Details

Category: หอการค้า

Published: Thursday, 08 January 2015 21:59

Hits: 4066

ดัชนี เชื่อมั่นธ.ค.’57 สูงสุดรอบ 18 เดือน เหตุราคาน้ำมันลด-มาตรการดันศก.

     แนวหน้า : นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2557 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนธันวาคม 2557 ปรับตัวดีทุกตัว โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 81.1 ซึ่งปัจจัยบวกที่ทำให้ความเชื่อมั่นดีขึ้น ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.0% ต่อปี ราคาน้ำมันขายปลีกในไทยที่รับลดลง โดยแก๊สโซฮอล์ลดลง 3.70 บาทต่อลิตร ดีเซลลดลง 2.50 บาทต่อลิตร การจัดมหากรรมลดราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ เป็นเวลา 7 วัน ลดราคา 20-70% ทำให้การจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น

    สำหรับ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 70.5 เพิ่มจากระดับ 68.8 ในเดือนพฤศจิกายน 2557 และเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 17 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 74.6 เป็นอัตราสูงสุดในรอบ 20 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต เท่ากับ 98.3 สูงสุดในรอบ 20 เดือนเช่นกัน

   อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับลดประมาณการอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2557 ลงเหลือ 0.8% ปี 2558 เหลือ 4% จากเดิม 4.8% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) คาดว่าจะเติบโตเพียง 0.9-1% จากเดิม 1.2-1.7% การส่งออกในเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ลดลง 1% และรวม 11 เดือนปี 2557 ติดลบ 0.4% ขาดดุลการค้า 1,564 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลง 96 จุด เงินบาทที่อ่อนค่าลง และผู้บริโภคยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวในระดับสูง

      นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในเดือนธันวาคม 2557 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 81.1 นั้น เป็นการปรับตัวดีขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน หลังจากการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การที่เดือนธันวาคม 2557 ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยบวกเฉพาะกิจ ทั้งการลดลงของราคาน้ำมัน การจัดมหกรรมลดราคาสินค้าทั่วประเทศ การจ่ายเงินแก่ชาวนา และชาวสวนยางพารา ดังนั้นจึงมองว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ได้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน แต่ในภาพรวมก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

    “ในเดือนธันวาคมการลดลงของราคาน้ำมัน ทำให้ประชาชนประหยัดเงินลงได้ 5,000 ล้านบาท และหากเทียบจากเดือนมิถุนายน ซึ่งน้ำมันอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลงมาอยู่ในระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ในเดือนธันวาคม ทำให้ประยัดเงินได้ 10,000 ล้านบาท หรือปีละ 120,000 ล้านบาท ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มอีก 0.5% สำหรับราคาน้ำมันครึ่งปีแรก 2558 คาดว่าจะปรับลดลงไปอยู่ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และจะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในไทยลดลงอีก 2 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้ประชาชนเหลือใช้ประมาณ 150,000-180,000 ล้านบาท และจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าเศรษฐกิจครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ 2.5-3% ครึ่งปีหลัง 4.5-5% ทั้งปีจะขยายตัวได้ 3.5-4%”นายธนวรรธน์ กล่าว

     อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยั่งยืน ทั้งการเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ผ่านการเดินหน้าโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้เร็วขึ้น นำเงินงบประมาณค้างท่อ อาทิ จากโครงการไทยเข้มแข็งมาใช้จ่าย ดูแลอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเชื่อว่าหากมีการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีแรกได้