WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวน์สั้นตามตลาดต่างประเทศ จับตาผลประชุมเฟด

      นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง หลังจากที่เมื่อวานนี้มีแรงขายออกมามากอาจจะมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของไทย ขณะที่การลงทุนของต่างชาติยังไม่มีทิศทางชัดเจนหลังยังคงมีแรงซื้อสลับขายออกมาต่อเนื่อง

     อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นต่างประเทศดีดตัวขึ้นในวันนี้ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ ,ตลาดหุ้นยุโรป และภูมิภาค ก็น่าจะผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงแรงเมื่อวานนี้รีบาวน์ขึ้นมาด้วย หลังยังไม่มีปัจจัยกดดันใหม่เข้ามา โดยตลาดยังรอดูการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ซึ่งอาจจะมีการส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไปด้วย

      แต่เห็นว่า การรีบาวน์ของตลาดหุ้นไทยอาจเป็นได้แค่ช่วงสั้น หลังจากที่ยังมีนักลงทุนบางส่วนรอจังหวะในการขายออกมากดดันตลาด ทำให้ตลาดในช่วงเช้าอาจจะรีบาวน์ขึ้นได้ก่อนทรงตัว เป็นลักษณะ sideway เพื่อรอดูการประชุมเฟด โดยมองแนวรับบริเวณ 1,500 จุด และแนวต้านที่ 1,520 และ 1,540 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                -ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(16 มี.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,977.42 จุด พุ่งขึ้น 228.11 จุด (+1.29%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,929.51 จุด เพิ่มขึ้น 57.75 จุด(+1.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,081.19 จุด เพิ่มขึ้น 27.79 จุด(+1.35%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 179.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 42.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 156.92 จุด ,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 16.25 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.58 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(16 มี.ค.58) 1,515.57 จุด ลดลง 25.98 จุด(-1.69%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 643.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มี.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(16 มี.ค.58) ปิดที่ 43.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 96 เซนต์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(16 มี.ค.58)ที่ 8.99 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.92/94 ตลาดรอดูทิศทางและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

                - จับตาความเสี่ยงค่ายรถ "อีโค คาร์ 2" หลังแนวโน้มตลาดชะลอ-จีเอ็ม ถอนตัว จ่อรวมตัวต่อรองลดเป้า 1 แสนคัน ขณะที่ไทยเสี่ยงเสียแชมป์ผลิตปิกอัพ หลังตุรกี ดูดฐานปิกอัพแข่ง สบช่องใช้ประโยชน์ภาษีเข้ายุโรป 0%  พร้อมเป็นประตูเจาะตะวันออกกลาง-แอฟริกา-อเมริกาใต้ ด้านผู้นำตลาดอีโค คาร์ ยันเดินหน้าลงทุนอีโค คาร์ 2 แม้ตลาดรถไทย ถดถอยต่อเนื่อง ชี้มีเวลาเตรียมความพร้อมรอตลาดฟื้น

                -  "สมหมาย" หวั่นฐานะการคลังมีปัญหาหากรัฐบาลไม่จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง วอนทุกฝ่ายเข้าใจ ระบุศักยภาพหารายได้ของประเทศอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ขาดดุลงบประมาณต่อเนื่อง เดินหน้าร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ  คาดแล้วเสร็จสัปดาห์นี้ พร้อมเปิดให้นักวิชาการร่วมแสดงความเห็นภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนเสนอครม.พิจารณา

                - นายสิทธิชัย โภไคยอุดม ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม วันที่ 18 มี.ค.นี้ จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการประมูลคลื่นความถี่ 4จี เพื่อเร่งผลักดันให้มีการประมูล 4จี โดยเร็วที่สุด เพราะมีความสำคัญกับไทย และการผลักดันดิจิทัล อีโคโนมี เพราะคลื่นความถี่ 4จี จะมีความเร็วกว่า 3จี อีก 3-5 เท่าตัว

                - พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังมอบนโยบายผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จากทุกภูมิภาคกว่า 60 แห่งทั่วโลกว่า ขณะนี้จะยังไม่มีการปรับเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2558 ที่กำหนดไว้ว่าจะขยายตัวได้ 4% เพราะต้องรอให้สิ้นไตรมาสแรก หรือสิ้นเดือน มี.ค.นี้ก่อน จึงจะสรุปได้ว่าทิศทางการส่งออกในปีนี้จะเป็นอย่างไร

                - แบงก์ชาติเผยหลังลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เงินบาทอ่อนค่า ผลตอบแทนพันธบัตรลด มองเป็นโอกาสเอกชนลงทุนช่วงต้นทุนทางการเงินต่ำ ขณะเดียวกัน การใช้นโยบายการเงินในยามนี้ เพื่อช่วยพยุงความเชื่อมั่นและลดผลกระทบระยะสั้นจากการปฏิรูปเศรษฐกิจของภาครัฐ มองต่อไปไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่าเงินทุนไหลเข้า-ออก ส่วน BBL ลดดอกเบี้ยฝากสะสมทรัพย์-ประจำ และดอกเบี้ยกู้ MLR

                - นายพงษ์ไชย เกษมทวีศักดิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยผลประชุมว่า ที่ประชุมคณะทำงานศึกษาเชื้อเพลิงที่ใช้กับรถโดยสารเอ็นจีวี ได้สั่งให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) สรุปข้อดี-ข้อเสียเรื่องการจัดซื้อรถเมล์เชื้อเพลิง 3 ประเภท คือ ก๊าซเอ็นจีวี รถเมล์ไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล ว่าแบบไหนดีสุดสำหรับไทย โดยให้เวลา 1 สัปดาห์สรุปข้อมูลให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) พิจารณาต่ออีก 1 สัปดาห์ และประมาณต้นเดือนเมษายนนี้จะประชุมสรุปข้อมูลสุดท้ายเสนอต่อ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พิจารณาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ต่อไป

*หุ้นเด่นวันนี้

                -TMB (บล.กรุงศรี) แนะ"ซื้อ"ให้มูลค่าพื้นฐาน 3.57 บาท จากมุมมองต่อกำไรปี 58 ที่จะยังคงเติบโตดีต่อเนื่องราว 13%YoY มากกว่ากลุ่มฯที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 8% ขณะที่สินเชื่อในเดือนก.พ.กลับมาขยายตัวได้ 1.3% MoM จากที่ลดลง 0.7% ในเดือน ม.ค. ทำให้สินเชื่อใน 2M58 ขยายตัวได้ 0.7% จากสิ้นปี 57

                -KTC (บล.ไอร่า) ให้ราคาเป้าหมาย 107 บาท โดยคาดผลการดำเนินงานยังเติบโตต่อเนื่อง คาดกำไรปี 58 เพิ่มขึ้น 14.54% อยู่ที่ 2,010 ล้านบาท ภายใต้ (1) ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่คาดเพิ่มขึ้น 15% และ (2) สินเชื่อบุคคล เพิ่มขึ้น 10% ทำให้คาดสินเชื่อรวมเติบโต ประมาณ 10.56% โดยในปี 58 KTC เน้นการเพิ่มฐานบัตรเครดิตจากกลุ่มลูกที่เพิ่งทำงานซึ่งจะส่งให้เกิด Brand Impressions ส่วนสินเชื่อบุคคลเน้นไปที่ลูกค้าต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน

                -ADVANC (บล.ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 275 บาท จากการเป็นหุ้นจ่ายปันผลดี โดยยุค DATA รอบนี้จะนำไปสู่การลงทุนที่ capex ที่หนักกว่ายุค voice 2G เราคาดว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นในยุคนี้จะก่อให้เกิดการเติบโตของกำไรที่ไม่น่าตื่นเต้น แต่มองว่า ADVANC จะยังคงให้ผลตอบแทนจากอัตราจ่ายเงินปันผลที่มั่นคงที่มากกว่า 5%

                -RATCH (บล.เคเคเทรด) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเหมาะสมที่ 68 บาท จากแนวโน้มผลประกอบการปี 2558 ที่เติบโตเด่นกว่ากลุ่ม รวมทั้งความน่าสนใจจากเงินปันผล จากผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโต ทำให้คาดหมายจะเห็นการจ่ายเงินปันผลเพิ่ม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการหงสาเต็มทั้ง 3 หน่วยในปี 2559 โดยคาดว่าในปี 2558 บริษัทจะยังสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 2.27 บาท/หุ้น เท่ากับปี 2557 ที่ผ่านมา หากเทียบกับราคาปิดล่าสุดยังให้อัตราผลตอบแทน (Div. Yld.) อยู่ที่ 3.7% ขณะที่ปี 2559 โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลเพิ่มเป็น 2.5 บาทต่อหุ้น (Div. Yld. 4.1%) ตามแนวโน้มผลประกอบการที่ปรับเพิ่ม

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขณะนักลงทุนคาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ส่งผลให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

      ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 144.40 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,425.89 จุด เพิ่มขึ้น 179.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,469.60 จุด เพิ่มขึ้น 20.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,106.47 จุด เพิ่มขึ้น 156.92 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,555.10 จุด เพิ่มขึ้น 42.19 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,998.26 จุด เพิ่มขึ้น 10.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,392.29 จุด เพิ่มขึ้น 16.25 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,779.96 จุด ลดลง 0.58 จุด

      นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลแรงงานเดือนก.พ.ของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งเกินคาด

     อย่างไรก็ดี นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เฟดรายงานว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐลดลงในเดือนก.พ. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากการทรุดตัวของการผลิตรถยนต์

    ทั้งนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.2% ในเดือนก.พ. หลังจากที่ร่วงลง 0.3% ในเดือนม.ค.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนฟุตซี่ปิดพุ่ง 63.50 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

      ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 63.50 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 6,804.08 จุด

       ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ได้ร่วงลง 2.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเคลื่อนไหวที่ใกล้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

       หุ้นแอสทราเซเนกา, หุ้นโวดาโฟน, หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นลอนดอนต่างก็ปรับตัวขึ้นไม่ต่ำกว่า 1.7% ซึ่งช่วยหนุดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งแรง

     หุ้นแรนโกลด์ รีซอร์สเซส เพิ่มขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของบริษัท

    หุ้นซีอาร์เอช ร่วงลง 4.4% เนื่องจากบริษัทโฮลคิม และบริษัทลาฟาร์ก เอสเอ มีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเงื่อนไขทางการเงินในการรวมกิจการของทั้งสองบริษัท โดยซีอาร์เอชจะเป็นผู้ซื้อทรัพย์ทรัพย์สินบางส่วนจากการทำข้อตกลง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับ ECB ซื้อบอนด์กว่า 9.7 พันล้านยูโร

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีทะยานขึ้นเหนือระดับ 12,000 จุดเป็นครั้งแรก หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ซื้อพันธบัตรของรัฐบาลในยูโรโซนคิดเป็นเงินรวม 9.751 พันล้านยูโร ในช่วงสัปดาห์แรกของโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

     ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.9% ปิดที่ 400.18 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,061.16 จุด เพิ่มขึ้น 50.70 จุด, +1.01% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,167.72 จุด เพิ่มขึ้น 266.11 จุด, +2.24% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,804.08 จุด เพิ่มขึ้น 63.50 จุด, +0.94%

     ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นขานรับข่าวที่ว่า ECB ได้ซื้อพันธบัตรของรัฐบาลในยูโรโซนคิดเป็นเงินรวม 9.751 พันล้านยูโร หรือ 1.030 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์แรกของโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 9 มี.ค.

     ทั้งนี้ การซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมของรัฐบาลลดลง และทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำลง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง และจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และส่งผลให้ยูโรอ่อนค่าลง

    หุ้น K+S AG และหุ้น Merck KGaA ของเยอรมนี ต่างก็ปรับตัวขึ้น ส่วนหุ้นเอสเอ็มไอ ซึ่งเป็นบริษัทสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 17%

    หุ้น Hennes & Mauritz AB พุ่งขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้น Royal DSM NV ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทตกลงขายหุ้นส่วนใหญ่ในธุรกิจพลาสติกและเรซิน

   นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลแรงงานเดือนก.พ.ของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งเกินคาด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 228.11 จุด ตลาดจับตาประชุมเฟด

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,977.42 จุด พุ่งขึ้น 228.11 จุด หรือ +1.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,929.51 จุด เพิ่มขึ้น 57.75 จุด หรือ +1.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,081.19 จุด เพิ่มขึ้น 27.79 จุด หรือ +1.35%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทส่งออก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

    นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลแรงงานเดือนก.พ.ของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งเกินคาด

    ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดอาจจะเลิกใช้คำว่า "อดทน" ในการพิจารณากำหนดเวลาสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้

    ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะเปลี่ยนแถลงถ้อยคำในสัญญาณชี้นำล่วงหน้า  (Forward Guidance) ด้วยการเลิกใช้คำว่า "อดทน" เมื่อพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นในต่างประเทศ รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปที่พุ่งขึ้นขานรับข่าวธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะที่ตลาดหุ้นจีนทะยานขึ้นหลังจากนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนระบุว่า จีนจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

   หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงก็ตาม โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับขึ้น 1.1%

   หุ้นซาลิกซ์ ฟาร์มาซูติคอลส์ พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทตกลงรับข้อเสนอซื้อหุ้นมูลค่า 173 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากบริษัทเวเลียนท์ ฟาร์มาซูติคอลส์

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดช่วงไตรมาส 4/2557, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนมี.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ.จาก Conference Board

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 มี.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,977.42 จุด                          เพิ่มขึ้น 228.11 จุด      +1.29%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,929.51 จุด                      เพิ่มขึ้น 57.75 จุด       +1.19%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,081.19 จุด                       เพิ่มขึ้น 27.79 จุด       +1.35%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,804.08 จุด                   เพิ่มขึ้น 63.50 จุด       +0.94%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,167.72 จุด                           เพิ่มขึ้น 266.11 จุด      +2.24%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,061.16 จุด                        เพิ่มขึ้น 50.70 จุด       +1.01%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,769.70 จุด     ลดลง 18.30 จุด        -0.32%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,797.70 จุด           ลดลง 16.80 จุด        -0.29%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,512.91 จุด                           ลดลง 66.44 จุด        -0.69%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,246.06 จุด                    ลดลง 8.19 จุด         -0.04%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,987.33 จุด                        เพิ่มขึ้น 1.54 จุด        +0.08%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,449.30 จุด                    เพิ่มขึ้น 76.39 จุด       +2.26%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,730.95 จุด            ลดลง 78.59 จุด        -1.01%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,949.55 จุด                             เพิ่มขึ้น 126.34 จุด      +0.53%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,780.54 จุด                    ลดลง 1.21 จุด         -0.07%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,435.27 จุด    เพิ่มขึ้น 8.80 จุด        +0.16%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,376.04 จุด                      เพิ่มขึ้น 13.27 จุด       +0.39%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,437.71 จุด                        ลดลง 65.59 จุด        -0.23%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,977.42 จุด พุ่งขึ้น 228.11 จุด หรือ +1.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,929.51 จุด เพิ่มขึ้น 57.75 จุด หรือ +1.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,081.19 จุด เพิ่มขึ้น 27.79 จุด หรือ +1.35%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีทะยานขึ้นเหนือระดับ 12,000 จุดเป็นครั้งแรก หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ซื้อพันธบัตรของรัฐบาลในยูโรโซนคิดเป็นเงินรวม 9.751 พันล้านยูโร ในช่วงสัปดาห์แรกของโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

   ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.9% ปิดที่ 400.18 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,061.16 จุด เพิ่มขึ้น 50.70 จุด, +1.01% ดัชนี DAXตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,167.72 จุด เพิ่มขึ้น 266.11 จุด, +2.24% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,804.08 จุด เพิ่มขึ้น 63.50 จุด, +0.94%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

  ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 63.50 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 6,804.08 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานในตลาดโลกที่มีอยู่สูงมาก

   สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 96 เซนต์ ปิดที่ 43.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

   ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด

   สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ระดับ  1,153.20 ดอลลาร์/ออนซ์

   สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 12.3 เซนต์ ปิดที่ 15.617 ดอลลาร์/ออนซ์

   สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 7.3 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,107.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 8.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 780.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

    ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 121.40 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 121.33 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ 1.0078 ฟรังก์ จากระดับ 1.0067 ฟรังก์

 ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.0583 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0475 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4834 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4726 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7642 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7620 ดอลลาร์สหรัฐ

    ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 564.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.00 จุด, +0.36%

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!