WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ประธาน Thai CC คนใหม่ 706x445

ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน คนใหม่ เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ไทย-จีน EEC- One Belt One Road

     สร้างความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างไทย-จีน เร่งดำเนินการเดินทางออกไปดึงดูดการลงทุนในต่างประเทศ เชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เชื่อมต่อกับนโยบายเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) ของจีนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตต่อไป

       ที่อาคารหอการค้าไทย-จีน ได้มีพิธีมอบตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน (Thai Chinese Chamber of Commerce หรือ Thai CC) สมัยที่ 27 ให้กับ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ซึ่งเป็นประธานต่อจาก นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานฯสมัยที่ 26 โดยภายหลังการรับมอบตำแหน่งประธานหอการค้าไทย – จีน คนล่าสุด

 

ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล

     นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า พร้อมที่จะสานต่อภารกิจเพื่อความร่วมมือของทั้งสองประเทศในทุกมิติ และพร้อมที่ยกระดับองค์กร Thai CC ก้าวไปสู่การเป็นองค์กรชั้นนำของกลุ่มองค์กรการค้าระหว่างประเทศ โดยหอการค้าไทย- จีน ถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน มาอย่างยาวนานถึง 110 ปี และในฐานะที่เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย – จีนพร้อมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพื่อเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทยให้เชื่อมต่อกับนโยบายเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) ของจีนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตต่อไป

      “แนวนโยบายจะเร่งดำเนินการเดินทางออกไปดึงดูดการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งหอการค้าไทย-จีนพร้อมที่จะร่วมมือกันดึงการลงทุนจากจีนเข้ามาไทย โดยตั้งเป้าหมายนำคณะนักธุรกิจไทยไปเยือนประเทศจีน ทั้ง 30 มณฑลให้ครบภายในวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี หรือปี 2563-2566 หรือเฉลี่ยปีละ 8 ครั้ง ซึ่งเริ่มแห่งแรกที่เมืองปักกิ่ง ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาให้ธุรกิจไทยร่วมมือกับจีนทั้งในประเทศไทยและในจีน ซึ่งเอสเอ็มอีของจีนนั้นถือเป็นธุรกิจที่ไม่เล็กเลย

     ซึ่งผมเองมีทีมงานที่จะร่วมมือกัน จึงคาดหวังว่า อย่างน้อยในปีนี้หอการค้าไทย-จีนจะดึงลงทุนเอสเอ็มอีของจีนมาลงทุนในไทย โดยจะจัดตั้งคณะนักธุรกิจรุ่นใหม่ 20 คน เป็นตัวแทนต้อนรับคณะนักลงทุนจีนที่เดินทางมาเยือนไทย ซึ่งต่อปีจะมีกว่า 100 ราย ทำหน้าที่ดูในเรื่องวัตถุประสงค์การมาเยือนไทย และความสนใจต่ออุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะลงทุน

      โดยเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อเตรียมผู้ประกอบการไทยในแต่ละอุตสาหกรรมต้อนรับให้ตรงเป้าหมาย และทีมรุ่นใหม่จะช่วยให้เจรจากับนักลงทุนจีนได้อย่างตรงจุด ซึ่งนักลงทุนจีนทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอี สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่องในเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ซึ่งคาดว่าในปี 2563 การเข้ามาลงทุนในไทยจะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องการให้ภาครัฐมีชัดเจนในเรื่องนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอีอีซีทั้ง กฎหมาย การถือครองที่ดิน และการถือหุ้นตามอัตราส่วนที่เหมาะสมที่รายละเอียดบางอย่างยังไม่ชัดเจน เช่น กรณีการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เห็นว่า ควรจะเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นมากกว่า 51% ก็จะช่วยกระตุ้นการลงทุนได้อย่างมาก เป็นต้น”

     นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า  สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศจีนและหลายประเทศกำลังประสบกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หอการค้าไทยเชื่อมั่นว่า จีนจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้จบลงได้ภายในไม่กี่เดือน และสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี โดยภายใน 2 เดือนนี้ตนจะเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนกับชาวจีน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาอาจจะกระทบกับภาคการผลิตของจีน จนต้องหยุดผลิตสินค้าหรือส่งวัตถุดิบบางประเภทให้ไทยก็ตาม ซึ่งการที่จะทำให้การค้าขายกลับมาเหมือนเดิมต้องใช้เวลา แม้ภาพรวมการส่งออกของไทยอาจจะชะลอบ้างเล็กน้อยจากปัญหาดังกล่าว แต่ไทยยังมีคู่ค้าประเทศอื่นในการส่งออกเพิ่มเติม

     “ต้องยอมรับว่า ภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ได้รับผลกระทบหนักสุด คาดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1-2 กว่าจะฟื้นตัวคงใช้เวลา 3 – 4 เดือน หากควบคุมโรคดังกล่าวได้การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวเร็วมาก”

       นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศจีนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกซึ่งรวมถึงประเทศไทยเนื่องจากเป็นตลาดการค้าที่มีขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชาชนมากกว่า 1,300 ล้านคน ขณะเดียวกันจีนมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในประเทศเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียน และไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก

      ดังนั้น Thai CC จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการค้าและการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในอนาคต โดยเฉพาะการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของชาวจีนโพ้นทะเลที่กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ โดยในช่วงการบริหารงาน ได้เตรียมแผนที่จะผลักดันให้เกิดการประชุมสมัชชาชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเชื่อมโยงการค้า และการลงทุน ที่จะขยายขอบเขตในการร่วมกันทางธุรกิจในขนาดใหญ่มากขึ้น

     “จีนถือเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยโดยในปี 2562 มียอดสั่งซื้อสินค้ามูลค่า 2.92 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.04 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.8% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) ปี 2562 พบว่านักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนในไทยสูงสุดด้วยมูลค่า 2.6 แสนล้านบาท และที่สำคัญนักท่องเที่ยวจากจีนยังครองแชมป์การท่องเที่ยวในไทยสูงสุด”นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

sme 720x90banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!