- Details
- Category: CHINA
- Published: Tuesday, 23 July 2019 19:04
- Hits: 2901
เสียวหมี่ ติดอันดับ Fortune Global 500 เป็นครั้งแรก
เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น (Xiaomi; Stock Code: 1810) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน ‘Fortune Global 500’ หรือการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2019 ของนิตยสารฟอร์จูน เป็นครั้งแรก หลังจากที่ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลาเพียง 9 ปี
ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง เป็นบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับของ Global 500 ในปีนี้ โดยอยู่ในอันดับที่ 468 ด้วยรายได้รวม 26,443.50 ล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,049.10 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า และบริษัทยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเภทบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก
“เสียวหมี่ใช้เวลาเพียง 9 ปี ในการผงาดขึ้นไปอยู่ในทำเนียบการจัดอันดับบริษัทที่มั่งคั่งที่สุดของ Fortune Global 500 ซึ่งเป็นการเดินทางที่เราจะต้องขอบคุณบรรดา Mi Fans และผู้ใช้งานทั่วโลกที่ให้การสนับสนุนเสียวหมี่อย่างเหนียวแน่นตลอดมา เรายังเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับในปีนี้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่เราจะเก็บไว้ย้ำเตือนอยู่เสมอ ในการเดินทางสู่จุดหมายต่อไปเพื่อขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วโลก” นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าว
“ปีที่ผ่านมา เราได้มีการพัฒนายุทธศาสตร์และปรับกลยุทธ์หลักของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างการบริหารงาน ระบบการศึกษาวิจัยและพัฒนา สายการผลิต การพัฒนาแบรนด์ และอีกมากมาย ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเสียวหมี่ในการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดจากคู่แข่งทั้งภายในประเทศและทั่วโลก การได้รับเกียรติในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ให้เราพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในการก้าวไปข้างหน้า เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและนวัตกรรมขั้นสูง ในราคาที่จริงใจและซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นปณิธานในการดำเนินธุรกิจของเรา เพื่อทำให้ Mi Fans ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงผู้ร่วมลงทุนกับเราได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตให้ดีมากยิ่งขึ้นอีก” นายเหลยจวินกล่าว
ในฐานะบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ต ที่ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) หลังการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ปี 2553 เสียวหมี่ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน (Fortune’s China 500) ในปีนี้เป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 53
ในปี 2555 เสียวหมี่มีรายได้จากการขายทั้งหมดอยู่ที่หนึ่งหมื่นล้านหยวน หรือราว 1,453.72 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งแสนล้านหยวน หรือราว 14,537.21 ล้านดอลลาร์ ในปี 2560
เสียวหมี่สร้างความเข้มแข็งทางด้านคุณค่าของตราสินค้า และพัฒนาศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านเครือข่ายผู้ใช้งานและความสามารถในการพัฒนาแพลตฟอร์มต้องขอบคุณโมเดลธุรกิจอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและทรงพลังที่เรียกว่า ‘triathlon’ และกลยุทธ์ในการเสริมความได้เปรียบในตลาด ‘สมาร์ทโฟน + AIoT’
จากข้อมูลของ IDC องค์กรเชี่ยวชาญด้านการทำวิจัยการตลาดระดับนานาชาติ ประจำเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งรายงานว่าเสียวหมี่เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก จากมูลค่าการขายสมาร์ทโฟนเมื่อเทียบปีต่อปี เสียวหมี่ยังมีรายได้รวมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 32.2% อีกด้วย นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังได้ร่วมลงทุนกับบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ecosystem มากกว่า 200 บริษัท ซึ่งหลายบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสมาร์ทฮาร์ดแวร์ ซึ่งส่งผลให้เสียวหมี่สามารถสร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 171 ล้านผลิตภัณฑ์ทั้งนี้ ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2562
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสียวหมี่วางจำหน่ายมากกว่า 80 ประเทศ และภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ข้อมูลของ Canalys ในเดือนมีนาคม 2562 เปิดเผยว่า เสียวหมี่ติดอันดับ 1 ใน 5 จากกว่า 40 ประเทศ ในแง่การจัดส่งสินค้าและมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในอินเดีย อยู่ที่ 31.4% ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 นอกจากนี้เสียวหมี่ยังมีอัตราการเติบในยุโรปตะวันตกสูง โดยมียอดขายสมาร์ทโฟนเป็นอันดับที่ 4 หลังจากได้เข้าทำการตลาดอย่างเป็นทางการเพียง 2 ปีเท่านั้น รวมถึงประสบความสำเร็จในการขยายเข้าไปสู่ตลาดใหม่ในทวีปแอฟริกาและลาตินอเมริกาอีกด้วย
เสียวหมี่ยังมุ่งมั่นและทุ่มเทในการขยายเครือข่ายช่องทางการค้าปลีกที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจะรวมช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันในตลาดต่างประเทศ โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2562 เผยว่า มีร้านค้าที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น Mi Home Store ทั้งหมดกว่า 480 ร้านทั่วโลก คิดเป็นอัตราการเติบโต 93.5% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมากกว่า 110 ร้านค้าตั้งอยู่ในยุโรป และ 79 ร้านค้าตั้งอยู่ในอินเดีย
เสียวหมี่ยังได้ทุ่มเงินจำนวนหนึ่งหมื่นล้านหยวนในการพัฒนา ‘All in AIoT’ สำหรับ 5 ปีข้างหน้า โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การทำงานร่วมกันของ ‘Smartphone และ AIoT’ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ AIoT สำหรับใน 5 – 10 ปีข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทยังวางแผนในการยกระดับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาและปรับแผนการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศจีน เพื่อปรับใช้ในตลาดต่างประเทศอีกด้วย
การจัดลำดับบริษัทที่มั่งคั่งที่สุดในโลก 500 บริษัท หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘Global 500’ เป็นการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุด 500 บริษัทจากทั่วโลก ซึ่งรวบรวมและเผยแพร่โดยนิตยสารฟอร์จูน โดยได้ทำการจัดลำดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 67 โดยวัดจากผลประกอบการและกำไรสุทธิจากผลประกอบการในปีก่อนหน้า
AO07235
Click Donate Support Web