WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET36ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าผันผวนทางลงไร้ปัจจัยหนุน เสี่ยงปรับลดกำไร บจ.

     นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนแกว่งทางลง ปัจจัยจากต่างประเทศยังไม่มีประเด็นบวก ส่วนในประเทศจับตาการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไตรมาส 1/58 มีความเสี่ยงว่าอาจได้เห็นหลายสำนักปรับลดประมาณการกำไรทั้งปีลง จึงคาดว่าจะทำให้ตลาดหุ้นผันผวนต่อไป

     ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ปรับลง 7 จุด หลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ คือ ยอดค้าปลีกออกมาทรงตัว และตลาดหุ้นอื่นๆ เช้านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมากนัก แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลง

พร้อมแนะนำช่วงนี้ wait & see ให้แนวรับ 1,480 จุด แนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(13 พ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,060.49 จุด ลดลง 7.74 จุด(-0.04%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,981.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด(+0.11%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,098.48 จุด ลดลง 0.64 จุด(-0.03%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 103.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.94 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 1.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 6.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.58 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.10 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(13 พ.ค.58)1,495.95 จุด เพิ่มขึ้น 10.23 จุด (+0.69%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 146.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(13 พ.ค.58) ปิดที่ 60.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 25 เซนต์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(13 พ.ค.58)ที่ 8.45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.48/50 ยังแข็งค่าต่อหลังดอลล์อ่อน-มีแรงขายทำกำไร

                - กรมบัญชีกลาง เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หวังใช้เป็นมาตรฐานกลางทุกหน่วยงาน พร้อมเพิ่มบทลงโทษเป็น 2 เท่าและเอาผิดถึง"ผู้สั่งการระดับสูง-ผู้มีอำนาจ"หวังเพื่อสร้างความโปร่งใส เพิ่มความมั่นใจให้ "เอกชนไทย-ต่างประเทศ" ด้านทีดีอาร์ไอชี้โปร่งใสมากขึ้น แต่ห่วงการบังคับใช้กฎหมาย

                - บีโอไอตั้งเป้าอนุมัติโครงการลงทุน 1.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า คาดลงทุนสร้างโรงงานภายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท เผยนักลงทุนจีนมาแรง คาดยอดลงทุนจากจีนทะลุ 1 แสนล้านบาทได้ภายใน 3-5 ปี

                - แกนนำกลุ่มปฏิรูปพลังงานฯ เสนอ"เชฟรอน-ปตท.สผ."ได้สิทธิบริหารแหล่งสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุ หวั่นรัฐเสียรายได้ 3.75 แสนล้านบาท แนะรัฐตั้งโต๊ะเจรจาอย่างโปร่งใส เพื่อให้รัฐได้รับผลประโยชน์มากขึ้น พร้อมเร่งเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่เพื่อให้เอกชนไม่ลดการลงทุน

                - ตลาดรถกระบะแข่งเดือดรับยอดขายฝืด โตโยต้าดันกระบะใหม่ รีโว ลงตลาด 21 พ.ค.ทุ่มถ่ายทอดสดงานเปิดตัวผ่านทีวี 5 ช่อง พร้อมปรับตำแหน่งสินค้ามุ่งตอบสนองจุดขายใหม่ พบอัดงบโฆษณาไตรมาสแรกติดท็อปเทน หวังเคลียร์สต็อกรุ่นเก่า ขณะ"ฟอร์ด"ปรับโฉมกระบะเรนเจอร์ "เชฟโรเลต"ปรับปรุงรถกระบะรุ่นโคโรลาโด

                - กนง.ระบุเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวต่ำเป็นผลมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐยังต่ำ เงินบาทแข็งค่าทำให้การส่งออก ไม่ได้รับอานิสงส์เต็มที่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เศรษฐกิจคู่ค้ายังชะลอตัว

                - ราคาน้ำมันปาล์มอาจปรับสูงขึ้นหลังจากปรากฏการณ์เอลนินโญที่กำลังจะเกิดขึ้นจะทำให้เกิดความแห้งแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งเป็นแหล่งปลูกปาล์มน้ำมันที่สำคัญของโลกทำให้ผลผลิตลดลง ขณะที่ผู้ซื้อหลักอย่างจีน ยังคงนำเข้าต่อเนื่องเพื่อประกันปริมาณน้ำมันปาล์มสำรอง

*หุ้นเด่นวันนี้

                -TASCO(เมย์แบงก์กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 15.50 บาท กำไรสุทธิ 1Q58 ที่ 1,126 ล้านบาท เติบโต +344% yoy และ +116% qoq ทำระดับสูงสุดใหม่และดีกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 600-700 ล้านบาท และคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับคาดการณ์กำไรของ Consensus ในปี 58 ที่ราว 1,600 ล้านบาท คาดเห็นการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นจาก Consensus หลังเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารในวันที่ 26 พ.ค.ทิศทาง 2Q58 คาดกำไรเติบโตสูง yoy และอาจเห็น Positive Surprise ต่อ qoq

                -LH(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 10.80 บาท ระยะสั้นมีประเด็นกดดันจากยอดขายอาจโตไม่มากนักตามแผนการเปิดตัวที่เน้นโครงการช่วงท้ายของปี ขณะที่จะเห็นการเติบโตเด่นช่วง 4Q58 จากแผนเริ่มโอนกรรมสิทธิ์คอนโด 3 แห่ง งานในมือ 4.7 พันล้านบาทเตรียมบันทึกรายได้ในปี 58 พร้อมมีแผนขายสินทรัพย์ 3 แห่งเข้ากอง REIT และสินทรัพย์ในต่างประเทศ 1 แห่ง ซึ่งอาจบันทึกเป็นกำไรจากการขายในอนาคต

                -BA(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า27.50บ.รายงานกำไรสุทธิ 1Q58 ออกมาแข็งแกร่ง โดยเท่ากับ 1070 ล้านบาท เติบโตเท่าตัว YoY เนื่องจากรายได้เพิ่มตามจำนวนผู้โดยสาร (รายได้เพิ่ม 10%YoY) ต้นทุนน้ำมันลดลง รวมถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายต่ำลง มีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณกำไรสุทธิทั้งปี 58 ขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียขยับลงเช้านี้ หลังผิดหวังยอดค้าปลีกสหรัฐ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังยอดค้าปลีกของสหรัฐซบเซากว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะเดียวกันเงินเยนที่แข็งค่าก็ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัวลง

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% แตะ 152.45 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,661.52 จุด ลดลง 103.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 4,372.82 จุด ลดลง 2.94 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,395.92 จุด เพิ่มขึ้น 146.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,730.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,115.59 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,462.75 จุด เพิ่มขึ้น 9.58 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,806.12 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนเม.ย. โดยอยู่ที่ระดับ 4.368 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ออกมาตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%

   ทั้งนี้ ภาวะทรงตัวของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย. ส่วนหนึ่งเกิดจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์และน้ำมัน โดยยอดขายรถยนต์ลดลง 0.4% ขณะที่ยอดขายน้ำมันลดลง 0.7%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 15.83 จุด รับข้อมูลตลาดแรงงานสดใส

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) ขานรับข้อมูลตลาดแรงงานที่ส่งสัญญาณแข็งแกร่ง แม้ธนาคารกลางอังกฤษปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ

   ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 15.83 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 6,949.63 จุด

   ตลาดปิดในแดนบวกหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานในอังกฤษในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.ลดลง 35,000 คน สู่ระดับ 1.83 ล้านคน ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลงจากระดับ 5.6% มาอยู่ที่ 5.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ปี 2551

   ส่วนค่าจ้างรวมโบนัสขยายตัว 1.9% และค่าจ้างไม่รวมโบนัสขยายตัว 2.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของอังกฤษยังมีความแข็งแกร่ง

   อย่างไรก็ตาม ตลาดบวกขึ้นไม่มากนัก เนื่องธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้และปีหน้า โดยระบุว่า เศรษฐกิจจะเติบโต 2.5% ในปีนี้ และ 2.6% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนก.พ.ที่ระดับ 2.9% สำหรับปีนี้และปีหน้า

   การปรับลดคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ การแข็งค่าของปอนด์, ภาวะซบเซาในตลาดที่อยู่อาศัย และประสิทธิภาพการผลิตที่ระดับต่ำ

  หุ้นมอนดิ พุ่งขึ้น 8.94% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่พุ่งขึ้น ขณะที่หุ้นเฟรสนิลโล ปรับขึ้น 5.05% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์เซส เพิ่มขึ้น 2.95%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตก GDP เยอรมนีชะลอตัว

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นเยอรมนี หลังจากเยอรมนีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ชะลอตัวลงในไตรมาสแรก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการ

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.16% ปิดที่ 395.46 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,961.86 จุด ลดลง 12.79 จุด หรือ -0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,351.46 จุด ร่วงลง 120.95 จุด หรือ -1.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,949.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.83 จุด หรือ +0.23%

   ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นเยอรมนี โดยดัชนี DAX ดิ่งลงไปกว่า 120 จุดหลังจากสำนักงานสถิติกลางของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เบื้องต้นประจำไตรมาส 1/2558 ขยายตัว 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจาก 0.7% ในไตรมาสก่อนหน้า และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัว 0.5% ในช่วงสามเดือนแรกปีนี้

    อย่างไรก็ตาม GDP ของกลุ่มประเทศยูโรโซนขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 1/2558 หลังจากที่ขยายตัว 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจฝรั่งเศสและอิตาลีที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงสามเดือนแรกปีนี้ ซึ่งช่วยชดเชยเศรษฐกิจเยอรมนีที่ขยายตัวช้าลง

   หุ้นคอมพาส กรุ๊ป ร่วงลง 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่หุ้นยูบีเอสกรุ๊ป ดิ่งลง 1.6%

   อย่างไรก็ตาม หุ้นมอนดิ ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระดาษลูกฟูกและบรรจุภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรม พุ่งขึ้น 8.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ส่วนเอสเอบีมิลเลอร์ ปรับขึ้น 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 7.74 จุด ตลาดผิดหวังยอดค้าปลีกสหรัฐ

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานที่ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐทรงตัวในเดือนเม.ย. อันเป็นผลมาจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3

      ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,060.49 จุด ลดลง 7.74 จุด หรือ -0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,981.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด หรือ +0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,098.48 จุด ลดลง 0.64 จุด หรือ -0.03%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนเม.ย. โดยอยู่ที่ระดับ 4.368 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ออกมาตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%

     ทั้งนี้ ภาวะทรงตัวของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย. ส่วนหนึ่งเกิดจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์ และน้ำมัน โดยยอดขายรถยนต์ลดลง 0.4% ขณะที่ยอดขายน้ำมันลดลง 0.7%

     ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐก็ออกมาซบเซาเช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 10 เดือน ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีราคานำเข้านั้น บ่งชี้ถึงอุปสงค์ในระดับโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ยังคงจำกัดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ

     ข้อมูลยอดค้าปลีกที่อ่อนแอของสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นเมซี ดิ่งลง 2.45% ส่วนหุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 3.02%

      อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 1/2558 หลังจากที่ขยายตัว 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจฝรั่งเศสและอิตาลีที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงสามเดือนแรกปีนี้ ซึ่งช่วยชดเชยเศรษฐกิจเยอรมนีที่ขยายตัวช้าลง

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอินเทล และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.1% หุ้นไมโครซอฟท์ขยับขึ้น 0.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์แบงก์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไมโครซอฟท์ ส่วนหุ้ควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 1.4% จากรายงานที่ว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะระดมทุนในตลาดพันธบัตรเอกชนเป็นครั้งแรก

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.

    ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค.การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 พ.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,060.49 จุด                           ลดลง 7.74 จุด      -0.04%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,981.69 จุด                        เพิ่มขึ้น 5.50 จุด     +0.11%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,098.48 จุด                         ลดลง 0.64 จุด      -0.03%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,949.63 จุด                     เพิ่มขึ้น 15.83 จุด    +0.23%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,351.46 จุด                             ลดลง 120.95 จุด    -1.05%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,961.86 จุด                          ลดลง 12.79 จุด     -0.26%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,724.11 จุด                             เพิ่มขึ้น 43.38 จุด    +0.45%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,764.72 จุด                       เพิ่มขึ้น 139.88 จุด   +0.71%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,114.16 จุด                           เพิ่มขึ้น 17.39 จุด    +0.83%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,710.80 จุด         เพิ่มขึ้น 37.70 จุด    +0.66%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,715.10 จุด              เพิ่มขึ้น 40.40 จุด    +0.71%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 4,375.76 จุด                       ลดลง 25.46 จุด     -0.58%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,808.35 จุด              เพิ่มขึ้น 13.80 จุด    +0.18%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,249.28 จุด                                ลดลง 157.90 จุด    -0.58%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,246.13 จุด       เพิ่มขึ้น 40.52 จุด    +0.78%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,803.02 จุด                        ลดลง 4.41 จุด      +0.25%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,453.17 จุด                        เพิ่มขึ้น 10.84 จุด    +0.31%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,251.10 จุด                          เพิ่มขึ้น 373.62 จุด   +1.39%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานที่ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐทรงตัวในเดือนเม.ย. อันเป็นผลมาจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,060.49 จุด ลดลง 7.74 จุด หรือ -0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,981.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด หรือ +0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,098.48 จุด ลดลง 0.64 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นเยอรมนี หลังจากเยอรมนีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ชะลอตัวลงในไตรมาสแรก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.16% ปิดที่ 395.46 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,961.86 จุด ลดลง 12.79 จุด หรือ -0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,351.46 จุด ร่วงลง 120.95 จุด หรือ -1.05% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,949.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.83 จุด หรือ +0.23%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) ขานรับข้อมูลตลาดแรงงานที่ส่งสัญญาณแข็งแกร่ง แม้ธนาคารกลางอังกฤษปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ

          ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 15.83 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 6,949.63 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 60.5 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 66.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 25 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากข้อมูลยอดค้าปลีกที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 25.8 ดอลลาร์ หรือ 2.16% ปิดที่ระดับ 1,218.20 ดอลลาร์/ออนซ์  

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 69.5 เซนต์ ปิดที่ 17.221 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 17.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,150.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 789.40 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1356 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1220 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5744 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5676 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.13 เยน เทียบกับระดับ 119.89 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9168 ฟรังก์ จาก 0.9286 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8101 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7991 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 634.00 จุด เพิ่มขึ้น 45.00 จุด, +7.64%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!