ตัวอย่างในเรื่อง Land grab ที่น่าสนใจ อาทิ

    - บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ (Sime Darby) วางแผนลงทุน 3,100 ล้านดอลล่าร์ในช่วง 15 ปีในโครงการปลูกปาล์มน้ำมันขนาด 1,375,000 ไร่ในไลบีเรีย
    - บริษัท Heilongjiang Beidahuang Nongken Group ของจีนเข้าซื้อที่ดิน 1.2  ล้านไร่จาก บริษัทCresud SA ในอาร์เจนติน่าเพื่อปลูกถั่วเหลืองป้อนจีน
    - บริษัท Jannat ของซาอุดิอาระเบียซื้อที่ดิน 1.3 ล้านไร่ในแอฟริกาเหนือเพื่อปลูกธัญพืชป้อนซาอุดิอาระเบีย

          อย่างไรก็ดี แม้กระแส Land grab จะเป็นเทรนใหม่ของโลกที่กำลังมาแรง แต่เรื่องนี้ก็ได้สร้างความกังวลต่ออธิปไตยและความมั่นคงทางอาหารให้กับหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนติน่า บราซิล อุรุกวัย หรือออสเตรเลีย ทำให้ประเทศเหล่านี้ต้องเร่งออกกฎหมายเพื่อจำกัดการถือครองที่ดินของบริษัทต่างประเทศ

         ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารโลกได้คาดการณ์ไว้ว่า การซื้อที่ดินของต่างชาติในประเทศกำลังพัฒนาจะเพิ่มขึ้นมากจากเฉลี่ย 25 ล้านไร่/ปีในช่วง 10 ปีก่อน เป็น 37 ล้านไร่/ปีจนถึงปี 2030 จึงได้เสนอให้มีการเปิดเผยการซื้อที่ดินต่อสาธารณะ และมีการตั้งหลักเกณฑ์การลงทุน และมาตรการ safeguard เพื่อปกป้องเกษตรกรและชนกลุ่มน้อยไม่ให้ถูกทุนนิยมทำร้ายจนอยู่ไม่ได้