WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์รับราคาน้ำมันรีบาวด์-เงินไหลเข้ากลุ่ม TIP

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีจะมีการแกว่งตัวไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ มีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,619 จุด จากปัจจัยหนุนราคาน้ำมันใตลาดโลกรีบาวด์กลับมาและมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 50 ดอลลาร์หสรัฐฯ/บาร์เรล อีกทั้งตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดนั้น ส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน

     นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่จะส่งผลเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นกลุ่ม TIP จากการที่จีนลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ ทำให้สภาพคล่องของธนาคารสูงขึ้น ส่งผลต่อเม็ดเงินที่อาจไหลออกมาลงทุนนอกประเทศ ซึ่งตลาดหุ้นกลุ่ม TIP มีโอกาสได้รับอานิสงส์ในส่วนนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่ดี ส่งผลให้เช้านี้ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ปรับตัวขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีและไต้หวันเคลื่อนไหวในแดนลบ

พร้อมให้แนวต้าน 1,619-1,620 จุด แนวรับ 1,590 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(5 ก.พ.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,884.88 จุด เพิ่มขึ้น 211.86 จุด(+1.20%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด(+1.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,062.52 จุด เพิ่มขึ้น 21.01 จุด(+1.03%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 191.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 77.71 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 16.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.90 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.10 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(5 ก.พ.58) 1,607.92 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด(+0.51%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 111.49 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(5 ก.พ.58) ปิดที่ 50.48 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(5 ก.พ.58)ที่ 8.45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.58/60 แข็งค่าตามภูมิภาค รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ

                - นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงนโยบายการเงินในปี 2558 เมื่อวานนี้ว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 4%  แม้จะเกิดภาวะเงินเฟ้อติดลบ แต่ยืนยันว่าไทยจะไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่ใช่ราคาน้ำมันยังขยายตัวเพิ่ม ราคาสินค้าไม่ได้ลดลง มีสินค้าหลายประเภทขอปรับราคาขึ้น และที่สำคัญการจ้างงานไม่ได้ลดลง

                - ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ม.ค.58 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,239 คน พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ 80.4 ปรับตัวลดลงจากเดือน ธ.ค.57 ที่อยู่ 81.1 และยังเป็นการปรับลดลงในทุกรายการอีกครั้ง หลังจากเริ่มขยับขึ้นเมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจยังชะลอตัวและไม่น่าไว้วางใจ

                - รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการเงินและรูปแบบการลงทุนภายใต้บันทึกความเข้าใจไทย-จีน เรื่องโครงการดำเนินงานก่อสร้างรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางรวม 873 กม. ว่า ทางรัฐบาลจีนได้เสนอรูปแบบการลงทุนในลักษณะของการกู้ร่วมกันผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน ในอัตราดอกเบี้ย 2-4% ระยะเวลาปลอดหนี้ 4 ปี และคืนทุนใน 20 ปี

                - "คลัง"เตรียมชง"ครม."อนุมัติจ่ายชดเชยความเสียหายจากการทำโครงการรัฐหรือ พีเอสเอ ให้ 3 แบงก์รัฐกว่า 3 พันล้านบาท พบเกิดหนี้เสียเฉลี่ย 15% จากการทำโครงการ 8 โครงการ วงเงินกู้รวม 2 หมื่นล้านบาท เอสเอ็มอีแบงก์ที่เดียว ทำ 6 โครงการ

                - ตลาดหลักทรัพย์เตรียมสรุปแผนเปลี่ยนการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เป็น 2 วันทำการ จากเดิม 3 วันทำการ คาดเริ่มใช้ได้ใน 2-3 ปี เชื่อระบบชำระราคาใหม่ที่จะเริ่มใช้กลางปีนี้ ช่วยทุกฝ่ายทำธุรกรรมง่ายขึ้น พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)เป็นเซทเทิลเมนท์แบงก์ หวังดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น

                - เจพี มอร์แกน เผยแนวโน้มเศรษกิจไทยอาจไม่โตตามเป้าถึง 4% หากรัฐบาลล่าช้าในการใช้จ่ายเงินลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ตามที่แถลงไว้ อาจฉุด GDP ลดต่ำเหลือเพียง 3.2%

                - พลังงานยอมถอยเปลี่ยนเงื่อนไขรูปแบบสัมปทานปิโตรเลียม รอบ 21 ให้แปลงอ่าวไทย 3 แปลงใช้ระบบพีเอสซีได้ อ้างแก้ไขตามข้อเสนอ สปช. แต่ขอ 4 ปี ยกร่าง กม.ระบุเอกชนไม่ตื่นเต้น คาดจะประสบผลสำเร็จ 10 แปลง

*หุ้นเด่นวันนี้

                - ADVANC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 310 บาท คงคาดกำไรปกติปีนี้ +17% YoY เป็น 42,789 ล้านบาท  กำไรปกติใน 4Q57 ทำ New high เท่ากับที่คาด รายได้ Non-voice ลงแรงกว่าคาด -15% YoY (คาด -13% YoY) แต่ Non-voice มากกว่าคาด +41% YoY (คาดที่ 40% YoY) จากความพยายามย้ายลูกค้ามายังคลื่นใหม่พร้อมยอมขายมือถือราคาทุน แต่ใน 4Q57 ได้อานิสงค์จาก iPhone6 ทำให้อัตรากำไรเป็นบวก 1.8% จาก -2.0% ใน 3Q57 พร้อมเงินปันผล 2H57 ที่ 5.96 บาท/หุ้น (XD 26 มี.ค.) คิดเป็นผลตอบแทน 2.4% ขณะที่ทั้งปี 2558 คาดที่ 14.10 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 5.7%

                - INTUCH(โกลเบล็ก)ราคา Consensus 105.60 บาท คาดกำไรปี 57 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากส่วนแบ่งรายได้และกำไร ADVANC-THCOM ขยายตัวขึ้นโดดเด่น ระยะกลาง-ยาวยังโดดเด่นทั้งจาก ADVANC (พัฒนาการผู้ใช้ 3G 2.1GHz.มากสุดในอุตสาหกรรม,ได้ประโยชน์จากการประมูล 4G)และ THCOM(กำไรแกร่ง) และโดดเด่นด้านเงินปันผลคาด div yield ปี 57 ที่ 6-6.5%

                - CK(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 33 บาท ได้ซื้อหุ้น BMCL เพิ่ม 10% หุ้นละ 1.79 บาท ต้นทุนรวม 3.7 พันล้านบาท และขายหุ้นไซยะบุรี 30% ให้ CKP ที่มูลค่า 4.3 พันล้านบาท เพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการระหว่าง BECL กับ BMCL แต่ต้องรอผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ CK ที่ 2 เม.ย.58 เป็นบวกกับกลุ่ม CK เพราะมีพัฒนการที่ดีในอนาคตของพอร์ตการลงทุน เพราะการควบรวมจะนำมาซึ่งการผสานจุดแข็งของสองบริษัทคือ BECL เป็นบริษัทที่มีเงินสดมาก จ่ายปันผลได้สูง ขณะที่ BMCL มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ธุรกิจและผลประกอบการกำลัง Turnaround อีกทั้งจะเปิดโอกาสการลงทุนใหม่ในอนาคต

                - CENTEL(เออีซี)"ซื้อ"เป้า 40 บาท ช่วง 4Q57 คาดกำไรปกติโต 32.5%%YoY ซึ่งหลัก ๆ มาจากธุรกิจโรงแรมที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมีนัยฯ ส่วนทั้งปี 57 แม้คาดกำไรสุทธิหดตัว 9.5%YoY แต่จะกลับมาโตเด่น 23.6%YoY ในปี 58 จากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม และการเติบโตต่อในธุรกิจอาหาร + กำไรที่คาดโตเด่นในปี 58

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันดีดตัว

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มวัสดุและพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

   ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.4% สู่ระดับ 142.14 จุด เมื่อเวลา 9.01 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,696.18 จุด เพิ่มขึ้น 191.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,843.20 จุด เพิ่มขึ้น 77.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,521.88 จุด เพิ่มขึ้น 9.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,955.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,411.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.90 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,806.31 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด

   ทั้งนี้ นักลงทุนได้เข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปกว่า 4 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 5.91 จุด หลังหุ้นพลังงานแข็งแกร่ง

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน

    ดัชนีFTSE 100 เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 6,865.93 จุด

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปกว่า 4 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้หุ้นทูลโลว์ ออยล์ และหุ้นบีพี ทะยานขึ้น

    ส่วนหุ้นบีที กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.5% แตะระดับสูงสุดในรอบราว 14 ปี หลังจากบริษัทบรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการของบริษัท EE ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของอังกฤษ เป็นมูลค่า 1.25 หมื่นล้านปอนด์

    ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงในช่วงที่ผ่านมาได้กดดันให้เงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนด แม้เศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานลดต่ำลง

    นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOE ยังได้คงวงเงินการซื้อพันธบัตรในพอร์ทที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์ (5.67 แสนล้านดอลลาร์)

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ของกรีซ หลังจากมีรายงานว่าการเจรจาระหว่างรมว.คลังของกรีซและเยอรมนีไม่มีความคืบหน้า

    ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 372.51 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,703.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,905.41 จุด ลดลง 5.91 จุด หรือ -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,865.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ +0.09%

    ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นบีพี และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1%

     หุ้นเร็กแซม ทะยานขึ้น 20% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทบอลล์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระป๋องบรรจุเครื่องดื่ม เสนอซื้อกิจการของเร็กแซมเป็นเงินมูลค่า 610 เพนซ์ต่อหุ้น

     หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นซาโนฟี พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นแอสตราเซเนกา ทะยานขึ้น 3.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2557 ที่แข็งแกร่งเกินคาด

    ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลงและเงินยูโรที่อ่อนค่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนเป็นขยายตัว 1.3% ในปี 2558 และ 1.9% ในปี 2559 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 1.1% และ 1.7% ตามลำดับ

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากมีรายงานว่าการเจรจาระหว่างรมว.คลังของกรีซและเยอรมนีไม่มีความคืบหน้า โดยนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมัน ได้แสดงจุดยืนต่อนายยานิส วารูเฟกิส รมว.คลังกรีซ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ในการเลือกตั้ง แต่กลับสร้างภาระให้กับประเทศอื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 211.86 จุด รับข้อมูลแรงงานสหรัฐ

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของน้ำมันดิบ

    ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,884.88 จุด เพิ่มขึ้น 211.86 จุด หรือ +1.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,765.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,062.52 จุด เพิ่มขึ้น 21.01 จุด หรือ +1.03%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 290,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัว

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้น หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้

    หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.87% หลังจากมีรายงานว่าไฟเซอร์ทำข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทฮอสพิรา ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์

    หุ้นทวิตเตอร์ ปรับตัวขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2557 อยู่ที่ 479 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 97% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2556 ที่ระดับ 243 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลดลง โดยหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ และหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ต่างก็ปรับตัวลง 1.1%

   นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ของกรีซอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดมีรายงานว่ารมว.คลังกรีซและรมว.คลังเยอรมันได้แสดงความขัดแย้งกันอย่างเปิดเผย หลังการเจรจาอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซที่กรุงเบอร์ลิน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ระงับสิทธิที่เคยให้แก่สถาบันการเงินต่างๆของกรีซในการใช้พันธบัตรรัฐบาลกรีซมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอเงินกู้เป็นการชั่วคราว หลังจากที่กรีซไม่ได้แสดงเจตจำนงตามสัญญาอย่างเคร่งครัด

   นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 234,000 ราย หลังจากเพิ่มขึ้น 252,000 รายในเดือนธ.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ก.พ.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,884.88 จุด                         เพิ่มขึ้น 211.86 จุด    +1.20%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,765.10 จุด                      เพิ่มขึ้น 48.40 จุด     +1.03%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,062.52 จุด                       เพิ่มขึ้น 21.01 จุด     +1.03%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,865.93 จุด                    เพิ่มขึ้น 5.91 จุด      +0.09%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,905.41 จุด                           ลดลง 5.91 จุด       -0.05%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,703.30 จุด                        เพิ่มขึ้น 7.00 จุด      +0.15%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,765.50 จุด     เพิ่มขึ้น 31.80 จุด     +0.55%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,811.00 จุด           เพิ่มขึ้น 33.70 จุด     +0.58%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,512.05 จุด                           ลดลง 1.87 จุด       -0.02%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,512.05 จุด                           ลดลง 1.87 จุด       -0.02%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,952.84 จุด                        ลดลง 9.95 จุด       -0.51%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,136.53 จุด                    ลดลง 37.60 จุด      -1.18%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,674.24 จุด            ลดลง 41.82 จุด      -0.54%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,765.49 จุด                             เพิ่มขึ้น 85.73 จุด     +0.35%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,279.90 จุด    ลดลง 35.38 จุด      -0.67%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,803.21 จุด                     เพิ่มขึ้น 0.19 จุด      +0.01%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,406.58 จุด                      ลดลง 10.99 จุด      -0.32%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,406.58 จุด                      ลดลง 10.99 จุด      -0.32%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของน้ำมันดิบ

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,884.88 จุด เพิ่มขึ้น 211.86 จุด หรือ +1.20% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,765.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,062.52 จุด เพิ่มขึ้น 21.01 จุด หรือ +1.03%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ของกรีซ หลังจากมีรายงานว่าการเจรจาระหว่างรมว.คลังของกรีซและเยอรมนีไม่มีความคืบหน้า

          ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 372.51 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,703.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAXตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,905.41 จุด ลดลง 5.91 จุด หรือ -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,865.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ +0.09%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน

          ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 6,865.93 จุด

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐมียอดขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าข้อมูลด้านแรงงานสหรัฐออกมาในเชิงบวก

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1472 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1418 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5222 ดอลลาร์

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.57 เยน เทียบกับระดับ 117.36 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9229 ฟรังก์ จาก 0.9237 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7804 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7781 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปกว่า 4 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ และหันไปลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,262.70 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 19.9 เซนต์ ปิดที่ 17.196 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 10.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,249.70 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 564.00 จุด ลดลง 5.00 จุด, -0.88%

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!