เมื่อเร็วๆ นี้ Pike Research ได้รายงานคาดการณ์ว่า ตลาดเชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuels) ของโลกจะขยายตัวจาก 83,000 ล้านดอลล่าร์ในปัจจุบัน เป็น 183,000 ล้านดอลล่าร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า (2021) โดยสหรัฐฯจะเป็นผู้ผลิต biofuels รายใหญ่ที่สุดของโลก (71%)

    โดยความสำเร็จของสหรัฐฯในครั้งนี้มีที่มาจากหลายมาตรการ สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 1980 เมื่อโลกต้องเผชิญกับวิกฤตน้ำมันครั้งที่ 2 ทำให้สหรัฐฯเริ่มให้ความสนใจใน biofuels เพื่อทดแทนการนำเข้าเชื้อเพลิงจากตะวันออกกลาง

     อย่างไรก็ตาม มาตรการเพื่อใช้ส่งเสริมการผลิตและการใช้ biofuels ของสหรัฐฯเป็นจริงจังเมื่อ 4-5 ปีนี้เอง (หลังราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง) ได้แก่

          •    การจัดสรรเงิน 600 ล้านดอลล่าร์เพื่อการวิจัยและพัฒนาbiofuels จากสาหร่าย
          •    การจัดสรรเงินถึง 150,000 ล้านดอลล่าร์เพื่อพัฒนา biofuels, รถยนต์ hybrid และ EV และพลังงานหมุนเวียน โดยล่าสุดมหาวิทยาลัยหลุยเซียน่าพัฒนา biodiesel จากไขมันของจระเข้สำเร็จ ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียง biodiesel จากถั่วเหลือง 
          •    การให้ Tax credit (เงินคืนภาษี) แก่ผู้ใช้ biofuels ในอัตรา 1 ดอลล่าร์/แกลลอน ให้แก่ผู้ผลิต biofuels ในอัตรา 10 เซ็นต์/แกลลอน
          •    การตั้งเป้าการผลิต biofuels อย่างน้อย 36,000 ล้านแกลลอน (20% ของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง) ภายในปี 2022 

     ผลจากนโยบาย biofuels ของสหรัฐฯที่ชัดเจน และมาตรการที่หลากหลายและครอบคลุมข้างต้นนี่เองที่จะส่งผลให้สหรัฐฯก้าวเป็นผู้นำในการผลิต biofuels ของโลกได้อย่างแน่นอน