WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

โค+โฟกัส: ถึงเวลาเดินหน้าปฏิรูปการท่องเที่ยวเมืองไทย

  ไทยโพสต์ : นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงไฮซีซั่น ของปีนี้ ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งนับว่าเป็นรายได้หลักอันสำคัญอีกภาคหนึ่งของประเทศไทย ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากปัญหาทางการเมือง ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด รวมถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศที่ไม่มั่นใจในความปลอดภัยเป็นเดิมอยู่แล้ว ได้มีการประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในประเทศของตนเอง ปัจจัยเหล่านี้ก็นับว่าส่งผลต่อภาพลักษณ์และทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยได้เสียโอกาสในการทำตลาดไปมากพออยู่แล้ว และเมื่อมาผนวกกับเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเสียชีวิตบริเวณเกาะเต่า และคดีค่อนข้างมีความล่าช้า ยิ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย

    โจทย์หนักจึงตกอยู่ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่จะต้องตามมาคลี่คลายปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความอะเมซิ่งไทยแลนด์ในสายตาชาวโลกมิเลือนหายไป โดยภาระหนักอึ้งนี้ อยู่บนบ่าของ'ธวัชชัย อรัญญิก'ผู้ว่าฯ ททท.คนปัจจุบัน ที่จะต้องทำหน้าที่ฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

* สถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นอย่างไร หลังมีข่าวความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

   ความจริงแล้วในเรื่องที่นักท่องเที่ยวกังวลเรื่องของความปลอดภัย ต้องแยกเป็นสองเรื่อง คือ สิ่งที่เราปฏิบัติเองในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเราก็ต้องทำความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยวทราบ แต่การตลาดก็คงต้องใช้เวลาหน่อย โดยในตอนนี้ตลาดญี่ปุ่น จีน ยุโรป หรือในบางประเทศก็เริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกส่วนที่ยังขอดูท่าทีก่อน แต่ไตรมาสสุดท้ายก็เริ่มเห็นว่ายอดการจองล่องหน้าเริ่มดีขึ้น

    ส่วนในกรณีภาพพจน์หรือคดีของเกาะเต่า ยอมรับว่าเราเสียภาพพจน์แค่เพียงประเทศอังกฤษอย่างเดียว เพราะประเทศอื่นไม่ได้ลงข่าว แต่ถ้าถามว่าประเทศอังกฤษเป็นตลาดที่สำคัญไหม ก็นับว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่เช่นกัน มีนักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวเดินมาประเทศไทยตลอดทั้งปี

     เรื่องของเกาะเต่าเราทำความเข้าใจไปแล้ว อันที่จริงแล้วสเปนก็มีปัญหาอาชญากรรมเยอะเหมือนเมืองไทย แต่คดีของเกาะเต่ามันอาจมีความล่าช้าเกินไป ซึ่งการท่องเที่ยวฯ ก็ได้ทำความเข้าใจไปแล้ว แต่แน่นอนในมุมมองของรัฐบาลแต่ละประเทศก็ย่อมให้ความสำคัญกับประชาชนของตนเองที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ตาม ซึ่งทาง ททท.เพียงหน่วยงานเดียวคงทำไม่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวกระจายไปทั่วประเทศ ความจริงส่วนตัวก็เคยพูดหลายครั้งแล้วว่าคนไทยน้ำขึ้นชอบรีบตัก พอคนเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเยอะก็มักจะไปขูดรีด พฤติกรรมในลักษณะแบบนี้ต้องเลิกทำ การหลอกลวง หรือปัญหาต่างๆ มากมาย เราก็ต้องช่วยกันดูแล หน้าที่ใครก็ต้องดูแล เรารับผิดชอบคนเดียวไม่ไหว นักท่องเที่ยวกระจายไปทั่ว ในตอนนี้ก็ต้องเหนื่อยหน่อยที่ต้องทำความเข้าใจกับประเทศอังกฤษ แต่ความจริงแล้วภาพพจน์ของประเทศไทยกับประเทศอื่นก็ยังดีอยู่

* แล้วประเด็นเรื่องกฎอัยการศึก มีผลต่อการท่องเที่ยวมากแค่ไหน

    สำหรับ ปัญหาเรื่องของกฎอัยการศึกมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว บางประเทศไม่ยอมรับ เพราะไม่ใช่การปกครองแบบปกติ  บางประเทศเขาไม่รับกับการปกครองในรูปแบบนี้ จึงไม่อยากให้ท่องเที่ยวในประเทศของตนเองเดินทางเข้ามา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศที่ปกครองในลักษณะเช่นนี้ มันเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันของยุโรป แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ประกาศเตือนเดินทางมาอยู่ ซึ่งทาง ททท.กำลังทำความเข้าใจอยู่ว่า แม้ประเทศไทยมีกฎอัยการศึกแต่ไม่ใช่ลักษณะที่เหมือนกับประเทศอื่น จึงได้มีการกำหนดปีการท่องเที่ยวไทยขึ้นมา เพราะกฎอัยการศึกในต่างชาติเขาคนละแบบกับเรา จะเป็นรูปแบบที่รุนแรง เข้มงวด มีเคอร์ฟิว รถถังเต็มบ้านเต็มเมือง มีการเสียเลือดเพื่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ของเมืองไทยไม่ใช่ ไม่มีเลือดสักหยด เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ไม่มีเหตุรุนแรงอะไรเลย เพียงแค่รัฐบาลบริหารล้มเหลว ทหารจึงได้เข้ามาปกครอง เพื่อจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ ทำระเบียบใหม่ จึงได้มีการทำความเข้าใจออกไป และยังบอกต่อด้วยว่าการปกครองของเมืองไทยในตอนนี้แตกต่างจากที่อื่น

* ปัญหาเรื่องกฎอัยการศึก คือ ไม่มีบริษัทรับประกันการเดินทาง นักท่องเที่ยวถึงไม่กล้ามา

    ทางเราก็ทราบปัญหา และทำการแก้ไข โดยที่ผ่านมาได้ประสานงานกับประกันภัยในประเทศไทย ทำการขายผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังไม่ไว้ใจในชื่อเสียงของบริษัทคนไทย โดยประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวซ้ำกว่า 70% แต่ก็ต้องการนักท่องเที่ยวใหม่ตลอดเวลา เพราะนักท่องเที่ยวซ้ำที่เดินทางเข้ามา จะใช้จ่ายน้อยกว่าคนที่เดินทางเข้ามาใหม่ ซึ่งจะใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ

    ในขณะที่บ้านเรามีปัญหาวุ่นวายไม่จบ ก็มีตลาดนักท่องเที่ยวบางกลุ่มหายไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ก็มีการแข่งขันกันสูงเรื่องของการท่องเที่ยว เช่น ประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่า  เวียดนามลดอัตราของภาษี ส่วนอังกฤษเปิดฟรีวีซ่าให้ตะวันออกกลาง ทุกคนมองนักท่องเที่ยวเป็นหัวใจ แต่ถ้าถามว่าประเทศไทยมีดีอะไรไปสู้เขาไหม ก็เชื่อได้ว่าเรื่องของแวลูฟอร์มันนี่มันจะกลับมาที่ประเทศไทย เพราะไปที่อื่นก็สู้เมืองไทยไม่ได้ในเรื่องของการใช้จ่ายที่คุ้มค่ากว่า แต่ไม่ใช่เรื่องของราคาถูก

    ขณะที่กรณีทางภาครัฐยังไม่ดำเนินการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างมีผลกระทบต่อภาพรวมของการท่องเที่ยว แต่ในตอนนี้ทางการท่องเที่ยวฯ จะใช้มุมมองที่เป็นบวกเพื่อมาทำการตลาดให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย จึงได้เตรียมที่จะจัดแคมเปญในการดึงนักท่องเที่ยวให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ว่าจะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกก็ตาม โดยจะเป็นการทำลูกเล่นที่เกี่ยวเนื่องกับกฎอัยการศึกหรือเป็น กิมมิคมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทราบว่าประเทศไทยยังคงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระและสามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติ มีความแตกต่างจากการมีกฎอัยการศึก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่ยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา เนื่องจากเมืองไทยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวางแผนดำเนินงาน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หรือช่วงไตรมาสแรกของปี 2558

* แล้ววางแผนจะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาที่ไทยอย่างไร

    ในตอนนี้เรามีแหล่งท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ ภูเก็ต หัวหิน เชียงใหม่ ชะอำ พัทยา แต่ขณะนี้ได้ทำการคัดเลือกใหม่แล้วในปีนี้ เพื่อโปรโมตสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในเมืองรองแทน  อย่างในจังหวัดชุมพร ตรัง เพชรบูรณ์ ลำปาง บุรีรัมย์ เลย น่าน นครศรีธรรมราช ตราด จันทบุรี เริ่มมีการกระจายโปรโมตให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวเมืองรองเหล่านี้ มีการเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานด้วยการลงพื้นที่ก่อนทำการโปรโมต โดยได้มีการพูดคุยกับจังหวัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด ในการทำความเข้าใจกันเสียก่อน ว่าทาง ททท.จะทำการโปรโมตจังหวัดเหล่านี้แล้ว เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้มีการ เตรียมความพร้อม จึงจะสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี

     ซึ่งในส่วนของจังหวัดที่กล่าวมาจะเริ่มทำการโปรโมตในช่วงเดือน ม.ค.58 เป็นแผนที่จะดำเนินการในปีหน้ากับแนวคิดท่องเที่ยววิถีไทยกับคอนเซ็ปต์ '12 เมือง ต้องห้ามพลาด' อย่างลำปางเราจะโปรโมตในคอนเซ็ปต์ที่ว่า'เมืองที่ไม่ไหลไปตามกาลเวลา'โดยท่องเที่ยววิถีไทย จะเป็นการโปรโมตในส่วนของตลาดไทยก่อน และของต่างประเทศจะนำเสนอในรูปแบบอื่นที่ไม่เหมือนกัน อยากให้คนไทยได้ภูมิใจในการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองก่อน เพราะในขณะนี้ถือได้ว่าการท่องเที่ยวภายในค่อนข้างมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก บางคนไม่เข้าใจคิดว่ารายได้หลักต่างประเทศมีปริมาณมากกว่า แต่ถ้าเทียบเป็นซิงเกิลมาร์เก็ตในแต่ละตลาดดูแล้วจะแตกต่างกันไม่เท่าไหร่

    วัดได้จากการเปรียบเทียบระหว่างนักท่องเที่ยวอังกฤษกับคนไทย ในความเป็นจริงแล้วคนไทยมีการท่องเที่ยวในประเทศมากกว่าอังกฤษด้วยซ้ำ แต่ด้วยตัวเลขรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีจำนวน 1.2 ล้านล้านบาท จึงทำให้ดูว่ามีปริมาณมาก แต่เป็นตัวเลขที่รวมกันหลายประเทศ และถ้าคนไทยเที่ยวในประเทศอย่างเดียว ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก หรือคิดเป็น 7 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งหากเทียบกับหลายประเทศรวมกันแล้วได้อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญมาก โดยหากทำให้ตลาดภายในประเทศไปถึง 1 ล้านล้านบาทก็จะดีมาก ซึ่งในปีหน้าได้ตั้งเป้ารายได้การท่องเที่ยวที่มาจากภายในประเทศอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตราว 10% ขณะที่รายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งเป้าไว้ที่ 1.4 ล้านล้านบาท โดยในปีนี้ต้องยอมรับว่าคงทำตัวเลขได้เพียงแค่ 1.3 ล้านล้านบาท เพราะนักท่องเที่ยวมีจำนวนที่ลดลงไป เสียโอกาสไป 8 เดือน ปีหน้าตัวเลขคงจะเติบโตแบบก้าวกระโดด

* แล้วโจทย์ใหญ่เกี่ยวกับการปฏิรูปของรัฐบาล ในส่วนท่องเที่ยวต้องปฏิรูปไปในทางไหน

     ประเด็นนี้นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ คงต้องมองถึงแวลูเชนทั้งหมด ตั้งแต่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเริ่มต้นที่สนามบินของเมืองไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองควรทำให้มันดูดีขึ้น ศุลกากรต้องเวลคัม แท็กซี่ ที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว จะเห็นได้ว่าแวลูเชนมันอยู่ทุกที่ ในการปฏิรูปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ควรมองแต่เพียงนักท่องเที่ยว แต่ควรมองว่าต้องพัฒนาเพื่อคนในประเทศไทยเสียก่อน มองคนไทยเป็นหลักให้ความปลอดภัยกับพวกเขา เมื่อคนในประเทศได้รับสิ่งเหล่านี้แล้ว นักท่องเที่ยวก็จะได้รับด้วยเช่นกัน อย่าเพียงแต่ไปมองถึงนักท่องเที่ยวแบบนั้นมันผิดประเด็น เหมือนบ้านเราถ้าบ้านเราสวยก็ย่อมอยากอยู่เป็นธรรมดา เชิญเพื่อนมาได้ ถ้าบ้านไม่สวยจะเชิญเพื่อนเข้ามาในบ้านของเราได้อย่างไร ต้องมองที่ตัวเราก่อน ปฏิรูปตัวของเราเองเสียก่อน ให้ประชาชนอยู่สบาย คนอื่นก็จะอยู่สบาย อย่ามองนักท่องเที่ยวเป็นตัวตั้งเพียงอย่างเดียว การพัฒนาที่ผ่านมาจึงไปไม่ถูกทาง ประชาชนมีความสุข นักท่องเที่ยวก็อยากไปเป็นแบบนี้ทุกที่ ถ้าทำได้แล้วมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยอะก็ควรมีนโยบายเข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็นอาหารดีปลอดสารพิษในชุมชน ความสะอาด ความปลอดภัยเป็นหัวใจของการท่องเที่ยวเมืองไทย บ้านเราเหมาะที่สุดในเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะเรามีพร้อมไม่ว่าจะเป็นพืช ธัญพืช สมุนไพร อาหาร อากาศ ถ้ามองชัดเจนก็ทำได้ ปฏิรูปตัวเองและท้องถิ่น ถ้าโปรดักต์ดีก็จะทำให้คนอยากมาเที่ยวเมืองไทย

    สิ่งที่จำเป็นมาก ประเทศไทยไม่สามารถทำโซนนิ่งได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาทบทวนและนั่งคิดที่จะปฏิรูป มองว่าเรื่องของโรงแรมควรมีความจริงจังเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตในการก่อสร้าง เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ตเมนต์หรืออะไรก็สามารถเป็นโรงแรมได้หมด ต้องเริ่มเรื่องของกฎหมายมาเป็นลำดับแรก ต่อมาต้องเลิกทำวันสต็อป ช็อปปิ้ง เช่น บริเวณพัทยามีตลาดน้ำได้อย่างไร ทำให้แหล่งท่องเที่ยวอื่นไม่สามารถอยู่ได้ เพราะคนไม่ไปดูของจริงกันหมด ต้องเลิกคิดทำแบบนี้กันได้แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วผู้ประกอบการรายอื่นจะตายกันหมด ไม่ใช่ไปเที่ยวที่เดียวแต่ครอบคลุมหมดทุกอย่าง ผู้ประกอบการโรงแรมจะมาทำทัวร์ก็ไม่ถูกต้อง ต้องทำเพียงอย่างเดียว ส่วนทัวร์ก็ทำแค่ทัวร์ ให้เกิดการกินแบ่งเพื่อการอยู่รอด ไม่ควรพึ่งพาแค่บริษัทหรือผู้ประกอบการเดียว เพราะถ้าพังก็จะล้มกันหมดพร้อมกัน

      แนวโน้มการท่องเที่ยวของประเทศไทย เชื่อได้ว่ายังสามารถเติบโตไปได้อีกยาวไกล เนื่องจากมีความพร้อมด้านแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถตอบโจทย์ได้หลายกลุ่ม แต่ในขณะเดียวกันอีกหลายประเทศก็ไม่ได้หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ยังคงมีการโปรโมตให้คนทั่วโลกเดินทางเข้าไปยังประเทศของตนเอง แสดงศักยภาพและของดีที่มีอยู่ให้ปรากฏกันอยู่ตลอดเวลา เช่นนั้นแล้วการท่องเที่ยวของเมืองไทยก็ไม่ควรที่จะหยุดเพิ่มเติมศักยภาพเดิมอันดีที่มีอยู่เดิม ต้องมีการปฏิรูปเกิดขึ้น และที่สำคัญคือมันจะต้องเกิด เพราะมิเช่นนั้นแล้วประเทศไทยจะไม่เพียงเสียโอกาสทางการทำตลาด เมื่อครั้งพี่พบกับปัญหาชุมนุมทางการเมืองเท่านั้น ที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามาเมืองไทย แต่อาจจะต้องสูญเสียไปเพราะไม่ย้อนกลับมาพัฒนาและปฏิรูปการท่องเที่ยวของตัวเองก็เป็นได้.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!