- Details
- Category: USA
- Published: Monday, 12 August 2024 17:52
- Hits: 8722
ผลสำรวจใหม่เผยแฮร์ริสแซงหน้าทรัมป์ในเรื่องคนที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไว้วางใจในเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า
CNBC USA POLITICS : Rebecca Picciotto @beccpicc
จุดสำคัญ
รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส มีคะแนนนำหน้าโดนัลด์ ทรัมป์อย่างฉิวเฉียดในด้านจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไว้วางใจวิธีการจัดการเศรษฐกิจของเธอ ตามผลสำรวจใหม่ของ Financial Times/Michigan Ross
เศรษฐกิจยังคงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่มักอ้างถึงภาวะเงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่สูงเป็นประเด็นสำคัญสูงสุดในการสำรวจความคิดเห็นระดับประเทศ
คาดว่า แฮร์ริส จะเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
U.S. Vice President and Democratic presidential candidate Kamala Harris speaks at her campaign headquarters in Wilmington, Delaware, on July 22, 2024. Harris on Monday compared her election rival Donald Trump to 'predators' and 'cheaters,' as she attacked the first former U.S. leader to be convicted of a crime.
Erin Schaff | Afp | Getty Images
รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส กำลังไล่ตามอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไว้วางใจวิธีการจัดการเศรษฐกิจของเธอ ตามผลสำรวจใหม่ ของ Financial Times/Michigan Ross
ผลการสำรวจรายเดือนพบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้อยละ 42 ไว้วางใจแฮร์ริสในประเด็นเศรษฐกิจ มากกว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันร้อยละ 1 คะแนนนำห่างเพียงเล็กน้อยและอยู่ในขอบเขตความผิดพลาดของการสำรวจที่ +/- 3.1 คะแนนเปอร์เซ็นต์ การสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ได้สำรวจผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนแล้ว 1,001 คน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคมถึงวันที่ 5 สิงหาคม
ผลสำรวจอื่นๆ พบว่า ทรัมป์ มีคะแนนนำแฮร์ริสอย่างเห็นได้ชัดในประเด็นเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น ผลสำรวจเศรษฐกิจ All-Americaล่าสุดของ CNBC พบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งคิดว่าพวกเขาจะมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นภายใต้การนำของทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสถึง 2 ต่อ 1
อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้ง FT/Michigan Ross ยังคงเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในบัตรเลือกตั้ง ของพรรค เดโมแครตเมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้ลงคะแนนเพียง 35% เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขาเห็นด้วยกับการจัดการเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งตามหลังทรัมป์ที่ได้ 41%
นับตั้งแต่ไบเดนถอนตัวออกจากการแข่งขันและให้การสนับสนุนแฮร์ริส รองประธานาธิบดีก็ได้กำหนดพลวัตของการแข่งขันกับทรัมป์ใหม่ โดยมีการบริจาค อาสาสมัคร และผู้เข้าร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการเลือกตั้ง แต่เศรษฐกิจยังคงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้มีสิทธิออกเสียงที่มักอ้างถึงภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการสำรวจความคิดเห็นระดับประเทศ
หลังจากผ่านไปสามสัปดาห์ในการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แฮร์ริสก็ยังไม่ได้เปิดเผยนโยบายเศรษฐกิจ อย่างเป็นทางการ แม้ว่าเธอจะกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่านโยบายดังกล่าวจะได้รับการเปิดเผยในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ตาม
ในระหว่างนี้ ทั้งผู้ลงคะแนนเสียงและผู้บริจาคต่างสงสัยว่าเธออาจมีความแตกต่างจากรัฐบาลปัจจุบันในระดับใด ซึ่งมักจะต้องแบกรับความรับผิดชอบส่วนใหญ่จากการไม่พอใจของประชาชนต่อเศรษฐกิจ
จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามของ FT/Michigan Ross พบว่า 60% กล่าวว่าแฮร์ริสควรจะตัดสัมพันธ์กับนโยบายเศรษฐกิจของไบเดนอย่างสิ้นเชิง หรือ 'ทำการเปลี่ยนแปลงวาระการทำงานครั้งสำคัญ'
ทรัมป์ มักจะใช้ทัศนคติเชิงลบต่อเศรษฐกิจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นกลยุทธ์ทางการเมือง โดยพยายามเปลี่ยนสัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจให้กลายเป็นเรื่องเล่าของหายนะเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ตัวอย่างเช่น เมื่อตลาดหุ้นร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ใกล้จะเกิดขึ้น ทรัมป์จึงรีบใช้เว็บไซต์ Truth Social เรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่า'วิกฤตการณ์กมลา'
การผูกโยงการบริหารงานของไบเดน-แฮร์ริสกับทัศนคติทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อทรัมป์ การสำรวจของ FT/Michigan Ross พบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 42% บอกว่าพวกเขาจะ 'ดีขึ้นมาก' หรือ 'ดีขึ้นบ้าง' หากทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง เมื่อเทียบกับ 33% ที่คิดแบบเดียวกันนี้กับแฮร์ริส
https://www.cnbc.com/2024/08/11/harris-trump-biden-economy-poll-election.html
