Federal Reserve มีการประชุมใหญ่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้กลุ่มปัญหาทางจริยธรรม และจะดำเนินการโดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายที่พบว่าตนเองมีความแตกแยกอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้า

    ตลาดส่วนใหญ่คาดหวังว่า เฟดจะทำตามเซสชั่นสองวัน โดยไม่มีการตัดสินใจที่สำคัญ แต่เป็นเพียงการพยักหน้าครั้งแรกแต่สำคัญว่าที่พักในยุคการระบาดใหญ่ที่ง่ายในอดีตจะสิ้นสุดลงในไม่ช้าหากช้า

       'เรียว' จะเป็นคำพูดของวันที่มีการออกแถลงการณ์หลังการประชุมในวันพุธซึ่งในเวลาที่เจ้าหน้าที่แต่ละคนจะเปิดเผยการคาดการณ์ของพวกเขาเกี่ยวกับส่วนโค้งของอัตราดอกเบี้ยในอนาคตรวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ

      ทั้งหมดนี้ จะถูกตั้งเป็นฉากหลังของการโต้เถียง : รายงานข่าวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบุว่าเจ้าหน้าที่ของเฟดได้ทำการซื้อขายหุ้นและพันธบัตรที่อาจได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากการตัดสินใจนโยบายของพวกเขาอย่างน้อย

      ในเวลาเดียวกัน, การกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาบ่งบอกถึงความแตกแยกระหว่างคนที่บอกว่าเวลาอยู่ในขณะนี้ที่จะเริ่มต้นการกระชับนโยบายและผู้ที่อยากจะรอ

       สำหรับ Fed ที่ปกติแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันนั้นไม่ปกติและอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจได้

     “ฉันคิดว่า มันน่าอายสำหรับเฟด มันมีชื่อเสียงที่สะอาดสะอ้าน” Greg Valliere หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านนโยบายของสหรัฐฯ ที่ AGF Investments กล่าวถึงข้อพิพาททางการค้าที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดี Robert Kaplan แห่งดัลลาสและ Eric Rosengren แห่งบอสตันเป็นส่วนใหญ่ 'แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนนโยบายแต่อย่างใด ฉันคิดว่ามันจะเป็นกระจกมองหลังในเร็วๆ นี้ สมมติว่าไม่มีรองเท้าอื่นหล่น'

    Valliere ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหานี้จะช่วยเติมเชื้อเพลิงให้กับนักวิจารณ์ของ Fed เช่น Sen. Elizabeth Warren, D-Mass. ซึ่งเคยเป็นแกนนำของแนวทางการกำกับดูแลที่ผ่อนคลายของ Fed ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วิกฤตการเงินในปี 2008-09

       ยิ่งไปกว่านั้น เฟดยังยึดถือความน่าเชื่อถือ และปัญหาล่าสุดบางปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อ

มีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือของตลาด วอลล์สตรีท และนักลงทุนต้องเชื่อว่า เฟดมีความเป็นหนึ่งเดียวเป็นส่วนใหญ่ในแนวทางนโยบายการเงินเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยและการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลกระทบต่อตลาด ความน่าเชื่อถือของสาธารณชนก็เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่ศรัทธาในสถาบันต่างๆ ของวอชิงตันลดลง ความผิดพลาดทางจริยธรรมกลับยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเท่านั้นและอาจส่งผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้

       'จรรยาบรรณที่นี่ดูไม่ดี พวกเขาน่าจะรู้ดีกว่านี้' โจเซฟ ลาวอร์ญ่า หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำทวีปอเมริกาที่นาติซิส และอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสภาเศรษฐกิจแห่งชาติระหว่างการบริหารของทรัมป์ กล่าว 'เมื่อคุณสูญเสียอำนาจทางศีลธรรม นั่นเป็นปัญหา'

        Rosengren, Kaplan และเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ ที่ซื้อขายหุ้นไม่ได้ละเมิดกฎหมายหรือนโยบาย อันที่จริงแล้ว นั่นกลายเป็นส่วนหนึ่งของการวิพากษ์วิจารณ์ในระดับบางวงการ - หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน Fed ไม่ได้ทำความสะอาดบ้านเมื่อพูดถึงกฎภายในเพื่อให้แน่ใจว่าจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤต

       “โปรดจำไว้ว่า พวกเขามีกฎ [การซื้อขาย] ที่พวกเขากำหนดไว้กับธนาคารแล้ว แต่ผู้ว่าการของเฟดไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเดียวกันเหล่านั้น” คริสโตเฟอร์ วาเลน ทหารผ่านศึกของเฟดและปัจจุบันเป็นประธานที่ปรึกษาระดับโลกของวาเลนกล่าว “หลังจาก Dodd-Frank [การปฏิรูปธนาคารหลังวิกฤต] ทุกหน่วยงานในวอชิงตันได้กระชับความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน และเฟดก็ได้รับการยกเว้นจากกฎเหล่านั้นหรือไม่? พวกเขาดูไร้สาระ”

       ในส่วนของเฟดได้ตั้งข้อสังเกตว่ากำลังปฏิบัติตามกฎสำหรับหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ และมีกฎเพิ่มเติมเช่นกัน

       โฆษกธนาคารกลาง กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าประธานเจอโรมพาวเวลล์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของเฟด ”พิจารณากฎจริยธรรมเกี่ยวกับการถือครองทางการเงินและกิจกรรมที่ได้รับอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของเฟด”

        “การตรวจสอบนี้ จะช่วยในการระบุวิธีการกระชับกฎและมาตรฐานเหล่านั้นเพิ่มเติม คณะกรรมการจะทำการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม และการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะถูกเพิ่มเข้าไปในหลักจรรยาบรรณของธนาคารกลาง” เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม

การโต้เถียงเกิดขึ้นกับสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนของเฟด

      ธนาคารกลางกำลังเตรียมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนแรกเพื่อทำให้นโยบายกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หลังจากลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็นศูนย์ และเพิ่มขนาดของงบดุลเป็นสองเท่าด้วยการซื้อพันธบัตรมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์

      เจ้าหน้าที่ของเฟด ถูกแบ่งตามนโยบาย: จากการนับของโกลด์แมน แซคส์ เจ้าหน้าที่หกคนที่พูดในที่สาธารณะเกี่ยวกับประเด็นการซื้อสินทรัพย์ที่ลดลงนั้นมีไว้สำหรับมัน และอีกหกคนไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว เกี่ยวกับเงินเฟ้อในขณะที่พาวเวลล์กล่าวว่าเขาคาดว่าแรงกดดันด้านราคาจะลดลงในไม่ช้า เจ้าหน้าที่อย่างน้อยหกคนของเฟด รวมถึงผู้ว่าการคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ กล่าวว่าพวกเขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางหลังปี 2564

      ความซับซ้อน อีกประการหนึ่งที่รวมอยู่ในการผสมผสาน คือ วาระของพาวเวลล์ จะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ และประธานาธิบดีโจ ไบเดนคาดว่า จะประกาศตัวเลือกที่เขาต้องการเพื่อเป็นผู้นำในเร็วๆ นี้ ส่วนใหญ่ใน Wall Street คาดว่า Powell จะได้รับการเสนอชื่ออีกครั้ง แต่มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า Biden จะย้ายออกจาก Randal Quarles ในตำแหน่งรองประธานที่ดูแลด้านการกำกับดูแลธนาคารและแทนที่เขาด้วยผู้ว่าการ Lael Brainard ซึ่งน่าจะใช้มือที่หนักกว่าในกฎระเบียบของธนาคาร

        ท่ามกลางแรงกดดันเหล่านั้น พาวเวลล์จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเฟดได้รับนโยบายที่ถูกต้อง และสามารถขจัดข้อโต้แย้งบางอย่างในช่วงปลายปีได้

     LaVorgna นักเศรษฐศาสตร์ของ Natixis กล่าวว่า ”ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เจอโรม พาวเวลล์ได้รับแต่งตั้งใหม่ 'ฝ่ายบริหารจะต้องรอดูว่าเฟดจะรับมืออย่างไรกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและตลาดจะทำอย่างไร นั่นอาจเป็นปัจจัยกำหนดว่าเขาจะได้รับการแต่งตั้งใหม่หรือไม่'