WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

aรกปา


ผงะ-นับพันไร่ บ.ปาล์มรุกป่า สงขลา-พัทลุง

     เพิกถอน น.ส.3 ก. บริษัทปาล์มรุกป่าเกือบพันไร่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา พัทลุง หลังผอ.สำนักป้องกันปราบปรามฯ กรมอุทยานฯ ร่วมกับพนักงานที่ดินตรวจสอบพบออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทับซ้อนพื้นที่อนุรักษ์ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าดงดิบชื้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก เสนอให้สำนักงานที่ดินเพิกถอน พร้อมยื่นคำร้องต่อศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้บริษัทหยุดแผ้วถาง

 

วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9016 ข่าวสดรายวัน

       รุกป่า - นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผอ.สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า ขึ้นฮ.บินสำรวจเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา พบเอกชนอ้างเอกสารสิทธิทับพื้นที่ป่า ทำสวนปาล์มนับพันไร่ เตรียมดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง เมื่อ 4 ส.ค.

       เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผอ.สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุม ไฟป่า (สปฟ.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพัทลุง สาขาปากพะยูน ปลัดอำเภอปากพะยูน กำนันตำบลเกาะนางคำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน และตัวแทนชาวบ้าน ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบกรณีบริษัทปาล์มแผ้วถางป่าเสม็ดในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา เพื่อปลูกต้นปาล์ม โดยบริษัทอ้างหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 23 ฉบับ เนื้อที่ 925-1-62 ไร่ ในท้องที่หมู่ 3 บ้านท่าเนียน ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ตามที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช


รุกป่า - นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผอ.สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า นำคณะ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา พบเอกชนอ้างเอกสารสิทธิทับพื้นที่ป่าทำสวนปาล์ม จำนวนนับพันไร่ เตรียมดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อวันที่ 4 ส.ค.

       นายศักดิ์ดา เปิดเผยว่า ภายหลังการตรวจสอบพื้นที่ จึงทำหนังสือที่ ทส 0904.3/ เรื่องขอให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าจากการตรวจสอบปรากฏผลดังนี้ 1.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา ประกาศโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2519 มีเนื้อที่ 227,916 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ต.ปากรอ ต.ชะแล้ ต.บางเขียด อ.สิงหนคร ต.ท่าหิน ต.คูขุด ต.คลองรี อ.สทิงพระ ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และ ต.เกาะหมาก ต.เกาะนางคำ ต.ปากพะยูน ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง

      2.สภาพพื้นที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นป่าดงดิบชื้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก มีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่ในทะเลและริมทะเลสาบอย่างหนาแน่น และยังมีพันธุ์พืชต่างๆ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำพวกนกน้ำ จำนวน 219 ชนิด 3.พื้นที่บริษัทปาล์ม มีการใช้รถแบ๊กโฮเข้าปรับพื้นที่ยกร่องเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันบางส่วน และตัดต้นเสม็ดเป็นจำนวนมาก หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลามีบันทึกตรวจสอบพื้นที่ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2558 และแจ้งให้บริษัทหยุดดำเนินการไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศ แต่บริษัทไม่หยุดการดำเนินการ กระทั่งคณะของ ผอ.สปฟ. เข้าตรวจสอบพื้นที่ บริษัทจึงหยุดดำเนินการ และเคลื่อนย้ายรถแบ๊กโฮออกจากพื้นที่

     นายศักดิ์ดา กล่าวต่อว่า 4.จากการตรวจสอบสารบบที่ดินจากสำนักงานที่ดินจังหวัดพัทลุง สาขาปากพะยูน พบว่า น.ส.3 ก. จำนวน 23 ฉบับ ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการออกทับพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา และออกมาภายหลังที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลาแล้ว จึงไม่สามารถออก น.ส.3 ก. ในพื้นที่ดังกล่าวได้ และการออกน.ส.3 ก. จำนวน 23 ฉบับ มิได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 ตามพ.ร.บ.ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497

      ผอ.สปฟ. กล่าวว่า จึงเห็นควรดำเนินการดังนี้ 1.ส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพื่อเพิกถอน น.ส.3 ก. จำนวน 23 ฉบับ 2.ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการออก น.ส.3 ก. 3.ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง เพื่อเพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 23 ฉบับ พร้อมยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลพิพากษา ให้บริษัทหยุดการดำเนินการใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา 4.รายงาน ข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้ปลัดกระทรวง และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทราบ และ 5.มีหนังสือแจ้งให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 (สงขลา) เพื่อทราบและให้ตรวจสอบการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลารายอื่นๆ

       วันเดียวกัน ที่จ.เชียงราย นายอนันต์ เพชรใหม่ ผอ.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในพื้นที่ จ.เชียงราย ยังมีเรื่องร้องเรียนการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่คาบเกี่ยว อ.เมือง และ อ.แม่จัน จำนวนกว่าร้อยไร่ โดยผู้ที่ถูกร้องเรียนเป็นอดีตข้าราชการระดับอธิบดีรายหนึ่ง คณะทำงานในพื้นที่กำลังรวบรวมข้อเท็จจริง ก่อนสรุปผลเพื่อพิจารณาเสนอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาว่ามีมูลเพียงพอที่จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!