WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

โบรกฯ คาดพฤหัสนี้ SET แกว่งตัวลงต่อ หลังศก.ไทยชะลอตัว - คาดเงินจาก QE ไหลเข้าหุ้นไทยไม่มาก แนะลงทุนหุ้นปันผลดี

  โบรกฯ คาดพฤหัสนี้ หุ้นไทยแกว่งตัวลง ปรับฐานต่อ ขานรับศก.ไทยอ่อนแอ - งบบจ.แย่กว่าคาด เชื่อเงินทุนต่างชาติจาก QE ของยุโรปไหลเข้าตลาดหุ้นไทยไม่มาก  แนะเน้นลงทุนหุ้นปัน ผลดี ประเมินแนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,580 จุด

   นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวเหลวง เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบทั้งวัน เป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/2557 ที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ค่อนข้างมาก ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ต่างออกมาปรับประมาณการผลการดำเนินงานบรษัทจดทะเบียนใน Q1/2558 และตลอดทั้งปี 2558 ใหม่ ขณะที่แรงคาดหวังกระแสเงินทุนนักลงทุนต่างชาติ ที่จะมาจากมาตราการ QE ของธนาคารกลางยุโรปเริ่มลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากทิศทางกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามายังตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียไม่ร้อนแรงเท่ากับครั้งมาตรการ QE จากธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อคราวก่อน ที่จะไหลเข้าทันทีที่เริ่มใช้มาตราการดังกล่าว

   นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ประกาศออกมาล่าสุดค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค. ติดลบ 3.5% อัตราเงินเฟ้อ ปรับตัวลงต่อ ติดลบ 0.47% ซึ่งทำให้เกิดแรงคาดหวังมากขึ้นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป วันที่ 11 มี.ค. นี้ แต่อย่างไรก็ตาม หากกนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับเดิม คาดว่าจะเห็นเสียงโหวตจาดคณะกรรมการให้ปรับลดมากขึ้น ส่วนสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่คาดหวังว่าจะขยายตัว ล่าสุดประกาศออกมามีเพียงธนาคาร 2 แห่งเท่านั้นที่ขยายตัว ดังนั้น แนวโน้มจะชะลอตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกปีนี้

   สำหรับวันพฤหัสบดีนี้ (5 มี.ค.57) คาดหุ้นไทยแกว่งตัวลงต่อ สะท้อนภาคเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง อีกทั้งผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด ในขณะที่แรงคาดหวังจากกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติผ่านมาตราการ QE ธนาคารกลางยุโรปเริ่มน้อยลง จึงเป็นแรงกดดันให้หุ้นไทยแกว่งตัวลงปรับฐานอีกครั้ง

   ด้านกลยุทธ์ แนะลงทุนในหุ้นที่มีปันผลสูง ไม่เน้นส่วนต่างราคา (Capital Gain) สูง อย่างหุ้นในลักษณะกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือหุ้นในกลุ่มสื่อสารและกลุ่มสาธารณูปโภค ที่มีอัตราผลตอบแทน (Yeild) 5% ขึ้นไป พร้อมประเมินแนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,580 จุด

   ส่วนนางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส เปิดเผยว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปรับฐานลงค่อนข้างแรง และUnder perform กว่าตลาดหุ้นภูมิภาคพอสมควร ประกอบกับสัญญาณเทคนิคหลุดแนวรับย่อย และกำลังจะลงสู่แนวรับหลักถัดไปที่ 1,550 จุด ทั้งนี้มาจากขาดปัจจัยกระตุ้น หลังจากผลตอบรับการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไม่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกมากนัก อาจเนื่องมาจากภาพรวมของเศรษฐกิจภูมิภาคช่วงไตรมาส 1/58 ยังไม่ฟื้นตัว แม้ได้รับปัจจัยบวกจากจีนลดดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่ตลาดฯไม่ได้ตอบรับมากนัก การใช้ QE ของ  ECB จึงเป็นกรณีเดียวกันที่ตลาดภูมิภาคไม่ตอบรับเท่าไหร่

   สำหรับแนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัส (5 มี.ค.2558) ทางฝ่ายวิเคราะห์มองไว้ 2 กรณี ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหนุน หากดัชนีฯรีบาวน์จากนักลงทุนที่รอเก็งกำไรหุ้นจ่ายปันผลในหุ้น Market Cap ขนาดใหญ่ ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาได้เล็กน้อยโดยแต่ไม่สามารถผ่าน 1,590 จุดได้ กับอีกกรณีหนึ่ง คือ แกว่งตัวในแดนลบ เพราะขาดปัจจัยภายในประเทศสนับสนุน ประกอบกับการคาดหวังต่อการใช้มาตรการ QE ที่ยังต้องดูอีกต่อไปว่าเงินต่างชาติจะออกจากยูโรโซนมากแค่ไหน ทั้งที่ตอนนี้เพิ่มเริ่มใช้มาตรการ ยังต้องติดตามว่าเม็ดเงินที่ ECB  เข้าซื้อพันธบัตรนั้นจะใช้เต็มจำนวนหรือเกินจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรหรือไม่

   ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีฯอ่อนตัวลง ประเมินแนวรับที่ 1,550-1,520  จุด และแนวต้านที่ 1,590 จุด

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!