WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ท่องเที่ยวโงหัวรับการเมืองคลี่คลายลุ้นสิ้นปีขยายตัวร้อยละ 0.2 เม็ดเงินสะพัด 1.2 ล้านล้านบ.

    แนวหน้า : ธุรกิจท่องเที่ยวครึ่งแรกของปีนี้ โดนปัจจัยลบทั้งใน และนอกประเทศรุมรอบด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางปัจจัยลบในประเทศเรื่องการเมือง กระทั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็น 'อิศวินม้าขาว'เข้ามากอบกู้วิกฤติ ต้องจับตาแนวโน้มท่องเที่ยวครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร

    โดยบทวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 (มค.-มิ.ย).ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ คือ 1. สถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง 2. ภัยธรรมชาติ อาทิ เหตุแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อคในจ.เชียงรายซึ่งส่งผลกระทบจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในภาคเหนือ รวมถึงสภาพคลื่นลม

    เหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และ การประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และตามมาด้วยการเข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)โดยปัจจัยลบข้างต้น ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยหดตัวลงประมาณร้อยละ 4.4 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจำนวน12.5 ล้านคน

    อย่างไรก็ดี คาดว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากการที่คสช.ยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักร (เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557) ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2557

   ทั้งนี้ หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันสื่อความถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงในประเทศไทย ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ก็มีแนวโน้มที่ตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ จะสามารถฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยนิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการเดินทางมาไทยในช่วงปลายปี ทั้งนี้ อาจจะส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว และส่งผลให้โดยรวมทั้งปี 2557 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมายังประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน ลดลงร้อยละ 13.7 จากปีที่แล้ว (ที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนของไทยขยายตัวอย่างโดดเด่นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมคุณภาพทัวร์)

    หากไม่มีเหตุการณ์ใดมากระทบการท่องเที่ยวของไทยแล้ว คาดว่า ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น)แล้ว นักท่องเที่ยวระยะไกลโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวยุโรปยังคงเลือกเดินทางมาพักผ่อนในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลยอดนิยมของไทย (อาทิ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เป็นต้น) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลายทางท่องเที่ยวที่มีความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำ

   เมื่อประกอบกับผลพวงจากการที่ทุกภาคส่วนของไทยต่างเร่งดำเนินมาตรการเรียกความเชื่อมั่นมาอย่างต่อเนื่อง (ได้แก่ (1) เอกอัครราชทูตไทยเดินทางเข้าชี้แจงต่อกระทรวงการต่างประเทศในแต่ละประเทศ/องค์กรระหว่างประเทศ (2) การสื่อความถึงสถานการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริงของไทยกับธุรกิจนำเที่ยวคู่ค้าสำคัญในต่างประเทศ

   (3) การผลิตสื่อเพื่ออธิบายถึงสถานการณ์และมาตรการด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น) ควบคู่กับการจัดกิจกรรมทางการตลาดในประเทศเป้าหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อในประเทศเป้าหมาย ทั้งในภูมิภาคเอเชีย (ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อินเดีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์)และภูมิภาคอื่นๆ (อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เป็นต้น) รวมถึงต่างชาติที่เดินทางมาไทยเพื่อติดต่อธุรกิจน่าจะมีความมั่นใจในการเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น

    ฉะนั้น ในระยะนี้ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ควรเร่งดำเนินกิจกรรมทางการตลาด (เช่น จัดรายการโปรโมชั่นด้านราคา นำเสนอแพ็กเกจทัวร์สำหรับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆซึ่งอาจจะเป็นแพ็กเกจร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศเป้าหมายหลักของไทย เป็นต้น) ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปและกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (เช่น นักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมสัมมนา และกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กลุ่มช้อปปิ้ง เป็นต้น) นอกจากนี้ การพัฒนาช่องทางการสื่อสารเพื่ออัพเดทสถานการณ์ปัจจุบันในไทย เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการให้ข้อมูลด้านต่างๆ แก่นักท่องเที่ยว อาทิ ข้อมูลด้านแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียง สภาพอากาศ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นน่าจะเป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น

    ในตอนท้าย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยประมาณ 26.6 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระดับร้อยละ 0.2 (จากเดิมคาดการณ์ว่าจะเติบโตร้อยละ 4.7) และสร้างเม็ดเงินสะพัดสู่ธุรกิจต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!