WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

       ในงานสัมมนา 'เล็งจีน เดินหน้า ผ่าแดนมังกร'จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ ในโอกาสครบรอบ 74 ปี แห่งการสถาปนากรมการค้าต่างประเทศ นายธนากร เสรีบุรี ประธานกิตติมศักดิ์ สภาธุรกิจไทย-จีน และรองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์  ปาฐกถาพิเศษ"เรื่องเล่าแดนมังกร" ว่า เศรษฐกิจจีนยังมีความมั่นคง แม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลง แต่ขนาดเศรษฐกิจยังเติบโต และมีกำลังซื้อมหาศาล จึงเป็นโอกาสสำหรับการค้าการลงทุนในอนาคต

      โดยเฉพาะในมณฑลจงหยวน ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่จีนกำลังให้ความสำคัญพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้ามีประชากรมากถึง 170 ล้านคน รวมถึงภาคตะวันตกเฉียงใต้ ของจีน เช่น กวางตุ้ง ยูนนาน กุ้ยโจว กว่านซี เสฉวน ฉงชิ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับไทยและมีประชากรมากถึง300ล้านคน ดังนั้น นักลงทุน ไทยควรเข้าไปลงทุนและเน้นสินค้าบริการ เพราะการที่จีนลดความสำคัญในภาคเกษตรกรรมลง ทำให้แรงงานในภาคเกษตรเข้าสู่เมืองมากขึ้น  สินค้าบริการจึงมีโอกาสเติบโตมากขึ้น และปัจจุบันภาคบริการมีสัดส่วนถึง57.09% ของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีโอกาสเติบโตถึง 70-80% รวมถึงอุตสาหกรรมสมัยใหม่ (ไฮเทค)กำลังได้รับการส่งเสริมในจีน เนื่องจากจีนมีนโยบายลดการปล่อยมลพิษ และลดการใช้แรงงานเข้มข้น เพื่อมุ่งเน้นการผลิตสินค้าในเชิงคุณภาพแทนอดีตที่เน้นเชิงปริมาณ

     นอกจากนี้ นโยบายขยายเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลของจีน ที่พยายามพัฒนาลดมาตรการกีดกันทางการค้าเชื่อมโยงอาเซียนให้มากขึ้น จะเป็นอีกช่องทางที่เพิ่มโอกาสการลงทุนในอนาคต

      นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นอีกส่วนที่สร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทย แม้ว่าอาจมีนักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มที่ไม่รู้วัฒนธรรมไทยและสร้างความเดือดร้อนให้กับไทย แต่ต้องพยายามรักษานักท่องเที่ยวจีนไว้ โดยปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมาไทยเพิ่มเป็น 10 ล้านคน จากปีที่ผ่านมาประมาณ 7 ล้านคน

      นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันจีนเป็น ตลาดการค้าที่สำคัญที่จะเข้ามาชดเชยตลาดในยุโรปและสหรัฐฯที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับจีนอยู่ไม่ไกลจากไทย จึงเป็นโอกาสสำหรับสินค้าไทยในทุกกลุ่ม เช่น อาหาร สินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมใหม่ๆ แม้ว่าจีน จะยังมีปัญหาการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจและยังมีอุปสรรคในหลายด้าน แต่ยังไม่ช้าเกินไปที่ไทยจะมุ่งทำการค้าการลงทุนกับจีนให้มากขึ้น

     การอภิปรายหัวข้อ 'จีน2016 :โอกาสและความท้าทาย'นายไกรสินธุ์ วงศ์สุรไกร กรรมการบริหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการเลขาธิการ สภาธุรกิจไทย-จีน ระบุว่า นักลงทุนไทยที่เข้าไปทำการค้ากับจีน ควรให้ความสำคัญกับการใช้เงินหยวน นอกเหนือจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะจะช่วยให้เกิดความสะดวกทางการค้า และหากเปรียบเทียบการแข็งค่าของเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ ถือว่า เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าเงินหยวน จึงถือว่า เป็นที่ต้นทุนถูก เหมาะสมกับการเข้าไป ลงทุน

      รวมถึงนักลงทุนไทย ควรศึกษาข้อมูลการค้าออนไลน์ในจีนที่กำลังได้รับความนิยมสูงมาก และจีนมีการขนส่งสินค้าอย่างรวดเร็ว สินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น หมอนยางพารา รังนก และในอนาคตไทยจีนต้องการอาหารที่มีความปลอดภัยมากขึ้น

      นายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร อดีตอัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงปักกิ่ง กล่าวว่า นักลงทุนไทย ที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศจีน ควรให้ความสำคัญกับเมืองรอง เพราะปัจจุบันเมืองหลักในภาคตะวันออกของจีนเริ่มอิ่มตัว แต่สินค้าที่จะเข้าไปทำ ตลาดต้องเน้นการสร้างแบรนด์ พัฒนาแพ็คเกจจิ้ง ด้วยการใช้นวัตกรรม

      นอกจากนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นอีกรูปแบบที่น่าเข้าไปลงทุนในจีน แต่ควรต้องจดเครื่องหมายการค้า เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ ส่วนการร่วมลงทุนกับจีน ควรหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ไว้ใจได้ หรือ มีการตรวจสอบข้อมูลผ่านสำนักงานทะเบียนอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ประจำท้องถิ่น เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี

      รายงานข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ในปี 2559 จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการค้าไทย-จีน ช่วง5เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.2559) อยู่ที่ 25,427 ล้านดอลลาร์ ลดลง0.67%จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มูลค่าการค้าไทย-จีน ปี2558มีมูลค่า64,223ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ เช่น ยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง ส่วนสินค้านำเข้า เช่น โทรศัพท์ มอเตอร์เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เป็นต้น

      ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

โดย CP Group / วันที่โพสต์ 3 ส.ค. 2559

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!