

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลว่าเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนม.ค.ปรับตัวลง

    ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,749.40 จุด ลดลง 61.20 จุด หรือ -0.90%

    ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลง ภายหลังสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ราคาผู้บริโภคของยูโรโซนในเดือนม.ค.2558 ร่วงลงถึง 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหนักกว่าที่ปรับตัวลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค.2557 และทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่ภูมิภาคจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด

    ขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนม.ค.ของเยอรมนี ปรับตัวลง 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี และปรับลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะขยับลงเพียง 0.2%

      ทั้งนี้หุ้น  Bunzl ร่วง 2.2% และ หุ้น J Sainsbury ร่วง 2.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นโทรคมนาคม,ธนาคารร่วง

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นโทรคมนาคมและหุ้นธนาคาร

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 367.05 จุด

       ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,694.32 จุด ลดลง 43.55 จุด หรือ -0.41% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,604.25 จุด ลดลง 27.18 จุด หรือ -0.59% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,749.40 จุด ลดลง 61.20 จุด หรือ -0.90%

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากหุ้นโทรคมนาคมและหุ้นธนาคารร่วงหนัก ในส่วนของหุ้นโทรคมนาคมนั้น หุ้น BT Group Plc ร่วง 2.6% ภายหลังเปิดเผยว่าธุรกิจอินเทอร์เน็ตของบริษัทขยายตัวในจังหวะที่ช้าลง ขณะที่หุ้น Tele2 AB ร่วง 4.9% เนื่องจากผลกำไรในไตรมาส 4 ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์

   ขณะที่หุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena SpA ซึ่งเป็นธนาคารในอิตาลี ร่วง 7.8% ภายหลังธนาคารเปิดเผยว่าอาจระดมทุนสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้

    ตลาดยังปรับตัวลงเนื่องจากธนาคารกลางรัสเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2% สู่ระดับ 15% หลังจากที่เศรษฐกิจใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยจากราคาน้ำมันที่ดิ่งลง และการที่ชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อลงโทษรัสเซียกรณีเข้าแทรกแซงในยูเครน

    สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยระบุว่ามีการขยายตัว 2.6% หลังจากที่เติบโต 4.6% และ 5% ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีมีการขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 4

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 251.90 จุด วิตก GDP สหรัฐโตต่ำกว่าคาด

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงเมื่อวันศุกร์ (30 ม.ค.) เนื่องจากสหรัฐเปิดเผยว่าประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วขยายตัวในอัตราที่ช้าลงและต่ำกว่าคาด

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,164.95 จุด ลดลง 251.90 จุด หรือ -1.45% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,635.24 จุด ลดลง 48.17 จุด หรือ -1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,994.99 จุด ลดลง 26.26 จุด หรือ -1.30%

    ดัชนี ดาวโจนส์ร่วงหนักเมื่อคืนนี้ ภายหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 4/2557  โดยระบุว่ามีการขยายตัว 2.6% หลังจากที่เติบโต 4.6% และ 5% ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจีดีพีมีการขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 4

    ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การขยายตัวของจีดีพีในอัตราชะลอตัวลงในไตรมาส 4 นั้น สะท้อนว่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายของรัฐบาลกลางลดลง และการลงทุนนอกกลุ่มสินทรัพย์ถาวรที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง

    หุ้นอเมซอน Amazon.com พุ่ง 13.71% ภายหลังผลกำไรของบริษัทในไตรมาส 4 ดีเกินคาด หุ้นอาลีบาบาปรับตัวลง 0.81% หลังเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 ที่ย่ำแย่เกินคาด หุ้นเอ็กซอนโมบิลร่วง 5.4% หลังสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว

                        อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!