WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET26ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้เทคนิคชี้ทิศทางขาลง-ปัจจัยใน-นอกปท.ไม่เอื้อ

    นายชัยพร น้อมพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีภาพที่ไม่ค่อยดี เนื่องจากวานนี้ดัชนีฯปิดลงมาอยู่ต่ำกว่าแนว 1,480 จุดซึ่งเป็นแนวที่คาดหวังไม่ได้ ดังนั้นดัชนีฯจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้อีก จากสัญญาณทางเทคนิคที่ชี้ให้เห็นว่าตลาดฯอยู่ในทิศทางขาลง

    ทั้งนี้ สัปดาห์นี้เรื่องที่จะต้องติดตามยังคงเป็นเรื่องของกรีซ ส่วนบ้านเราเมื่อตัวเลขเงินเฟ้อของไทยออกมาอยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 10 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ จึงมีโอกาสที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ แต่เมื่อลดดอกเบี้ยแล้วก็ไม่ได้จะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในทันที แต่คงจะได้เห็นเงินบาทที่น่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยกลุ่มส่งออก และกลุ่มท่องเที่ยวน่าจะได้ประโยชน์ ส่วนในประเทศก็คงจะต้องรอการลงทุนของภาครัฐฯ

    ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ โดยตลาดในทางเอเชียเหนือมีการเทรดที่คึกคัก อย่างตลาดจีน และตลาดฮ่องกงซึ่งเล่นคู่กันมาในขณะนี้ ส่วนตลาดอื่นในเอเชียก็จะทรงตัวและติดลบ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า Flow ไหลเข้าจีนอย่างเดียว คงมาจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และกองทุนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีหุ้นของจีน เมื่อจีนมีการเปิดให้ต่างชาติลงทุนได้มากขึ้นก็เลยทำให้มี Flow เข้า จนทำให้เวลานี้ตลาดจีนถือว่ามี value ที่แพงมากแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(2 มิ.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,011.94 จุด ลดลง 28.43 จุด(-0.16%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,076.52 จุด ลดลง 6.41 จุด(-0.13%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.60 จุด ลดลง 2.13 จุด(-0.10%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 100.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.85 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 249.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.80 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.22 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(2 มิ.ย.58)1,476.87 จุด ลดลง 19.18 จุด (-1.28%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,705.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(2 มิ.ย.58) ปิดที่ 61.26 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 มิ.ย.58)ที่ 8.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.71/73 แข็งค่าตามยูโร นักลงทุนหวังกรีซบรรลุข้อตกลงเจ้าหนี้

                - ธปท.ส่งสัญญาณ "ค่าบาทอ่อน" หนุนส่งออก แม้ใช้ "ดอกเบี้ย" เป็นเครื่องมือหลัก แต่หวังผลในเชิงอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ขณะภาคเอกชนประเมินเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุด คาดครึ่งปีหลังฟื้นตัว ส่งออกกลับมาเป็นบวก

                - นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน พ.ค. เท่ากับ 106.53 ลดลง 1.27% เทียบกับเดือน พ.ค. 2557 ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง 5 เดือน และติดลบสูงสุด ในรอบ 5 ปี 8 เดือน แต่เมื่อเทียบเดือน เม.ย. 2558 เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.17% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) 2558 ลดลง 0.77%

                -  "ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" ประธานกรรมการ บมจ.ปตท.(PTT)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)ปตท. เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติเสนอเรื่องให้กระทรวงพลังงานพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณ ที่บริษัท เชฟรอนฯ เป็นผู้ถือสัมปทาน และแหล่งบงกช ที่บริษัท ปตท.สผ. เป็นผู้ถือสัมปทาน ซึ่งจะหมดอายุในปี 2565 และ 2566

                - ธปท.ยอมรับการลดดอกเบี้ยนโยบายส่งผ่านค่าเงินทำได้ฝืดขึ้น และการปรับลดดอกเบี้ยในตลาดการเงินตามประสิทธิภาพน้อยลง ย้ำดอกเบี้ยนโยบายยังตัวหลักในการดำเนินนโยบายการเงิน แต่ให้น้ำหนักเรื่องค่าเงินมากขึ้น ห่วงหากการส่งออกไทยซบเซาเป็นเวลานานกระทบการลงทุนและการใช้จ่ายในประเทศ จึงต้องผสมผสานเครื่องมือมากขึ้น เผยบาทอ่อนอย่างมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจไทยไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด

                - สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รายงานว่า บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลไทยสกุลเงินต่างประเทศ และสกุลเงินบาทที่ระดับ Baa1 โดยมีมุมมองความน่าเชื่อถือที่มีเสถียรภาพ รวมทั้งยืนยันเพดานความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ A2 และสกุลเงินบาทที่ A1 เงินฝากธนาคารสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ Baa1 และสกุลเงินบาทที่ A1

*หุ้นเด่นวันนี้

                - KBANK(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 280 บาท เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยจุดเด่น คือ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม มีการกระจายของพอร์ตสินเชื่อและรายได้ที่สมดุล มี NIM สูง การเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยดี ทำให้มี ROE แข็งแกร่ง คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 6%

                - IVL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 30 บาท ล่าสุดเข้าซื้อหุ้น 100% ใน CEPSA ซึ่งเป็นโรงงานผลิต PTA ที่ใหญ่ที่สุดในแคนนาดา กำลังผลิต 6 แสนตัน/ปี จะเริ่มรับรู้รายได้มิ.ย. นี้ บวกกับการทยอยซื้อกิจการตั้งแต่ 1Q15 คือ Bangkok Polyester กำลังผลิต PET 1.05 แสนตัน/ปี และ Polyplex Resin San ประเทศตุรกี กำลังผลิต PET 2.52 แสนตัน/ปี และยังมีดีลซื้อกิจการที่จะสรุปในช่วง 3Q15 อีก 1 บริษัท รวมแล้วจะมีกำลังผลิตติดตั้งสิ้นปีนี้ 9 ล้านตัน/ปี (+25% Y-Y) โดยคาดว่ากำลังผลิตเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน +21% Y-Y เราคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 5.2 พันล้านบาท +250% Y-Y

                - PYLON(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 11 บาท แนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังคงสดใส และมีงานออกมาอย่างต่อเนื่องจากทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯและภาคเอกชน ประกอบกับ backlog ที่แข็งแกร่งรองรับรายได้ปีนี้ไปแล้ว 90% จึงมีความมั่นใจต่อประมาณการกำไร และด้วยงานในมือที่พร้อมรับรู้รายได้ใน 2Q15 นี้ราว 350-390 ล้านบาท คาดกำไรมีโอกาสทำ new high อีกครั้ง ประกอบกับงานเก่าในบริษัทลูกซึ่งมีกำไรน้อยหรือขาดทุนเริ่มหมดลง คาดอัตรากำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี  ทั้งนี้ อิงปัจจัยบวกจากการย้ายเข้าเทรดใน SET ซึ่งราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะ re-rate PE ขึ้น ราคาหุ้น PYLON ปัจจุบันซื้อ-ขาย บน PE เพียง 17x (เทียบกับกลุ่มที่ 20-25 เท่า)

                - BTSGIF(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 11.20 บาท วันนี้ขึ้น XD, XN-คาดผลตอบแทนปีนี้ยังน่าพอใจ ทั้งนี้ ถือว่ากองทุนฯนี้เป็นหลุมหลบภัยที่ดีในยามที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน เนื่องจากลักษณะธุรกิจเองที่มีความมั่นคงของรายได้จากการมีลักษณะเป็นสัมปทานที่มีอายุเหลืออีก 14 ปี เป็นสาธารณูปโภคจำเป็นในการเดินทางที่ได้รับความนิยมสูง เป้าหมายบริษัทปีนี้ (58-59) คือจำนวนผู้โดยสารเพิ่ม 4-6% และค่าเฉลี่ยอัตราค่าโดยสาร(fee income) เพิ่ม 2% โดยล่าสุด 1 ก.ค.นี้มีประกาศขึ้นค่าโดยสารประเภทบัตรรายเดือนแล้ว สำหรับปีนี้ 58-59(สิ้นสุด มี.ค.59)จะจ่ายผลตอบแทนเป็น 0.691 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 6.7% แบ่งเป็นเงินปันผล 0.629 บาท และลดทุน 0.062 บาท

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาวิกฤตหนี้กรีซ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้รับปัจจัยถ่วงจากการแข็งค่าของเงินเยน ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาดูผลการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับลงไม่ถึง  0.1% แตะที่ 150.41 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,443.15 จุด ลดลง 100.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 4,924.38 จุด เพิ่มขึ้น 13.85 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,716.34 จุด เพิ่มขึ้น 249.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,617.75 จุด เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,078.51 จุด ลดลง 0.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,338.95 จุด ลดลง 1.80 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,748.59 จุด เพิ่มขึ้น 7.22 จุด

     ทั้งนี้ นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลกรีซได้ยื่นแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับเบ็ดเสร็จให้แก่ทางเจ้าหนี้แล้ว ขณะที่กรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระคืนเงินกู้กว่า 300 ล้านดอลลาร์แก่ IMF ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นงวดแรกของการชำระคืนในช่วงเดือนมิ.ย.ที่มีมูลค่ารวมราว 1.6 พันล้านดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 25.31 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มยาสูบ

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) นำโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มยาสูบ ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของวิกฤตหนี้กรีซ

     ดัชนี FTSE 100 ลดลง 25.31 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 6,928.27 จุด

     หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค รูดลง 2.41% นำขบวนหุ้นกลุ่มบลูชิพร่วงลง หลังศาลแคนาดาตัดสินให้บริษัทในเครือของบริติช อเมริกัน โทแบคโคในแคนาดา จ่ายเงินราว 8.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้สูบบุหรี่

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ แม้ว่านายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลกรีซได้ยื่นแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับเบ็ดเสร็จให้แก่ทางเจ้าหนี้แล้ว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง เหตุวิตกกรีซผิดนัดชำระหนี้ IMF

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ากรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ก่อนกำหนดการชำระหนี้คืนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 396.45 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,004.46 จุด ลดลง 20.84 จุด หรือ -0.41% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันที่ 11,328.80 จุด ร่วงลง 107.25 จุด หรือ -0.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,928.27 จุด ลดลง 25.31 จุด หรือ -0.36%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา ซึ่งส่งผลให้ตลาดปิดร่วงลงเป็นวันที่ 3 ในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ โดยล่าสุดมีรายงานว่า รัฐบาลกรีซได้ยื่นแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับเบ็ดเสร็จให้แก่ทางเจ้าหนี้แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำของยุโรปให้การยอมรับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลง และทำให้กรีซหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน

    ทั้งนี้ กรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระคืนเงินกู้กว่า 300 ล้านดอลลาร์ให้แก่ IMF ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นงวดแรกของการชำระคืนในช่วงเดือนมิ.ย.ที่มีมูลค่ารวมราว 1.6 พันล้านดอลลาร์

   หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยต์ซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยหุ้นโฟล์คสวาเก้น และหุ้นเดมเลอร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.5%

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ปรับตัวขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งอยู่ที่ 0.2%

   นักลงทุนจับตาดูดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.ของประเทศต่างๆในยุโรปในวันนี้ รวมถึงอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี ยูโรโซน และอังกฤษ รวมทั้งรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของสหภาพยุโรป

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้เวลา 18.45 น.ตามเวลาไทยในวันนี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : วิตกปัญหาหนี้กรีซ ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 28.43 จุด

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากรีซจะไม่สามารถชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ทันกำหนดในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่ายอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,011.94 จุด ลดลง 28.43 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,076.52 จุด ลดลง 6.41 จุด หรือ -0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.60 จุด ลดลง 2.13 จุด หรือ -0.10%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ โดยกรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระคืนเงินกู้กว่า 300 ล้านดอลลาร์ให้แก่ IMF ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นงวดแรกของการชำระคืนในช่วงเดือนมิ.ย.ที่มีมูลค่ารวมราว 1.6 พันล้านดอลลาร์

   นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลกรีซได้ยื่นแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับเบ็ดเสร็จให้แก่ทางเจ้าหนี้แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำของยุโรปให้การยอมรับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลง และทำให้กรีซหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน

    ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF มองว่ามีความเป็นไปได้ที่กรีซจะพ้นจากการเป็นสมาชิกของยูโรโซน พร้อมระบุว่าไม่มีแนวโน้มที่กรีซจะบรรลุข้อตกลงประเด็นหนี้สินกับบรรดาเจ้าหนี้ภายในช่วงไม่กี่วันนี้

   นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวลง 0.4% ในเดือนเม.ย. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคดังกล่าวยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการลดลงของการใช้จ่ายในภาคพลังงาน

    หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง นำโดยหุ้นเวอร์เท็กซ์ ฟาร์มาซูติคอลส์ หุ้นไบโอเจน และหุ้นเอลี ลิลลี แอนด์ โค ซึ่งต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.3% ส่วนหุ้นกลุ่มประกันสุขภาพปรับตัวลง โดยหุ้นเอ็ทนา อิงค์ และหุ้นซิกนา คอร์ป ซึ่งร่วงลงกว่า 1.6%

    หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นอินเทลร่วงลง 1.9% หลังจากมีรายงานว่าอินเทลตกลงซื้อกิจการบริษัทอัลเทรา คอร์ป มูลค่า 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นเอวาโก เทคโนโลยี และหุ้นไมโครชิพ เทคโนโลยี ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.6%

    หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2

    อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอัลโค ปรับขึ้น 1.6% หุ้นนูคอร์ ทะยานขึ้น 3.8% และหุ้นฟรีพอร์ท แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 5.7%

    ส่วนหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.จาก ADP, ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 มิ.ย.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,011.94 จุด                          ลดลง 28.43 จุด     -0.16%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,076.52 จุด                       ลดลง 6.41 จุด      -0.13%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,109.60 จุด                        ลดลง 2.13 จุด      -0.10%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,928.27 จุด                    ลดลง 25.31 จุด     -0.36%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,328.80 จุด                            ลดลง 107.25 จุด    -0.94%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,004.46 จุด                         ลดลง 20.84 จุด     -0.41%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,614.26 จุด                            ลดลง 11.43 จุด     -0.12%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,543.19 จุด                     ลดลง 26.68 จุด     -0.13%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,078.64 จุด                         ลดลง 23.73 จุด     -1.13%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,639.90 จุด       ลดลง 94.10 จุด     -1.64%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,636.00 จุด             ลดลง 99.40 จุด     -1.73%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 4,910.53 จุด                      เพิ่มขึ้น 81.79 จุด    +1.69%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,551.96 จุด              ลดลง 118.41 จุด    -1.54%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,466.72 จุด                               ลดลง 130.44 จุด    -0.47%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,741.37 จุด                      ลดลง 2.04 จุด      -0.12%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,340.75 จุด                       ลดลง 51.36 จุด     -1.51%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,188.38 จุด                         ลดลง 660.61 จุด    -2.37%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากรีซจะไม่สามารถชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ทันกำหนดในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่ายอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,011.94 จุด ลดลง 28.43 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,076.52 จุด ลดลง 6.41 จุด หรือ -0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.60 จุด ลดลง 2.13 จุด หรือ -0.10%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ากรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ก่อนกำหนดการชำระหนี้คืนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) 

         ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 396.45 จุด

         ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,004.46 จุด ลดลง 20.84 จุด หรือ -0.41% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันที่ 11,328.80 จุด ร่วงลง 107.25 จุด หรือ -0.94% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,928.27 จุด ลดลง 25.31 จุด หรือ -0.36%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) นำโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มยาสูบ ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของวิกฤตหนี้กรีซ

          ดัชนี FTSE 100 ลดลง 25.31 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 6,928.27 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในวันนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ ปิดที่ 65.49 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร อันเป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนที่ปรับตัวสูงขึ้น

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ระดับ 1,194.40 ดอลลาร์/ออนซ์  

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 11.9 เซนต์ ปิดที่ 16.799 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,112.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 4.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 768.55 ดอลลาร์/ออนซ์

ยูโรทะยานขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนที่ดีเกินคาด

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1165 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0934 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5352 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5203 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.06 เยน เทียบกับระดับ 124.84 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9323 ฟรังก์ จาก 0.9456 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7775 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7605 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 591.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.00 จุด, +0.34%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!