- Details
- Category: USA
- Published: Sunday, 08 September 2024 14:24
- Hits: 9158
Penn Wharton เผยงบประมาณของทรัมป์จะทำให้ขาดดุลเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าของข้อเสนอของแฮร์ริส
CNBC USA POLITICS : Rebecca Picciotto @beccpicc
จุดสำคัญ
ข้อเสนอทางเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน จะทำให้การขาดดุลของรัฐบาลกลางเพิ่มมากขึ้นเกือบ 5 เท่าในช่วงทศวรรษหน้า เมื่อเทียบกับข้อเสนอของกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครต ตามรายงานสองฉบับของ Penn Wharton Budget Model
แฮร์ริสเสนอให้ขึ้นภาษีนิติบุคคลเพื่อชำระแผนของเธอ ในขณะที่ทรัมป์ได้เสนอนโยบายภาษีศุลกากรที่แข็งกร้าวกับการนำเข้าทั้งหมด รวมถึงอัตราที่สูงขึ้นสำหรับจีนด้วย
แคมเปญของทรัมป์และแฮร์ริส กำลังแข่งขันกันที่จะวาดภาพอีกฝ่ายเป็นภัยทางเศรษฐกิจ โดยแต่ละฝ่ายพยายามชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เหนื่อยล้ากับค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ข้อเสนอทางเศรษฐกิจของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะทำให้การขาดดุลของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า มากกว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส เกือบ 5 เท่า ซึ่งจะทำให้การขาดดุลเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามผลการศึกษาวิจัยคู่ใหม่จาก Penn Wharton Budget Model ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
รายงานของทรัมป์ ระบุว่า แผนการขยายเวลาลดหย่อนภาษีปี 2017 ของเขาจะส่งผลให้ขาดดุลเพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ข้อเสนอของเขาในการยกเลิกภาษีจากสวัสดิการประกันสังคมนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่คำมั่นสัญญาของเขาที่จะลดหย่อนภาษีนิติบุคคลต่อไปนั้นจะทำให้มีการขาดดุลเพิ่มขึ้นเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์
การวิเคราะห์ของแฮร์ริสแสดงให้เห็นว่าแผนของเธอในการขยายเครดิตภาษีบุตร เครดิตภาษีรายได้จากการทำงาน และเครดิตภาษีอื่นๆ จะทำให้ขาดดุลเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า และข้อเสนอของเธอในการสร้างเงินอุดหนุน 25,000 ดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรกที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด จะทำให้มีเงินเพิ่มขึ้น 140 พันล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า
อย่างไรก็ตาม รายงานของแฮร์ริสพบว่าการปรับขึ้นอัตราภาษีนิติบุคคลเป็น 28% จากระดับปัจจุบันที่ 21% ตามที่รองประธานาธิบดีเสนอ อาจช่วยชดเชยต้นทุนการใช้จ่ายของเธอได้บางส่วนถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์
แฮร์ริส กล่าวว่านอกจากการขึ้นภาษีนิติบุคคลแล้ว เธอยังสนับสนุนการสร้างรายได้มูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ที่ระบุไว้ใน ข้อเสนอของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเกี่ยวกับงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2025 อีก ด้วย
รายได้ส่วนใหญ่ของแฮร์ริสมีเครื่องหมายดอกจันสำคัญอยู่ 3 ประการ นั่นคือ ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา
ในทางตรงกันข้าม ทรัมป์เสนอให้จ่ายภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมด 10% และภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60% เพื่อจ่ายตามวาระการประชุมของเขา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาจึงจะนำไปปฏิบัติได้ ทรัมป์อ้างว่านโยบายการค้าเหล่านี้จะก่อให้เกิดการเติบโตภายในประเทศในระยะยาวเพียงพอที่จะชดเชยต้นทุนในระยะสั้นของนโยบายเศรษฐกิจของเขาได้
อย่างไรก็ตาม มาร์ก แซนดี หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของมูดี้ส์ ประเมินกับเอ็นบีซี นิวส์ว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์น่าจะสร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ และในวงกว้าง นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่านโยบายภาษีศุลกากรที่เข้มงวดเช่นนี้น่าจะทำให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ขณะที่อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มลดลง
แคมเปญ ของทรัมป์และแฮร์ริสกำลังแข่งกันที่จะวาดภาพอีกฝ่ายให้เป็นภัยทางเศรษฐกิจ โดยพยายามชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เหนื่อยล้ากับค่าครองชีพที่สูง
เจมส์ ซิงเกอร์ โฆษกทีมหาเสียงของแฮร์ริสกล่าวในแถลงการณ์ต่อ CNBC ว่า ”แผนงานเศรษฐกิจโครงการ 2025 ของโดนัลด์ ทรัมป์เป็นระเบิดเงินเฟ้อและการขาดดุล ซึ่งทำให้ชนชั้นกลางต้องจ่ายมากขึ้นในขณะที่คนรวยจ่ายน้อยลง”
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทีมหาเสียงของทรัมป์ ออกมาปกป้องผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันในแถลงการณ์ต่อ CNBC ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่สร้างเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เศรษฐศาสตร์จากเสรีนิยมหัวรุนแรงจากซานฟรานซิสโกที่ผลักดันการควบคุมราคาของคอมมิวนิสต์”
เพียงแค่หนึ่งเดือนเศษหลังจากที่ไบเดนถอนตัวออกจากการแข่งขัน แคมเปญของแฮร์ริสก็ทำงานกันอย่างรวดเร็วเพื่อเผยแพร่วาระทางเศรษฐกิจ
แรงกดดันดังกล่าวมีเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจถือเป็นจุดอ่อนอย่างต่อเนื่องสำหรับการรณรงค์หาเสียงของพรรคเดโมแครตในรอบการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากผู้ลงคะแนนเสียงยังมีความคิดถึงเศรษฐกิจก่อนเกิดโรคระบาดภายใต้รัฐบาลทรัมป์
Sahil Kapur จาก NBC News มีส่วนร่วมในการรายงานฉบับนี้
https://www.cnbc.com/2024/08/27/trump-harris-budget-deficit-economy-election.html
