WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

เอกชนชงแผนปฏิรูปโครงสร้างศก. เพิ่มความแข็งแกร่งประเทศ

    แนวหน้า : เอกชนชงแผนปฏิรูปโครงสร้างศก. เพิ่มความแข็งแกร่งประเทศ ดึงความเชื่อมั่นทุนต่างชาติ

    สอท. แนะ คสช. เร่งตั้งบอร์ด บีโอไอ สานต่อโครงการสนับสนุนนวัตกรรม 5 พันล้านบาท และเดินหน้าโครงการลงทุนสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมเตรียมเสนอแผนปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้คสช.พิจารณา

     นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า จากการหารือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พบว่า คสช. ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก สำหรับการแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้นนั้นเห็นว่าคสช.ควรจะผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บอร์ดบีโอไอ) โดยเร็ว โดยเฉพาะการตั้งคณะอนุกรรมการบีโอไอ ให้มีอำนาจอนุมัติโครงการส่งเสริมการลงทุนขนาดกลางและเล็ก เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้สอท.จะเสนอให้คสช.สานต่อโครงการส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศที่รัฐบาลเดิมได้อนุมัติกรอบ วงเงินอุดหนุนไว้ 5 พันล้านบาท ซึ่งสอท. เห็นว่าควรจะเพิ่มเงินสนับสนุนในโครงการนี้ เพราะจะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเอกชนในอนาคต

     ส่วนการวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้จะหารือกับ 7 องค์กรภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคม บริษัทจดทะเบียนไทย เพื่อนำเสนอแนวทางการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ 7 ข้อ ได้แก่ 1.การศึกษา 2.การลงทุน 3.สังคม 4.การแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ 5.การเพิ่มขีดความ สามารถทางการแข่งขัน 6.ธรรมาภิบาล และ 7.นวัตกรรม ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุปจากภาคเอกชน ทั้งหมดแล้ว ก็จะนำเสนอให้กับคสช. เพื่อวางแนวทางการดำเนินงานต่อไป รวมทั้งคสช.ควรจะเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน ขนส่งมวลชนตามที่รัฐบาลเดิมได้อนุมัติไว้แล้ว เช่น โครงการรถไฟรางคู่ และโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ

     ส่วนกรณีที่ คสช. เร่งผลักดันงบประมาณปี 2558 และการจ่ายเงินค่าจำนำข้าว ให้กับเกษตรกรเชื่อว่าจะทำให้การลงทุนภาครัฐซึ่งเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจที่สำคัญกลับมาทำงานอีกครั้ง ควบคู่กับการส่งออก ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปนี้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถผลักดันเศรษฐกิจไทยได้มากนัก คาดว่าอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพี น่าจะขยายตัวในระดับ 1.5% เนื่องจากกว่าที่จะอนุมัติงบการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ จะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าที่เงินจำนวนนี้จะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ คสช.ควรจะตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.) ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เกิดการทำงานที่ใกล้ชิดร่างคสช.กับภาคเอกชน

    “อุปสรรคที่สำคัญขณะนี้ ก็คือความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติอาจจะกระทบต่อยอดส่งออกสินค้าของไทย หากมีการกำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจน ก็จะเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติกลับคืนมา โดยในส่วนของภาคเอกชนจะเร่ง เข้าไปหารือกับหอการค้าต่างชาติ เพื่อสร้างความเชื่อให้กับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นเช่นกันนายสุพันธุ์ กล่าว

    นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน สอท. กล่าวว่า หลังการรัฐประหารผู้ซื้อต่างชาติมีความเป็นห่วงเรื่องการผลิตและส่งมอบสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการก็ได้อธิบายให้เข้าใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อการผลิตและการขนส่งแต่อย่างใด จึงทำให้ผู้ซื้อคลายความกังวลใจ โดยในส่วนของภาพรวมการส่งออกในปีนี้ คาดว่าน่าจะขยายตัวไม่เกิน 3% ซึ่งจะต้องฝากความหวังไว้กับการส่งออกรถยนต์ที่ใน 4 เดือนแรกส่งออกขยายตัว 9% ส่วนการส่งออกในกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม คาดว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% มียอดการส่งออกประมาณ 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากป?ก่อนที่มียอดส่งออก 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!