WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

 1BGGR

📍 กกร. เผย ศก. ไทยคงจีดีพี 3-3.5% ฉุดการส่งออกหดตัว -2 ถึง 0%

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยมีนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทยร่วมในการแถลงข่าว ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปี เผชิญผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรป และความกังวลเงินเฟ้อ ส่งผลให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศประเมินการเติบโตเศรษฐกิจโลกเพียง 3% สำหรับปีนี้ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากเมื่อเทียบกับอดีต

ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มแผ่วลงสะท้อนจากจีดีพีไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวเพียง 6.3% ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 7.3% และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่เป็นผลมากนัก ดังนั้น ภาคการส่งออกสินค้าของไทย จึงยังคงเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์โลกที่ชะลอตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้

 1 กกร

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีเผชิญผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรป และความกังวลเงินเฟ้อ ส่งผลให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศประเมินการเติบโตเศรษฐกิจโลกเพียง 3% สำหรับปีนี้ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากเมื่อเทียบกับอดีต ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มแผ่วลงสะท้อนจากจีดีพีไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวเพียง 6.3% ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 7.3% และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่เป็นผลมากนัก ดังนั้น ภาคการส่งออกสินค้าของไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์โลกที่ชะลอตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้

เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปียังมีความท้าทายสูง แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปีนี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวเป็นไปตามคาดที่ 29-30 ล้านคน แต่การใช้จ่ายต่อหัวยังต่ำอยู่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาเต็มที่ ทำให้การฟื้นตัวของบางจังหวัดท่องเที่ยวยังช้า ขณะที่แรงส่งต่อเศรษฐกิจจากอุปสงค์ภายในประเทศเผชิญปัจจัยท้าทายมากขึ้น

จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยต่อคนยังอยู่ต่ำกว่าปี 2562 ภาคครัวเรือนยังมีความกังวลต่อภาระค่าครองชีพ และห่วงว่าเศรษฐกิจจะถดถอย ซึ่งมากกว่าประเทศอื่น ประกอบกับความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับลดลง มีความกังวลต่อความยืดเยื้อของสถานการณ์ทางการเมือง การทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐ และการชะลอตัวของการส่งออก ที่ประชุมกกร.จึงมีความเป็นห่วง และต้องการเห็นการเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่โดยเร็ว

ปัญหาภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นมากกว่าคาด ปริมาณน้ำฝนสะสมในช่วง ม.ค.-ก.ค. 66 ต่ำกว่าระดับปกติในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลาง มีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าปกติถึง 40% เมื่อพิจารณาปริมาณน้ำในเขื่อนใช้การได้ ณ เดือนกรกฎาคม 2566 พบว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนในอยู่ในระดับวิกฤตใน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก

โดยเฉพาะภาคกลางและภาคตะวันตกมีปริมาณน้ำใช้การได้ใกล้เคียงกับปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่ไทยเผชิญภัยแล้งรุนแรง ประเมินว่าภัยแล้งอาจสร้างมูลค่าความเสียหายสูงถึง 5.3 หมื่นล้านบาท จึงต้องให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและผลกระทบต่อภาคการเกษตรในช่วงปลายปี 66 ถึงครึ่งแรกของปี 67 

 

กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ของ กกร.

%YoY

ปี 2566

(ณ มิ.ย. 66)

ปี 2566

(ณ ก.ค. 66)

ปี 2566

(ณ ส.ค. 66)

GDP

3.0 ถึง 3.5

3.0 ถึง 3.5

3.0 ถึง 3.5

ส่งออก

-1.0 ถึง 0.0

-2.0 ถึง 0.0

-2.0 ถึง 0.0

เงินเฟ้อ

2.7 ถึง 3.2

2.2 ถึง 2.7

2.2   ถึง 2.7

  

จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยล่าสุดระบุว่า ครัวเรือนไทยมีภาระหนี้สินโดยเฉลี่ยครอบครัวละ 5.59 แสนบาท สูงสุดในรอบ 15 ปี และมีจำนวนถึง 54% ที่มีหนี้สูงกว่ารายได้ โดยพบว่า เป็นหนี้นอกระบบสูงถึง 19.8% ของหนี้ทั้งหมด ที่ประชุมกกร.มองว่า ควรมีการผลักดันอย่างจริงจังให้นำข้อมูลหนี้สหกรณ์และการประมาณการหนี้นอกระบบที่เชื่อถือได้

รวบรวมไว้ที่ศูนย์ข้อมูลหนี้ เพื่อให้เห็นภาพรวมของข้อมูลที่ถูกต้อง นำไปสู่มาตรการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่แท้จริง และมีมาตรการที่ตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องรายได้ ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาโดยองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ

จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ภาคเอกชนมีความท้าทายทั้งด้านรายได้และเรื่องต้นทุน ที่ประชุม กกร. เสนอให้พิจารณาหาแนวทางการแก้ปัญหาค่าครองชีพและต้นทุนในการดำรงชีพในภาคประชาชน ที่สะท้อนมาจากราคาอาหารสำเร็จรูป และสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น และอาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก

จากปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน อาทิ ภาวะภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน อาจทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ความเสี่ยงโรคระบาดในปศุสัตว์จากสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงราคาพลังงานที่ยังผันผวน กกร. จึงเสนอให้ภาครัฐดูแลต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตสินค้าตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ปุ๋ย และอาหารสัตว์ รวมถึง ต้นทุนด้านอื่นๆ ให้กับผู้ประกอบการ

กกร. ได้มีการหารือถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ เพื่อใช้ประโยชน์จาก พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ.2562 ได้อย่างเต็มที่ โดยคณะทำงาน Ease of Doing Business ของ กกร. จะเข้าไปทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร. )ในการเพิ่มการใช้ Paperless เพื่อขอใบอนุญาตต่างๆ ให้มากขึ้น โดยศึกษาจากโครงการนำร่องของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

      กกร. ได้มีการหารือร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 โดยภาครัฐรับจัดทำ Water Balance ของแต่ละอ่างเก็บน้ำใหม่ และทบทวนแผนบริหารจัดการน้ำล่วงหน้า โดยเฉพาะอ่างฯ บางพระ อ่างฯ หนองปลาไหล และอ่างฯ ประแสร์ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจากเอลนีโญ ที่มี cycle ยาวนานและผันผวนมากขึ้น

     นอกจากนี้ กกร. ได้นำเสนอให้เร่งรัดโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นมาตรการสร้างความมั่นคงระยะยาวที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน และขอให้ทบทวนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ EEC และพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ การดำเนินการในพื้นที่ EEC (EEC sandbox) ที่มีกฎหมายเฉพาะพื้นที่ ต้องทำให้เป็นรูปธรรม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นๆของประเทศได้ต่อไป ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องนี้ จะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำและความรุนแรงของปัญหาหนี้บนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ยังพึ่งพาภาคเกษตร

 

Click Donate Support Web  

 

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

วิริยะ 720x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100sme 720x100AXA 720 x100ธกส 720x100

PTG 720x100ais 720x100 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!