WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นฟื้นเล็ง Sentiment ดีตามดาวโจนส์-ราคาน้ำมันดีดขึ้น

     นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนายการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาดาวโจนส์ได้ฟื้นตัวทำให้เป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดบ้านเรา อีกทั้งราคาน้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้นในระยะสั้นก็เป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน

    อย่างไรก็ดี น้ำหนัก long term ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/57 ของบริษัทจดทะเบียน และติดตามต่อเนื่องไปปี 2558 ว่าจะมีการเติบโตได้ต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งคิดว่า view น่าจะออกมาดีกว่าปีก่อน(2557)

   ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบเล็กน้อย ส่วนบ้านเราภาพตลาดโดยรวมน่าจะเป็นลักษณะของการแกว่งตัวระยะสั้นก่อน เนื่องจากมีเรื่องการลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นได้รบกวนอยู่ และยังต้องติดตามเหตุการณ์ต่อไป

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,570-1,590 จุด

                ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(2 ก.พ.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,361.04 จุด พุ่งขึ้น 196.09 จุด(+1.14%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,676.69 จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุด(+0.89%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,020.85 จุด เพิ่มขึ้น 25.86 จุด(+1.30%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 96.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 27.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 57.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.43 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.52 จุด

      ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไทปูซัม

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(2 ก.พ.58)1,582.70 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด(+0.09%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 405.80 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(2 ก.พ.58) ปิดที่ 49.57 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 ก.พ.58)ที่ 7.56 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 32.51/52 แนวโน้มแข็งค่าต่อ

     - นักธุรกิจไทย-เทศหนุนคงกฎอัยการ จับตารัฐบาลคุมสถานการณ์ หวังเจ้าหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุลอบวางระเบิดสยามโดยเร็ว หากยืดเยื้อกระทบเชื่อมั่นขณะภาคท่องเที่ยวชี้ยังไม่กระทบ เรียกร้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว หวั่นยืดเยื้อส่งผลกระทบ

     - รมว.คลัง เผยเหตุระเบิดกรุงเทพฯ ย่านใจกลางเศรษฐกิจเมื่อคืน 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือว่ากระทบกับเศรษฐกิจของไทยอย่างปฏิเสธ ไม่ได้ แต่จะมากหรือน้อยยังประเมินรถร่วมโวยไม่ได้ เนื่องจากหลังเกิดระเบิดก็มีการปล่อยข่าวลือ เช่น ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็กล่าวหาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อคงกฎอัยการศึก ก็ต้องให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบว่าระเบิดเกิดจากอะไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ไม่มีการตีความไปต่างๆ นานากัน

      - กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2558 ไว้ที่ระดับ 1.8-2.5% แต่ในเดือน มี.ค.อาจทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ เพราะสมมติฐานที่คำนวณเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไป เดิมคาดว่าน้ำมันดิบตลาดดูไบอยู่ที่ 90-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาท/เหรียญสหรัฐ และเศรษฐกิจไทยเติบโต 4.5% แต่ขณะนี้เศรษฐกิจไทยคาดการณ์ใหม่ว่าจะเติบโต 3.5% ส่วนราคาน้ำมันดิบตลาดโลกก็ปรับลดลงมา 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

     - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปลื้มมาตรการสกัดหุ้นร้อนได้ผล ฟุ้งยังไม่มีหลักทรัพย์ตัวใดต้องใช้เกณฑ์ Cash Balance ครั้งที่ 3 เล็งเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเป็น 50:50 หวังลดความผันผวนของดัชนีระยะยาว รวมถึงสนับสนุนให้ บลจ. ออกกองทุนรวมหุ้น เพราะจากสถิติพบกองทุนรวมหุ้นจะมีผลตอบแทนที่มากกว่ากองทุนรวมประเภทอื่นเสมอ ด้านนักวิเคราะห์เตือนดัชนีเดือนกุมภาพันธ์ยังคงผันผวน เพราะรับข่าวดีไปหมดแล้ว แนะนำให้นักลงทุนเน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนน่าสนใจ เช่น การลงทุนภาครัฐฯ หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัว และหุ้นปันผลเด่น

    - นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า จากภาวะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณสำรองไฟฟ้าปรับสูงขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20-25% จะค่อยๆ ไต่ระดับสูงถึง 42% ระหว่างปี 2566-2567 จึงอยู่ระหว่างการเจรจากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึงผู้ผลิตไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) และรายเล็ก(เอสพีพี)เพื่อให้เลื่อนสร้างโรงไฟฟ้าออกไปเป็นหลังปี 2568 แทน

*หุ้นเด่นวันนี้

     - BGH(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 22.30 บาท และเป้าระยะสั้น 19.20 บาท คาดการณ์ผลการดำเนินงาน 4Q14 เติบโตแข็งแกร่ง +25% y-y และ -0.9% q-q ที่ 1.75 พันล้านบาท สนับสนุนโดยจำนวนผู้ป่วยในประเทศ(OPD +9% และ IPD +17% y-y) และต่างประเทศ (OPD +5% และ IPD +6% y-y) ที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมไปถึงค่ารักษาภยาบาลต่อใบเสร็จเฉลี่ยของแต่ละโรงพยาบาลเพิมขึ้น 6-8%...สำหรับรายได้ในช่วงเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น ~10% y-y

      - BLA(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 57.50 บาท และระยะสั้นลุ้นทะลุแนวต้าน 52 ไปที่ 56.50 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q14 ไปแล้ว และคาดการณ์กลับมามีกำไร ~500 ล้านบาทใน 4Q14 ซึ่งมีแนวโน้มที่กำไรจะออกมาดีกว่าคาด และภาระตั้งสำรองที่ลดลงส่งผลให้ BLA จะกลับมาทำกำไรได้ 5.3 พันล้านบาทปีนี้ หรือ +415% y-y และ 3) ด้วย ROE ที่กลับมาขยายตัวเป็น 17-21% ในปี 2015-16

    - PTT(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 397 บาท คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน +2.7% dod เป็น US$49.57/barrel และยืนเหนือระดับ US$50.00/barrel เป็น US$50.36/barrel เช้านี้ และคาดว่าผลประกอบการ 1Q58 จะดีขึ้น qoq จากผลขาด Stock loss ที่ลดลง หรืออาจไม่มีผลขาดทุน Stock loss ได้เช่นกัน หากราคาน้ำมันดิบ Dubai แกว่งตัวเหนือบริเวณ US$55.00 /barrel ได้ เทียบกับสิ้นสุด ธ.ค.2557 ที่ US$55.84/barrel และราคาปัจจุบันที่ US$53.73/barrel

     - TRUE(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 14.60 บาท มีปัจจัยบวกรออยู่จาก 4Q57 คาดพลิกเป็นกำไรสุทธิราว 1-1.5 พันล้านบาทจากการบันทึกกำไรพิเศษการโอนเสาโทรคมนาคมราว 2,000 ต้นให้กับ TRUEIF และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการชำระคืนหนี้ระยะยาวจำนวน 5.5 หมื่นล้านบาทหลังได้รับเงินเพิ่มทุน 6.5 หมื่นล้านบาท ฐานะการเงินแข็งแกร่งโดย Net DE ลดเหลือเพียง 0.4 เท่าจะสะท้อนผ่านผลประกอบการปี 58 พลิกเป็นกำไรปกติ 1.29 หมื่นล้านบาท และวานนี้ TRUE ขายสินทรัพย์เพิ่มเติมให้ TRUEIF อีก 10,000–14,000 ล้านบาท เบื้องต้นบันทึกกำไรพิเศษราว 2,000–2,900 ล้านบาท

      - PTTGC(กรุงศรี)"ซื้อ"เป้า 70 บาท ผลประกอบการปี 58 แข็งแกร่ง แผนการลงทุนต่างประเทศชัดเจน โดยคาดกำไรสุทธิปี 58 กลับมาขยายตัวโดดเด่น 94%YoY แม้ว่าจะคาดผลประกอบการ 4Q57 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 4.61 พันล้านบาท ราคาน้ำมันดิบตกต่ำหนุนค่าการกลั่นพื้นฐาน แต่กดดันให้มีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันสูง ส่วนธุรกิจโอเลฟินส์แข็งแกร่งสวนทางอะโรเมติกส์ที่อ่อนแอ

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังราคาน้ำมันดิบดีดตัว

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ทะยานขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

   ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.2% แตะที่ระดับ 140.62 จุด เมื่อเวลา 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,654.60 จุด เพิ่มขึ้น 96.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,156.09 จุด เพิ่มขึ้น 27.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,542.49 จุด เพิ่มขึ้น 57.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,394.47 จุด เพิ่มขึ้น 7.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,960.11 จุด เพิ่มขึ้น 7.43 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,421.83 จุด ลดลง 1.52 จุด

    ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไทปูซัม

   หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 1.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.57 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ ปรับตัวลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า จำนวนแท่นขุดเจาะที่ลดลงนั้น เป็นสัญญาณว่าการร่วงลงของราคาน้ำมันจะส่งผลต่อการผลิตน้ำมันในอนาคต

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นพลังงานหนุนฟุตซี่ปิดบวก 33.15 จุด

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวแข็งแกร่ง

  ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 33.15 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 6,782.55 จุด

   หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันนำตลาดปิดปรับตัวขึ้น โดยหุ้นทูลโลว์ ออยล์ ทะยานขึ้น 9.3% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปรับขึ้น 5.1% หุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 3.1% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดีดขึ้น 2.9%

  นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตในประเทศที่สดใส หลังมาร์กิตรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 53.0 จาก 52.7 ในเดือนธ.ค. เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ได้กระตุ้นกิจกรรมทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิต

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซน

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.1% ปิดที่ 367.28 จุด

    ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,828.01 จุด เพิ่มขึ้น 133.69 จุด หรือ +1.25% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,627.67 จุด เพิ่มขึ้น 23.42 จุด หรือ +0.51% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,782.55 จุด เพิ่มขึ้น 33.15 จุด หรือ +0.49%

    หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 9.3% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ปรับขึ้น 3.08%

    ส่วนหุ้นไรอันแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของยุโรป ปรับตัวลง 6.1% แม้บริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงินปัจจุบัน และประกาศแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่า 400 ล้านยูโร

     นอกเหนือจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแล้ว ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนขั้นสุดท้ายในเดือนม.ค.ขยายตัว 51.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากภาคธุรกิจในเยอรมนี สเปน และเนเธอร์แลนด์ ปรับตัวดีขึ้น

     นักลงทุนจับตาดูดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค.ของประเทศยุโรปในวันพุธนี้ รวมถึงอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ และกลุ่มประเทศยูโรโซน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 196.09 จุด หลังราคาน้ำมันดีดขึ้น

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,361.04 จุด พุ่งขึ้น 196.09 จุด หรือ +1.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,676.69 จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุด หรือ +0.89% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,020.85 จุด เพิ่มขึ้น 25.86 จุด หรือ +1.30%

    ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 0.3% ในเดือนธ.ค. เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 53.5 ในเดือนม.ค. ลดลงจากระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค.

   อย่างไรก็ตาม ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐจะปรับตัวลดลง

   ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล พุ่งขึ้น 2.5% ขณะที่หุ้นเชฟรอน ปรับขึ้น 3.4%

    เอ็กซอนโมบิลเปิดเผยผลประกอบการก่อนที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ว่า ผลประกอบการตลอดปี 2557 อยู่ที่ 3.25 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ระดับ 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค., ตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นในไตรมาส 4/2557 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!