WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนถึงดีดกลับ หวังเลิกอัยการศึก-น้ำมันพุ่งหนุน

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับลดลงในช่วงแรก และดีดกลับขึ้นมาได้ โดยภาพรวมยังมีความผันผวน แต่ก็ให้น้ำหนักในทางดีดกลับเป็นหลัก โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจากภายในประเทศ กรณีที่รัฐบาลอาจจะยกเลิกการบังคับใช้กฎอัยการศึก ประกอบกับในช่วงนี้นักลงทุนสถาบันซึ่งมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมากนั้น ได้เสนอขายทริกเกอร์ฟันด์ออกมาหลายกอง มีมูลค่ารวมมากถึง 6 พันล้านบาท คาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวน่าจะเริ่มทยอยเข้าระบบตั้งแต่วันนี้

     นอกจากนี้ ความกังวลต่อสถานการณ์ในเยเมน ยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ก็จะหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก ก็จะเป็นปัจจัยที่ประคับประคองตลาดไม่ให้ปรับลดลง โดยมองว่าการที่ดัชนีหลุดระดับ 1,500 จุดเมื่อวานนี้เป็นเพียงชั่วคราว และยังให้น้ำหนักการเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์หน้ายังเป็นการดีดกลับด้วย จากความคาดหวังเรื่องการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี(window dressing)

โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,520 จุด และแนวรับที่ 1,490 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(26 มี.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,678.23 จุด ลดลง 40.31 จุด(-0.23%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่  4,863.36 จุด ลดลง 13.16 จุด(-0.27%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,056.15 จุด ลดลง 4.90 จุด(-0.24%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 96.40 จุด หรือ -0.50%,  ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.19 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดไม่เปลี่ยนแปลง, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 26.05 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.27 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.53 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.04 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.27 จุด หรือ +0.00%

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(26 มี.ค.58) 1,496.41 จุด ลดลง 16.39 จุด(-1.08%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,209.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 มี.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(26 มี.ค.58) ปิดที่ 51.43 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(26 มี.ค.58)ที่ 9.20 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.58/59 นักบริหารเงินมองเงินบาทมีแนวโน้มจะอ่อนค่าต่อ หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินสกุลอื่นๆ

                - นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังเตรียมออกใบอนุญาตให้กับเอกชน 3 รายแรกปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ได้ก่อนช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ในเดือนเม.ย.นี้เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในอัตราดอกเบี้ยไม่สูงมากได้

                - แบงก์ชาติ เผยหลัง"อีซีบี"เริ่มใช้ "คิวอี" ต้นเดือน มี.ค.  ยังไม่พบเงินทุนจากยุโรปไหลเข้าชัดเจน เชื่อตลาดรับข่าวไปแล้ว พร้อมระบุเดือน มี.ค.เงินไหลออกสุทธิ 60 ล้านดอลลาร์ ส่วนเงินบาทที่กลับแข็งค่าผลจาก "เฟด"  ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยฉุดค่าเงินทั้งภูมิภาค ขณะที่ค่าความผันผวนเพิ่มเล็กน้อยแตะ 4.5%

                - "ประจิน" ยันสายการบินของไทยยังบินเข้าญี่ปุ่นได้ตามปกติ ไม่ได้ถูกห้ามบินตามข่าว แต่ส่วนที่ขอเพิ่มเที่ยวบิน หรือเปิดจุดบินใหม่ทำไม่ได้ สั่ง บพ.-การบินไทย บินด่วนชี้แจงแผนแก้ไขข้อบกพร่องตามมาตรฐาน ICAO ยอมรับผิดหวังญี่ปุ่นออกมาตรการเร็วเกินไปทั้งที่อยู่ระหว่างแก้ไข 90 วัน ด้าน บพ.เผยญี่ปุ่น ไม่อนุญาตเที่ยวบินเช่าเหมาลำของไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์, นกสกู๊ต, เอเชียแอตแลนติกที่ขอบินช่วงสงกรานต์ เพราะเป็นเส้นทางใหม่

                - "พาณิชย์"เผยส่งออกไทยเดือนก.พ.58 ติดลบ 6.14% หลังยอดส่งออกน้ำมัน ทองคำร่วงหนัก ระบุถ้าตัดมูลค่าสินค้าทั้ง 2 ชนิดออก จะทำให้เดือนนี้ติดลบแค่ 2.4% เท่านั้น ยันซื้อทองคำเก็งกำไร แต่ไม่ส่งออก ฉุดส่งออกภาพรวมร่วงหนัก เชื่อปีนี้ส่งออกไทยยังขยายตัวเป็นบวกได้แน่ แต่จะเท่าใด ขอประเมินตัวเลขไตรมาสแรกก่อน

                - "ประยุทธ์" กลับจากบรูไนอย่างอารมณ์ดี ทักทายสื่อ ดีใจที่ได้เจอ หลังว้ากใส่เมื่อวันก่อน แย้มเตรียมเลิกอัยการศึก งัดกฎหมายอื่นใช้แทน จับตาเข้า ครม. วันนี้ เผยสามารถใช้ ม. 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว รวมถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.มั่นคงฯ แทน "บิ๊กป้อม" เอาบ้างสบถ "ไอ้ห่า" หลังสื่อซักรัฐวางบึ้มเอง "วิษณุ" ยังไม่ฟันธงใช้ ม.44 แทนกฎอัยการศึกได้ "บิ๊กต๊อก" บ่นบัวแก้วข้อมูลไม่พร้อมแจงต่างชาติ ทำล่าแก๊งล้มเจ้าล่าช้า หวังต่างประเทศเข้าใจ เหตุไทยยังต้องมี ม.112

*หุ้นเด่นวันนี้

                -BCP ( เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"ทยอยสะสม"ให้ราคาเหมาะสมที่ 37 บาท คาดหุ้นกลุ่มพลังงานจะ Outperform ตลาดได้ หลังราคาน้ำมัน NYMEX ขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันจากเหตุการณ์ไม่สงบในเยเมนเป็นปัจจัยหนุนในระยะสั้น และคาดกำไร 1Q58 โดดเด่น qoq ที่ 1,200 – 1,300 ล้านบาท  เนื่องจากจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเป็นจำนวนมากเหมือนใน 4Q57 ที่ผ่านมา หลังราคาน้ำมันดิบ DUBAI ใน สิ้นสุดวานนี้อยู่ที่ US$57.42/barrel เทียบกับสิ้นปี 2557 ที่ US$55.84/barrel

                -ADVANC (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"ซื้อ"คาดกำไรสุทธิ 1Q58 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY อยู่ที่ 9,735 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็น Low season เมื่อเทียบกับ 4Q57 แต่กลับมีรายได้เติบโตทั้งรายได้บริการ และรายได้จากการขาย  ส่วนค่าใช้จ่ายยังคงเพิ่มขึ้นทำให้กำไรปกติทรงตัว QoQ แต่ยังเติบโตได้ YoY เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2558 ที่ 42,812 ล้านบาท เติบโต 17% YoY และคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 320 บาท (DCF)

                -IRC (กรุงศรี)แนะ"ซื้อ"มองบวกแนวโน้ม FY2Q15(ม.ค-มี.ค.)คาดฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากฐานกำไรต่ำในปีก่อน และอัตราการใช้กำลังการผลิตคาดเพิ่ม 5% เทียบ YoY จากข้อมูลอุตสาหกรรมยอดผลิตรถยนต์ของอุตสาหกรรม 2 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 2.5%YoY อยู่ที่ 3.4 แสนคัน ราคายางซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักยังทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงไตรมาสที่แล้ว คาดว่าจะมีการบันทึกเงินชดเชยค่าเสียหายจากน้ำท่วมงวดสุดท้ายเข้ามา 24 ล้านบาท ซึ่งหากรวมรายการดังกล่าวคาดว่าไตรมาสนี้กำไรจะเป็นจุดสูงสุดของปี

                -AOT (ธนชาต)แนะ"ซื้อ"แม้ sentiment ลบจากข่าวญี่ปุ่นยกเลิกเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำไทยไปญี่ปุ่นหลัง ICAO ให้คะแนน DCA ไทยต่ำ แต่เชื่อผลกระทบแท้จริงมีจำกัด จากผู้โดยสารของเที่ยวบินเช่าเหมาลำทั้งหมดจากไทยคิดเป็น 5% ของจำนวนผู้โดยสารรวมของ AOT จึงมีสัดส่วนน้อยกว่า 5% และผลกระทบต่อกำไรจึงน่าจะต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยกำลังแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่หากราคาหุ้น AOT ได้รับผลกระทบ มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ หลังเงินเยนแข็งค่า

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ซึ่งไม่นับรวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ขยับขึ้น 0.1% เมื่อเวลา 10.04 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,541.44 จุด เพิ่มขึ้น 44.36 จุด, +0.18% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,686.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.04 จุด, +0.11% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,815.15 จุด ลดลง 3.27 จุด, -0.18% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,593.07 จุด ลดลง 26.05 จุด, -0.27% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,436.12 จุด เพิ่มขึ้น 4.53 จุด, +0.13%

      ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,026.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.19 จุด, +0.21% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,374.72 จุด ลดลง 96.40 จุด, -0.50% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,879.10 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

     ตลาดได้แรงหนุนจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น หลังจากกระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 2.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด

     อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ หลังเงินเยนแข็งค่า

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด

   ดัชนี MSCI Asia Pacific ซึ่งไม่นับรวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ขยับขึ้น 0.1% เมื่อเวลา 10.04 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,541.44 จุด เพิ่มขึ้น 44.36 จุด, +0.18% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,686.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.04 จุด, +0.11% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,815.15 จุด ลดลง 3.27 จุด, -0.18% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,593.07 จุด ลดลง 26.05 จุด, -0.27% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,436.12 จุด เพิ่มขึ้น 4.53 จุด, +0.13%

    ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,026.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.19 จุด, +0.21% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,374.72 จุด ลดลง 96.40 จุด, -0.50% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,879.10 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

   ตลาดได้แรงหนุนจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น หลังจากกระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 2.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด

    อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 95.64 จุด เหตุวิตกสถานการณ์เยเมน

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) โดยหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักสุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสถานการณ์รุนแรงในเยเมนจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

    ดัชนี FTSE 100 ลดลง 95.64 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 6,895.33 จุด

     นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธฮูตีในเยเมน

  หุ้นอีซีเจ็ท และหุ้น ไอเอเจี เอสเอ ต่างก็ร่วงลงมากกว่า 2.5% เนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดในรอบมากกว่า 1 ปี

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกสถานการณ์ตะวันออกกลาง ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 394.54 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,006.35 จุด ลดลง 14.64 จุด หรือ -0.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,843.68 จุด ลดลง 21.64 จุด หรือ -0.18% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,895.33 จุด ลดลง 95.64 จุด หรือ -1.37%

     นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธฮูตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะร่วมมือในปฏิบัติการปกป้องเยเมนจากกลุ่มกบฏฮูตี

     ขณะที่สถานีข่าวอัล-อะราบิยาของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ปากีสถานและอียีปต์จะส่งเครื่องบินและเรือรบเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ที่มีชื่อว่า "Firmness Storm"

    หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในเยเมน โดยหุ้นดอยช์ ลุฟฮันซา ร่วงลง 2.9% หุ้นแอร์ฟรานซ์-เอแอลเอ็ม ปรับลง 1.3% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส ร่วงลง 3.4%

    หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป ร่วงลง 5.6% หลังจากบริษัท Borse Dubai ประกาศขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป

   อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกในระหว่างวันจากผลการสำรวจโดยบริษัทวิจัย GfK ซึ่งระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเยอรมนีในเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นแตะ 10.0 ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2544 หลังจากอยู่ที่ 9.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวเยอรมนีมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศ ท่ามกลางเงินยูโรที่อ่อนค่าและราคาพลังงานที่ถูกลง

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 40.31 จุด วิตกตะวันออกกลางตึงเครียด

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลดลงมากกว่าคาดการณ์

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,678.23 จุด ลดลง 40.31 จุด หรือ -0.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,863.36 จุด ลดลง 13.16 จุด หรือ -0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,056.15 จุด ลดลง 4.90 จุด หรือ -0.24%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธฮูตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะร่วมมือในปฏิบัติการปกป้องเยเมนจากกลุ่มกบฏฮูตี

     ขณะที่สถานีข่าวอัล-อะราบิยาของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ปากีสถานและอียีปต์จะส่งเครื่องบินและเรือรบเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ที่มีชื่อว่า "Firmness Storm"

    สถานการณ์ตึงเครียดในเยเมนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางลำเลียงน้ำมันดิบ เนื่องจากเยเมนมีชายแดนติดกับซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มโอเปก

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 21 มี.ค. ปรับตัวลง 9,000 ราย แตะ 282,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 290,000 ราย นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

   ด้านมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 58.6 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว  จากระดับ 57.1 ในเดือนก.พ.

     หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ร่วงลง หลังจากบริษัทแซนดิสก์ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นแซนดิสก์ร่วงลง 18.4%

    หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 0.9%

    ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ และหุ้นอินเทล คอร์ป ต่างก็ดีดตัวขึ้นกว่า 0.6% ขณะที่หุ้นไอบีเอ็ม และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้นกว่า 0.3%

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 4/2557 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมี.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 มี.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,678.23 จุด                          ลดลง 40.31 จุด      -0.23%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,863.36 จุด                      ลดลง 13.16 จุด      -0.27%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,056.15 จุด                       ลดลง 4.90 จุด       -0.24%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,895.33 จุด                    ลดลง 95.64 จุด      -1.37%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,843.68 จุด                           ลดลง 21.64 จุด      -0.18%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,006.35 จุด                        ลดลง 14.64 จุด      -0.29%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,849.70 จุด     ลดลง 87.40 จุด      -1.47%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,879.10 จุด           ลดลง 94.20 จุด      -1.58%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,619.12 จุด                           ลดลง 48.71 จุด      -0.50%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,471.12 จุด                    ลดลง 275.08 จุด     -1.39%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,022.56 จุด                         ลดลง 20.25 จุด      -0.99%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,682.10 จุด                     เพิ่มขึ้น 21.37 จุด     +0.58%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,871.10 จุด            เพิ่มขึ้น 34.76 จุด     +0.44%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,497.08 จุด                              ลดลง 31.15 จุด      -0.13%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,368.80 จุด     ลดลง 36.69 จุด      -0.68%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,818.42 จุด                      ลดลง 0.68 จุด       -0.04%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,431.59 จุด                       เพิ่มขึ้น 12.57 จุด     +0.37%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,457.58 จุด                         ลดลง 654.25 จุด     -2.33%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลดลงมากกว่าคาดการณ์

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,678.23 จุด ลดลง 40.31 จุด หรือ -0.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,863.36 จุด ลดลง 13.16 จุด หรือ -0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,056.15 จุด ลดลง 4.90 จุด หรือ -0.24%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 394.54 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,006.35 จุด ลดลง 14.64 จุด หรือ -0.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,843.68 จุด ลดลง 21.64 จุด หรือ -0.18% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,895.33 จุด ลดลง 95.64 จุด หรือ -1.37%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) โดยหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักสุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสถานการณ์รุนแรงในเยเมนจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

          ดัชนี FTSE 100 ลดลง 95.64 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 6,895.33 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน 

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.43 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 2.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎในเยเมน

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่  1,204.80 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ ปิดที่ 17.14 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 7.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,154.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 7.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 773.35 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐ

          ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9633 ฟรังก์ จากระดับของวันพุธ 0.9616 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 119.24 เยน จากระดับ 119.63 เยน

          ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.0872 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0958 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับ 1.4840 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4865 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7814 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7836 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 598.00 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!