Details

Category: ท่องเที่ยว

Published: Sunday, 31 August 2014 20:51

Hits: 3498

อีลิทการ์ด ฝันล้างขาดทุนหมด

    ไทยโพสต์ : สาทร * ทีพีซีโชว์ยอดขายอีลิท การ์ดพุ่งเกินเป้า หวังหลายภาคส่วนเป็นแรงสนับสนุนการทำงานปลดเงินขาดทุนสะสมจำนวน 800 ล้านบาท ภายใน 3 ปี พร้อมเล็งเสนอแผนระยะยาว 10 ปี

     นายอภิสิทธิ์ ชื่นชมภู ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พรีวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารและดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ "ไทยแลนด์ พรีวิเลจ คาร์ด (อีลิทการ์ด)" เปิดเผยว่า แผนในการบริหารงานภายใน 3 ปีนับจากนี้ มีความต้องการอยากจะลดการขาดทุนสะสมให้เร็วที่สุด โดยบริษัทจะเร่งดำเนินการให้การขาด ทุนสะสมในปัจจุบันที่ 800 ล้านบาทให้หมด จากนับตั้งแต่ก่อตั้งขาดทุนที่ 1,000 ล้านบาท โดยจะมีการรีแบรนด์เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเชิงบวก ขณะเดียวกันหากได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานจะช่วยลดการขาดทุนได้เร็วขึ้น

    สำหรับ ที่ผ่านมาบริษัทยัง ต้องรับภาระดูแลสมาชิกเก่าอยู่ โดยต้องใช้งบประมาณเดือนละ 10-12 ล้านบาท โดยเชื่อว่าแนว ทางบริหารงานแบบใหม่จะทำให้บริษัทอยู่ได้ด้วยตัวเอง

    "ในตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะให้เลิกกิจการจากทางภาครัฐ แต่หากมีการเรียกเข้าพบหรือเข้าไปพูดคุย ก็จะทำการอธิบายถึงวิธีการให้เข้าใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทว่าจะเติบโตไปได้อย่างไร โดยไม่อยากให้มองเรื่องของอดีตที่ผ่านมา แต่อยากให้มองถึงการทำงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากกว่า" นายอภิสิทธิ์กล่าว

     ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าช่วงที่มีปัญหาการเมือง บริษัทได้รับผล กระทบเป็นอย่างมาก แต่นับตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.เป็นต้นมา เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยยอดขายในตอนนี้อยู่ที่ 44 ใบ คิดเป็นมูลค่า 64.59 ล้านบาท จากเป้าตลอดทั้งปีที่ 110 ใบ มูลค่า 64 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่ามูลค่าได้เกินกว่าเป้าที่วางไว้แล้ว

     ทั้งนี้ ในระยะแรกบริษัทได้มีการตั้งเป้าจำนวนบัตรไว้ที่ 1,300 ใบ หรือคิดมูลค่าราว 2,600 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นจึงได้ขอลดเหลือ 317 ใบ หรือราว 300 ล้านบาท ซึ่งก็ได้รับผลกระทบทางการเมืองตามมาเช่นกัน เป้าหมายตามที่วางไว้จึงเป็นไปได้ยาก ทาง คสช.จึงอยากให้เสนอตัวเลขที่มีโอกาสเป็นไปได้ จึงได้มีการปรับเป้าหมายเป็น 110 ใบดังกล่าว

     นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ในช่วงเดือนกันยายน บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดการจำหน่ายบัตรอยู่ที่ 25 ใบ หรือคิดเป็นมูลค่า 11.75 ล้านบาท โดยในตอนนี้ยังไม่มีแผนลงทุนธุรกิจด้านอื่น เพราะต้องมีเงินหมุนเวียน 500 ล้านบาทเสียก่อน รวมถึงยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนดำเนินงานระยะ 10 ปี เพื่อเสนอในอนาคตอีกด้วย.