WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

7 องค์กรภาคเอกชนได้สรุปเสนอคสช.-กรมจัดเก็บภาษีเสนอโครงสร้างใหม่ ชง7มาตรการปฏิรูปศก.

  แนวหน้า : 7 องค์กรภาคเอกชน ตกผนึกแนวทางร่วมกันแล้ว สรุป 7 มาตรการ ปฏิรูปเศรษฐกิจ เสนอให้ คสช.พิจารณาเร็วๆนี้ เช่น เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน ยกเครื่องภาษี พลังงาน การลงทุนทั้งรัฐ-เอกชน สกัดคอร์รัปชั่น กรมศุลกาการ ปรับพิกัดภาษีเหลือแค่ 5 อัตราเรยกเก็บ 0-20 % สั่งสรรพากร ปรับปรุงแผน จี้ประเด็นที่ยังเสียเปรียบสหรัฐ

  นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม 7 องค์กรภาคเอกชน ได้มีข้อสรุปแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อเสนอให้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีทั้งหมด 7 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะเรียงลำดับความสำคัญของการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง และบูรณาการการทำงานภาครัฐ เพราะต้องร่วมกันทำงานร่วมกันหลายกระทรวง เตรียมกระบวนการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรป เพื่อรองรับการหมดอายุของสิทธิพิเศษทางภาษีสหภาพยุโรป (จีเอสพี) ที่จะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ รวมทั้งควรจะส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย โดยการระบุในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐตามระเบียบกรมบัญชีกลางให้ซื้อสินค้าที่ผลิตภายในประเทศก่อน และควรเร่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)

    มาตรการที่ 2 ปฏิรูปกรอบการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยการส่งเสริมการใช้กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อระดมทุนและลดภาระของภาครัฐและเอกชน และเพิ่มทางเลือกในการออมของประชาชน และปฏิรูประบบการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ เช่น การสนับสนุนให้มีกลไกด้านการเงินสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ การแก้ไขกฎหมายการนำเงินผลกำไรกลับประเทศ ไม่ให้มีการเสียภาษีที่ซ้ำซ้อน การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการที่ต่างประเทศจะมาใช้ไทยเป็นฮับในด้านต่างๆ และเร่งรัดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน

    มาตรการที่ 3 ปฏิรูปการศึกษาและนวัตกรรม โดยการส่งเสริมการจัดการศึกษาในระบบทวิภาคีทั้งการศึกษาในระดับอาชีวศึกษา และสายสามัญ ตลอดจนการสร้างแรงจูงใจจามมาตรการภาษีให้กับเอกชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในระบบการศึกษาดังกล่าว และปรับปรุงงบอุดหนุนรายหัวระหว่างสายสามัญและสายอาชีพให้เสมอภาคกัน

    มาตรการที่ 4 แก้ไขปัญหาสังคมและลดความเหลื่อมล้ำ ภาครัฐควรจะออกมาตรการประกันภัยธรรมชาติภาคการเกษตร เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร และการสร้างระบบการออมระยะยาว เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะต้องมีการส่งเสริมการออมสำหรับแรงงานในระบบ และทบทวน พรบ.กองทุนการออมแห่งชาติสำหรับแรงงานนอกระบบ

    มาตรการที่ 5 ธรรมาภิบาลและการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น โดยการกำหนดให้คดีคอรัปชั่นไม่มีอายุความ และกำหนดให้เป็นคดีร้ายแรงไม่มีการรอลงอาญา การเพิ่มความโปร่งใสของข้อมูลภาครัฐ  การกำหนดให้ประชาชนเป็นผู้เสียหาย ในคดีคอรัปชั่นสามารถฟ้องร้องศาลได้ สนับสนุน เจตนารมณ์ 8 ประการ ขององค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) และเพิ่มงบประมาณใช้เทคโนโลยีให้กับสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

    มาตรการที่ 6 การแก้ไขปัญหากฎระเบียบ และกฎหมายต่างๆของภาครัฐ โดยเฉพาะการปรับปรุงระเบียบศุลกากร เช่น พิกัด ค่าปรับ ทบทวนสินบนนำจับของกรมศุลกากร แยกความผิดของความผิดพลาดทางเทคนิกส์ออกจากความผิดเจตนาหนีภาษี หรือขนของเถื่อน โดยให้มีบทลงโทษที่เหมาะสม แก้ไขเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้มีความเป็นธรรม เช่น เลิกภาระความรับผิดจากบทปรับที่ไม่จำกัด และปรับปรุงกระบวนการออกหรือต่ออายุ work permit ของนักธุรกิจชาวต่างชาติ

   นอกจากนี้ ขอให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมออกความเห็นในการออกมาตรการใดๆ ที่กระทบต่อภาคเอกชน เช่น กฎหมายผังเมือง เป็นต้น กำหนดแนวนโยบายระยะยาวด้านแรงงานต่างด้าวให้ชัดเจน และแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มบทบาทของเอกชนในการช่วยภาครัฐให้บริการแก่ประชาชนให้ดีขึ้น เช่น การออกหนังสือรับรองต่างๆ ,การตรวจทดสอบสินค้า และกิจกรรมส่งเสริม การค้า เป็นต้น

    มาตรการที่ 7 การสร้างโครงสร้างใหม่ในระบบเศรษฐกิจไทย เช่น การปฏิรูปพลังงานที่มุ่งไปสู่กลไกตลาด และไม่แทรกแซงราคาพลังงานในระยะยาว และปรับโครงสร้างหน่วยงานที่ส่งเสริมเอสเอ็มอี ให้รวมศูนย์ครบวงจรอยู่ในหน่วยงานเดียวกัน

    ด้านนายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เข้าพบกับพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยได้เข้าให้ข้อมูลถึง 4 เรื่องเร่งด่วน คือ 1.ขยายเวลาอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 2.ขยายระยะเวลาการลดอัตราจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล 3.ขยายระยะเวลาการลดอัตราจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ 4.รายงานผลการลงนามความร่วมมือร่วมกับสหรัฐอเมริกาเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายให้รายงานธุรกรรมทางการเงินบุคคลสัญชาติสหรัฐที่อยู่ นอกประเทศซึ่งมีผลประโยชน์ทางภาษีแฟตก้า (FATCA)

   โดยผลจากการหารือปรากฏ ว่า ทางคสช.ให้กรมกลับไปทบทวนเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายภาษี FATCA ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างประเทศกับสหรัฐอเมริกา โดย คสช.ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับบางรายการที่ยังเสียเปรียบกับสหรัฐอเมริกาในข้อกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงให้กลับมาเขียนเป็นแบบแผนรายงานเชิงปฏิบัติใหม่ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

   ทั้งนี้ กรมสรรพากรจะนำข้อมูลกลับมาทบทวนตามข้อเสนอของ คสช. เพื่อนำกลับมาให้คสช.พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อที่จะให้เห็นชอบก่อนเข้ารับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยรัฐบาลชุดใหม่ และจะต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร เพื่อออกเป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ให้มีผลบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ต่อไป

   ในส่วนของเรื่องอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ในขณะนี้อยู่อัตรา 20% ที่จะหมดอายุสิ้นปีนี้ โดยกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะให้ขยายเวลาไปอีก 1 ปี หรือจะคงที่ 20% ไว้แบบถาวร เช่นเดียวกับการขยายเวลาลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่ในส่วนภาษีแวตนั้นไม่มีปัญหาใดๆให้คงอัตราที่ 7% ไว้ 1 ปี หรือสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.58

    ด้านนายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เตรียมเสนอให้กับฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงเรื่องการปรับปรุงระบบกรมศุลกากรของไทยให้เป็นไปตามหลักองค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization : WCO) โดยมีแนวคิดที่จะปรับประเภทพิกัดให้เหลือ 5 พิกัด ในอัตราภาษีตั้งแต่ 0-20% ประกอบด้วย 0% เป็น ประเภทเครื่องจักร อัตรา 1% เป็นวัตถุดิบ อัตรา 5% เป็นกึ่งวัตถุดิบ อัตรา 10% เป็นสำเร็จรูป และอัตรา 20% เป็นสินค้าที่ประเทศให้ความคุ้มครอง จากที่ในขณะนี้มีอยู่กว่า 20 พิกัด อัตราภาษีตั้งแต่ 0-80%

     นอกจากนี้ ยังได้เสนอในเรื่องกฎหมายที่ยังคงค้างอยู่ของกรมศุล ให้กับคสช.พิจารณา ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับระบบ Nation Single Window (NSW)เกี่ยวกับการขนส่งผ่านแดน ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ว่าด้วยการนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในศุลกากร เพื่อให้มีข้อบังคับใช้เหมือนกันทั่วอาเซียน

    จากที่ก่อนหน้านี้กฎหมายดังกล่าวถูกตีตกไปหลังรัฐบาลชุดก่อนได้มีการยุบสภา แต่กฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณากฤษฎีกาไปแล้ว ส่งผลให้หากคสช.เห็นชอบ ก็สามารถประกาศเป็นกฎหมายมีผลใช้ได้เลย เนื่องจากกระบวนการต่างๆได้เสร็จสิ้นหมดแล้ว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!