WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Pประยทธ จนทรโอชา2ที่ประชุม JCR ไทย-กัมพูชา ลงนามข้อตกลงเว้นภาษีซ้อน เห็นชอบเชื่อมเส้นทางคมนาคม-เปิดด่าน-เพิ่มการค้าการลงทุน

     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมแถลงผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ครั้งที่ 3 โดยผู้นำทั้งสองประเทศร่วมลงนามเป็นสักขีพยานเอกสาร 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1.แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 ภายใต้หุ้นส่วนสันติภาพและการพัฒนา และ 2.ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย-กัมพูชา ที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย และส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน

     นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ผลลัพธ์ของการหารือในครั้งนี้เป็นเหมือนเข็มทิศชี้ทางเดินร่วมกันของไทยและกัมพูชา โดยทางด้านเศรษฐกิจได้เน้นเรื่องการเชื่อมโยงเส้นทางถึงทั้งสองประเทศ ซึ่งต้องขยายการดำเนินการทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ และทั้งสองฝ่ายตกลงเปิดด่านถาวร 4 แห่ง เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก และกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้มากขึ้น

      ส่วนการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน ฝ่ายไทยตกลงที่จะรับซื้อสินค้าเกษตรกรรมมากขึ้น เนื่องจากมูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศที่ผ่านมา กัมพูชานำเข้าสินค้าไทยมากเป็น 5 เท่าของสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชา

     ขณะที่การแก้ปัญหายาเสพติดกับการค้ามนุษย์เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หยิบยกมาหารือกัน โดยเราอยากให้คนงานของกัมพูชาเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ถูกหลอกให้เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องยาเสพติด ไทยได้ตกลงช่วยเหลือในการบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด และกัมพูชาคิดว่าจะจัดตั้งหมู่บ้านสีขาว เป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติดอีกด้วย

       ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้กลับมาเยือนกัมพูชาอีกครั้งตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอขอบคุณการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีและอบอุ่น ไม่ต่างจากการมาเยือนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 โดยการหารือร่วมกันวันนี้สิ่งที่อยากจะย้ำให้ตรงกับประเด็นที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้กล่าวไปคือ การรับซื้อสินค้าทางการเกษตร ไทยยินดีที่จะช่วยเหลือดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพิจารณาการปรับปรุง พัฒนา คุณภาพสินค้าการเกษตร เพื่อเป็นการค้าขายร่วมกัน และส่งออกไปค้าขายต่างประเทศอีกด้วย

       สำหรับ การแก้ปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ และแรงงานประมง ตกลงจะร่วมมือกันมากยิ่งขึ้นในทุกประเด็น โดยเฉพาะแรงงานประมง เห็นตรงกันว่าจะคัดแยก และส่งแรงงานเหล่านี้ไปตามช่องทางที่มีอยู่ เพื่อให้รัฐบาลสามารถดูแลบุคคลเหล่านี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องยาเสพติดยินดีที่จะร่วมมือจัดตั้งศูนย์การแก้ปัญหายาเสพติด และให้ร่วมมือกันทั้งสามขั้นตอน ตั้งแต่ป้องกัน ปราบปราม และฟื้นฟู ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน

        เรื่องความเชื่อมโยงด้านคมนาคม ทั้งสองประเทศตกลงกันว่าจะหาหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ให้รถไฟเชื่อมต่อไปถึงกรุงพนมเปญให้ได้โดยเร็ว และถือเป็นเส้นทางสายรถไฟสายประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเส้นแรก

        สำหรับ เป้าหมายทางการค้าที่ตั้งเป้าไว้ร่วมกันที่ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 โดยมอบหมายให้หามาตรการเพิ่มเติม นอกจากการค้าขายระหว่างประเทศ และส่งเสริมการค้าชายแดน ต้องอาศัยศักยภาพที่มีอยู่ทั้งสองประเทศ หาทางเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้ได้มากขึ้น คาดว่าจะทำให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนที่ พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 พ.ย.60

       ส่วนการลงนามเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ต้องนำไปสู่การปฏิบัติด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และยั่งยืน นอกจากนั้นพร้อมจะจัดทำแผนเตือนภัยพิบัติร่วมกัน เพื่อป้องกันตามแนวชายแดน และทั้งสองประเทศจะก้าวไปพร้อมกัน เข้มแข็งอย่างยั่งยืน มีนโยบายทำงานร่วมกัน ไทยแลนด์ หรือ กัมพูชา+1 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาคและอนุภูมิภาค

นายกฯ ยันไปกัมพูชาไม่มีแผนหารือซื้อไฟฟ้า-ผันน้ำ ปัดข่าวเอื้อประโยชน์เอกชน

        พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ย.) ไม่ได้เตรียมการที่จะหารือกรณีที่กัมพูชาเตรียมดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัมเพื่อส่งไฟฟ้ามาขายให้ไทย ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศได้มีการหารือกันมาอย่างต่อเนื่อง

       ทั้งนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ศึกษาด้านเทคนิคในการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวเมื่อปี 59 และกรมชลประทานมีแผนลงทุนเพื่อผันน้ำจากโครงการดังกล่าวมายังอ่างเก็บน้ำประแสร์จำนวน 300 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

     นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูว่าแหล่งน้ำในประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกมีปัญหาหรือไม่ เพื่อจัดสรรปริมาณน้ำให้เพียงพอทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาว่าจะมีต้นน้ำจากที่ไหนบ้าง มีปริมาณน้ำเพียงพอหรือไม่ รวมถึงแหล่งน้ำในประเทศเพื่อนบ้านหากเราประสบปัญหาภาวะขาดแคลน

      "ก็ต้องไปดูว่ามีแผนก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ แก้มลิง ระบบส่งน้ำ อยู่ในแผนงาน 5-10 ปีที่วางต่อไปนี้ และเมื่อพูดถึงแหล่งน้ำภายนอกต้องดูว่ามีหรือไม่ และประเทศเพื่อนบ้านมีหรือไม่ และหากเกิดกรณีที่บ้านเราขาดแคลน ก็คุยดูว่าพอจะเอาน้ำจากข้างนอกมาเสริมได้หรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

       นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ได้หยิบโครงการเดิมมาดูต่อ พบว่ามีหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 24 เมกะวัตต์ต้องพิจารณาดูว่าจำเป็นหรือไม่ ถ้ามองประโยชน์เพียงด้านเดียวก็พบว่ายังน้อยอยู่ แต่หากได้ประโยชน์ได้น้ำมาด้วยจะดีหรือไม่ ก็ต้องหารือตรงนี้ หากเอาน้ำมาแล้วมีต้นทุนสูงก็มีผลกระทบกับผู้ใช้ ก็ต้องหาแนวทางที่เหมาะสม

       "การสร้างโรงไฟฟ้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของการลงทุนบริษัทไทยที่ลงทุนในประเทศกัมพูชา ตามกติกาเขา เป็นเรื่องประกอบการธุรกิจ ผมไม่รู้จักใครทั้งสิ้น ใครที่รู้จักก็ตาม แต่ท้ายที่สุดนายกรัฐมนตรีไม่รู้จัก มันอยู่ที่ผม รู้จักก็ไม่ให้อยู่แล้ว เป็นเรื่องกลไกกติกา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

       นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่อยากให้ประเด็น เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรื่องอะไรที่เป็นเรื่องที่ต้องหารือก็หารือกันต่อไป โดยไม่ทำให้เกิดประโยชน์กับใครเพียงคนใดคนหนึ่ง เพราะหากนำน้ำมาใช้จริง การลงทุนฝั่งกัมพูชาจะมากขึ้นและทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนไฟฟ้าจะซื้ออย่างไรก็ว่ากันอีกที แต่ถ้าจะเอาน้ำ ต้องไปดูว่าเขาจะทำให้ได้หรือไม่ เรารับได้หรือไม่ และเมื่อน้ำเข้ามาแล้ว ต้องมีระบบส่งน้ำภายในประเทศอีก เราก็ต้องทำของเราอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ให้บริษัทไปลงทุนได้ค่าก่อสร้าง

       สำหรับการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะมีการหารือในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการสัญจรข้ามแดน ค้ามนุษย์ แรงงาน เศรษฐกิจ สังคม การเกษตร เน้นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ และไม่ทำให้ประเทศเสียหาย และไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็น

คลังเสนอครม.พิจารณาเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา

     รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีภารกิจเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4 – 5 ก.ย.60

    สำหรับ การประชุมวันนี้ มีวาระที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้

      กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่มีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเกษตรอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 2

      กระทรวงมหาดไทย เสนอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปีพ.ศ 2557 ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีโครงการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางจักรยานจังหวัดนนทบุรี (เส้นทางที่ 1), เสนอขออนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นรายการอุดหนุนสำหรับการจัดการศึกษาภาคบังคับ(ค่าบำเหน็จ บำนาญ)

      กระทรวงวิทยาศาสตร์ เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ. ศ. 2560 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นโครงการพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า, เสนอขอความเห็นชอบการให้สัตยาบันสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ พ.ศ....

         กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอขอความเห็นชอบใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

       กระทรวงการต่างประเทศ เสนอการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับรัฐลิเบีย

       กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 23(ASEAN Joint Statement on Climate Change to COP 23), เสนอร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมครั้งที่ 14 และร่างปฏิญญารัฐมนตรีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก

        สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เสนอเรื่องขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 เพื่อขอขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของแผนปฏิบัติการโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน(องค์การมหาชน)

          สำนักงานพระพุทธศาสนา เสนอขอความเห็นชอบให้ข้าราชการลาอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร โดยไม่ถือเป็นวันลา

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!