WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ดัชนี เชื่อมั่นผู้บริโภคต.ค.แค่ผงกหัว-รัฐต้องเร่งจ่ายงบปั๊มศก.ปี’58

     แนวหน้า : ดัชนี เชื่อมั่นผู้บริโภคต.ค.แค่ผงกหัว รัฐต้องเร่งจ่ายงบปั๊มศก.ปี’58 กำลังซื้อในประเทศยังนิ่ง

    ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคม ขยับขึ้นเล็กน้อย จาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ราคาน้ำมันลด รับเริ่มเคาะมาตรการปลุกเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ศูนย์วิจัยม.หอการค้าชี้ชัด ตัวเลขนี้ชี้ชัดไม่ได้ว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าประชาชนแค่เริ่มมีความหวัง ย้ำรัฐยังต้องเร่งเบิกจ่ายงบให้เร็วขึ้น แนะรับใช้เงินกู้ต่างประเทศทำโครงการ 3 ล้านล้าน

     นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือน ต.ค. 2557 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นเล็กน้อย โดยในเดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 80.1 เป็นการปรับตัวดีขึ้นอีกครั้งจากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงไปอยู่ที่ 79.2 โดยการปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจาก 2 สาเหตุสำคัญ คือ การที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 วงเงิน 3.6 แสนล้านบาท และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง ทั้งนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้นก็ไม่ได้สะท้อนถึงเศรษฐกิจในปัจจุบันของไทย แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนเริ่มมีความหวังว่าเศรษฐกิจในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้นได้

    “สัญญาณเศรษฐกิจตอนนี้ยังไม่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นแล้วจริงๆ หรือจะบอกว่าเศรษฐกิจยังแย่อยู่ คงบอกได้เพียงว่าเศรษฐกิจในปัจจุบัน ยังคงนิ่งๆ การจับการใช้สอยในด้านต่างๆ ไม่คึกคัก การซื้อบ้าน ซื้อรถ ก็ยังคงชะลอตัว แม้ว่าความเชื่อมั่นจะดีขึ้นมาจากเดือนก่อน เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อีกทั้งคนรู้ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะดีเมื่อไหร่ เนื่องจากเม็ดเงินของรัฐยังเข้ามาในระบบเศรษฐกิจไม่มาก”

    อย่างไรก็ตาม มองว่า รัฐบาลต้องพยายามเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เร็วที่สุด เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการใช้จ่าย และเห็นอนาคตเศรษฐกิจที่ชัดเจน ซึ่งหากสามารถเบิกจ่ายงบและอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ในช่วงเดือนพ.ย.นี้ จะยิ่งส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค และเศรษฐกิจ แต่หากรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช้า ก็จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และเศรษฐกิจฟื้นตัวลำบาก ทั้งนี้ยังคาดว่าในในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. นี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 2.2-2.4 ล้านคน แม้จะเป็นปริมาณที่ไม่มากนัก แต่ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ดีขึ้นบ้าง และเมื่อรวมกับการที่รัฐบาล อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ก็เชื่อว่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สำหรับ การเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้มองว่า จะขยายตัวได้ที่ 1.3-1.5% การส่งออกปีนี้จะขยายตัวที่ -0.5-0% ส่วนในปี 2558 มองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ที่ 4-5% โดยมีเงินในการลงทุนของภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของปีหน้า แต่ก็ต้องมีการจับตามองถึงการเติบโตของเศรษฐกิจโลกด้วย ด้านการส่งออกมองว่าจะขยายตัวได้ที่ 3-5% ภาคการบริโภคจะขยายตัวได้ที่ 2.5-4% และเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.3-2.8%

    นอกจากยังมองว่า ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาทนั้น รัฐบาลควรพิจารณาการไปกู้เงินจากแหล่งเงินทุนต่างประเทศมากขึ้น เพราะหากรัฐบาลเน้นการกู้เงินจากแหล่งเงินทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินตึงตัวได้ อาจจะทำให้ภาคเอกชนต้องกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อแผนการลงทุนของภาคเอกชนได้

      นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. 2557 อยู่ที่ระดับ 80.1 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก.ย. ที่ระดับ 79.2 โดยมีปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ได้แก่ รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 วงเงิน 3.6 แสนล้านบาท แยกเป็นเงินช่วยเหลือชาวนา 4 หมื่นล้านบาท และงบลงทุนต่างๆ อีก 3.2 แสนล้านบาท, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2558 ขยายตัว 4.1% เป็นผลมาจาก การขยายตัวการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะดีขึ้น และระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ปรับลดลง 2 บาท โดยราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ออกเทน 91 และ 95 อยู่ที่ระดับ 35.78 และ 33.78 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 29.39 บาทต่อลิตร ปรับลดลง 0.60 บาทต่อลิตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากกว่าปัจจัยลบ

     ส่วนปัจจัยลบที่กระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้แก่ การค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนก.ย. ที่ขาดดุลการค้า 1,798.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 9 เดือนแรก ขาดดุลการค้า 1,517.5 ล้านเหรียญสหรัฐ, สศค. ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2557 เหลือ 1.4% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 2%, ราคาพืชผลทางการเกษตรทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะข้าว ยางพารา และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งภัยแล้งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรต่ำกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งทำให้การบริโภคยังคงขยายตัวไม่สูงนัก, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย เป็นต้น

    สำหรับ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 69.6, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานโดยรวม อยู่ที่ 73.8 โดยโอกาสในการหางานทำในปัจจุบันเดือนต.ค. อยู่ 64.1 และการหางานทำในอนาคตอยู่ในระดับ 83.5 แสดงว่าประชาชนประเมินว่าในอนาคตเศรษฐกิจจะดีและจะมีการจ้างงานขึ้นกว่าในปัจจุบัน, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 97

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!