WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FITสพนธ มงคลสธให้เวลา 6 เดือนแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สอท.ชี้‘สมคิด’รู้โจทย์แก้ปมสภาพคล่อง SME

   แนวหน้า : ให้เวลา 6 เดือนแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สอท.ชี้‘สมคิด’รู้โจทย์แก้ปมสภาพคล่อง SME-จี้รับมือสงครามค่าเงินช่วยส่งออก

    ภาคเอกชนหวังทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ครม.ตู่ 3 เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ ชี้“สมคิด”รู้ปัญหาดีเอสเอ็มอีได้รับการแก้ไขเรื่องสภาพคล่อง หอการค้า วอน เร่งหาแนวทางรับมือสงครามค่าเงิน ตั้งทีมแก้ข้อกล่าวหาต่างชาติที่ใช้เป็นข้ออ้างกีดกันการค้า มั่นใจทำงานเป็นทีมมากขึ้น

    นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ น่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ระดับหนึ่ง เพราะเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนมาอย่างยาวนาน ภาคเอกชนมั่นใจว่า มาตรการที่ทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดจะนำออกมาใช้เพิ่มเติม จากมาตรการที่มีอยู่ในขณะนี้ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ประชาชนมั่นใจในแผนกอบกู้สภาพเศรษฐกิจ จนทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินหลังจากที่ชะลอการใช้เงินมาในระยะหนึ่ง เพราะไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ

    “ภาคเอกชนตั้งความหวังกับนายสมคิดและทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดไว้สูง เพราะก่อนหน้านี้นายสมคิด ก็พยายามเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องของเอสเอ็มอีมาโดยตลอด แสดงว่านายสมคิดมองเห็นปัญหาและวิธีการแก้ไขเพราะเอสเอ็มอี คือการจ้างงานระดับรากหญ้า ที่กระจายการตั้งกิจการอยู่ทั่วประเทศ หากทำให้เอสเอ็มอีมีการลงทุน การจ้างงานก็จะเกิดขึ้นตามมา เม็ดเงินระดับรากหญ้าก็จะหมุนเวียน เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติ ในอีกระยะเวลาใด คงต้องให้เวลาการทำงานของทีมงานนายสมคิดอีกระยะหนึ่ง”

    นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานหอการค้าไทย กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า สิ่งที่อยากฝากให้ ครม. ชุดใหม่เข้ามาดูแลเป็นการเร่งด่วนก็คือ นโยบายด้านการเงินเนื่องจากขณะนี้หลายประเทศแข่งขันกันส่งออกโดยใช้สงครามค่าเงินเข้ามาเป็นอาวุธทำให้ค่าเงินในภูมิภาคไม่มีเสถียรภาพซึ่งในส่วนของประเทศไทยจะต้องดูแลให้เงินบาทมีอัตราที่เหมาะสมกับการส่งออกให้มากที่สุด ส่วนการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย หรือไอยูยู และเทียร์ 3 ที่ผ่านมาค่อนข้างดำเนินการได้ดีแต่ควรมีการจัดตั้งไทยทีมที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เข้ามาจัดรูปแบบเป็นกระบวนการชี้แจง แก้ต่าง หรือตอบโต้ข้อกล่าวหาจากต่างชาติ

     นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ขนส่งทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ น่าจะดีกว่าเดิม เนื่องจากยุทธศาสตร์การทำงานและแผนงานที่นายกรัฐมนตรีวางไว้ ตั้งแต่แรก เมื่อปีก่อนที่เป็นการบริหารงานแบบปกติ เมื่อมาถึงขณะนี้ อาจจะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่แย่ลง ,ปัญหา ICAO, เทียร์ 3, อุยกูร์ ซึ่งจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำงานใหม่

    “การได้ทีมงานใหม่ ที่ไว้วางใจ และให้อำนาจการบริหารงานเต็มที่จะทำให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากทีมเศรษฐกิจของ รองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ทำงาน ควบคู่มากับนายกรัฐมนตรีตั้งแต่แรกจึงรับรู้ปัญหาของประเทศมาตลอด และได้เลือกทีมทำงาน ที่ทำงานเข้าขากัน จึงน่าจะทำงานได้เลยไม่ต้องเสียเวลา สำหรับผลงานจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู ว่าภายใน 3-6เดือน จะมีการแก้ไขปัญหา ได้ดีขึ้นจริงหรือไม่”

    ทั้งนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการคือ ต้องการให้ ครม.ใหม่มีการระบุภารกิจการทำงานเร่งด่วนให้ชัดเจนมีเป้าหมายอย่างไร ว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง เช่น 3 เดือน 6 เดือน จนถึง 1 ปี จะมีแผนงานอย่างไร โดยต้องการให้ทุกกระทรวงทำงานร่วมกันไม่ใช่แยกกันทำงานอย่างที่ผ่านมา ซึ่งหากทำได้ จะทำให้ภาคเอกชน ประชาชนเกิดความมั่นใจมากขึ้น รวมทั้งอยากให้รัฐและเอกชนมีการมาปรึกษาหารือกันทุกเดือน ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยไม่ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่จะมีประชุมทุก 3 เดือน

    นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูลย์ ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ชุดใหม่คงจะสานต่อ ครม.ชุดเดิมได้เป็นอย่างดี เพราะหากพิจารณาเป็นรายบุคคล คุณสมบัติทีมเก่ากับทีมใหม่ก็ไม่ต่างกัน โดยอยากให้มีการสานต่อโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายคมนาคม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการวางรากฐานประเทศ ส่วนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ ก็สามารถทำได้ เนื่องจากไทยมีฐานะการเงินการคลังที่แข็งแกร่ง แต่มองว่าคงจะเป็นมาตรการเดิมๆ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อใหม่เท่านั้น

    ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงการปรับ ครม.ชุดใหม่ ว่า การปรับ ครม.มีขึ้นเป็นระยะอยู่แล้ว เชื่อจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่ในด้านการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องอาศัยปัจจัยอื่นสนับสนุน เช่น เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโดยทั่วไป ความต้องการซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงเล็กน้อย ส่วนมาตรการที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูแล คือ ช่วยคนที่มีรายได้น้อยให้มีบ้านหลังแรก

   ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงการปรับ ครม.ชุดใหม่ ว่า เป็นไปที่หวังของประชาชนว่าจะมีการทำงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ แต่เท่าที่ดูเห็นว่าทีมเศรษฐกิจไม่แตกต่างจากชุดเดิม เพราะทั้ง 2 ทีม ทำงานร่วมกันบางส่วนอยู่แล้ว ซึ่งการที่ภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นทันทีทันใดคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำมาจากปัญหาหลายด้าน รวมทั้งปัญหาการเมือง ดังนั้น สิ่งที่ ครม.ชุดใหม่ต้องทำ คือการประคับประคองสถานการณ์ให้ดีขึ้น และให้มีเม็ดเงินสู่ประชาชนระดับรากหญ้า เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ฝากหวัง ดรีมทีม ศก.แก้สร้างความหวังใหม่แก้ปัญหาปากท้องเร่งดูดเชื่อมั่น

    บ้านเมือง : เอกชน ชี้ ดรีมทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ไม่ต่างจากชุดเดิม แต่ก็สร้างความหวังของประชาชน ช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ให้กำลังใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ฝากหวัง ประคับประคองให้ดีขึ้น เร่ง อัดเงินลงรากหญ้าบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ยอมรับผลกระทบระเบิดที่ราชประสงค์ สร้างความไม่มั่นใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งรายชื่อเป็นไปตามโผที่มีการรายงานข่าวมาก่อนหน้านี้ในการปรับทีมเศรษฐกิจ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีดูแลงานด้านเศรษฐกิจ แทนทีมงานของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และมีทีมคณะรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว

    กระทรวงสำคัญๆ ทางเศรษฐกิจ อาทิ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรรชกา สีบุญเรือง เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอุตตม สาวนายน เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฯลฯ

   นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ว่า เป็นตามที่หวังของประชาชนว่าจะมีการทำงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ แต่เท่าที่ดูเห็นว่าทีมเศรษฐกิจไม่แตกต่างจากชุดเดิม เพราะทั้ง 2 ทีมทำงานร่วมกันบางส่วนอยู่แล้ว ซึ่งการที่ภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นทันทีทันใดคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำมาจากปัญหาหลายด้านรวมทั้งปัญหาการเมือง ดังนั้นสิ่งที่ ครม.ชุดใหม่ต้องทำ คือการประคับประคองสถานการณ์ให้ดีขึ้น และให้มีเม็ดเงินสู่ประชาชนระดับรากหญ้า เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

     สำหรับ ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศนั้น เห็นว่าหากได้บุคคลที่อยู่ในแวดวงการทูตเข้ามาทำหน้าที่ก็จะสามารถช่วยอธิบายสถานการณ์ประเทศไทยให้มิตรประเทศมีความเข้าใจมากขึ้น เนื่องจากต้องยอมรับว่ารัฐมนตรีที่มาจากทหารไม่ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ จึงไม่มีโอกาสไปอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจ

   ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ ยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย โดยยังไม่รู้สาเหตุ แต่เชื่อว่าคนไทยไม่มีวิสัยทำลายผู้บริสุทธิ์ โดยหวังให้ทางการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว และเห็นว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นจุดหล่อหลอมให้คนไทยไม่ทะเลาะกันกลับมามีความรักสามัคคีกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงและอาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไม่มีความเป็นห่วงการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องของการระบายข้าวและการดูแลค่าครองชีพของประชาชน อย่างไรก็ตามตนได้ขอให้ข้าราชการทุกคนปฏิบัติตามแผนที่ได้วางไว้ แม้บางเรื่องจำเป็นต้องใช้ระยะเวลากว่าจะเห็นผล จึงขอให้ทุกคนอดทน โดยให้ทุกคนคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักและเชื่อว่ารัฐมนตรีคนใหม่จะสามารถสางงานต่อได้ทุกเรื่องที่ค้างอยู่ไม่มีปัญหา

    นายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า ได้ตอบรับตามคำเชิญของหนังสือจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ให้ไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หลังจากพ้นตำแหน่ง รมว.คลังแล้ว ขณะเดียวกันยังได้รับหนังสือขอบคุณจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน เป็นการจากกันด้วยดี และพอใจกับการทำงานในตำแหน่ง รมว.คลัง ในช่วงที่ผ่านมา เพราะสามารถผลักดันงานหลายส่วนให้เดินหน้าจากช่วงแรกที่คิดว่าจะเหนื่อยก็ไม่ค่อยเหนื่อยมาก เพราะตนมีใจในการทำงาน

    ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ไม่คิดจะเป็นที่ปรึกษา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะไม่อยากจะเห็นการแบ่งแยกในการทำงาน และอยากสนับสนุนให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากการมีที่ปรึกษาไปจับจ้องและจี้งานทำให้ไม่สามารถทำงานได้ จึงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับนายสมคิดอีก

กระตุ้นบริโภค-ดึงเชื่อมั่นนักลงทุน ภาคเอกชนฝากการบ้านทีมเศรษฐกิจชุดใหม่

     แนวหน้า : ภาคเอกชนชี้ทีมเศรษฐกิจต้องทำงานหนักเพราะเจอสารพัดปัญหาทั้งในและต่างประเทศ งานด่วนที่ต้องจัดการคือกระตุ้นการบริโภคและรายได้ประชาชน สานต่อโปรเจกท์ต่างๆ สร้างบรรยากาศการลงทุน ด้าน“สมหมาย” ฝากงาน รมว.คลังคนใหม่ ดันภาษีที่ดิน กู้เงินล้างหนี้ประเทศ 7.3 แสนล้าน ปิดช่องโหว่ภาษี แก้กฎหมายขยายเวลาเช่าที่ดิน 50 ปี

    นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวถึงทีมเศรษฐกิจ ของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ชุดใหม่ ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นำทีมดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ว่า ส่วนตัวก็มองว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถ และเชี่ยวชาญด้านงานเศรษฐกิจอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่าการทำงานของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะดูแลเศรษฐกิจของประเทศได้ และตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่แน่นอน

    อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าไม่ว่าจะเป็นทีมเศรษฐกิจชุดไหน หากเข้ามาทำงานในช่วงชั่วโมงก็ถือว่าต้องทำงานหนัก เพราะเศรษฐกิจตอนนี้มีปัญหาที่ต้องให้แก้ไขค่อนข้างมาก และยากพอสมควร เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังแย่ และไทยก็ได้รับผลกระทบจากทั้งภายนอกและภายในประเทศด้วย

     “ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะแก้ปัญหาได้มากกว่าเดิมหรือไม่ต้องรอดูต่อไป เพราะปัญหาต่างๆ เป็นปัญหาโครงสร้าง ซึ่งทีมเศรษฐกิจต้องทำงานหนักหน่อย แต่ก็เชื่อว่าจะทำได้ แต่ต้องยอมรับประเทศไทยไม่ได้อยู่ในภาวะที่ปกตินัก มีทั้งปัญหาภายนอกและภายใน ดังนั้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะแก้ให้ได้ในเร็ววันคงยาก”

   สิ่งที่รัฐบาลและทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ต้องเร่งแก้ไขคือเรื่องของการบริโภคภายในประเทศ รายได้ของประชาชน รวมทั้งโครงการต่างๆ ที่ทีมเศรษฐกิจชุดก่อนทำไว้ ก็ต้องทำให้ต่อเนื่อง ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างบรรยากาศการลงทุน การสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ การแก้ไขช่วยเหลือ SMEs ที่กำลังประสบปัญหาในขณะนี้ รวมถึงจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อย่างไรในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเป็นแบบนี้ เป็นต้น

   นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกูล ที่ปรึกษาสภาหอการค้าไทยกล่าวว่าไม่มีอะไรตื่นเต้นกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เพราะมองว่าทีมชุดเดิมก็ทำงานดีอยู่แล้ว การแก้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวของ ครม. แต่เป็นการวางแผนยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจมากกว่า เพราะที่ผ่านๆ มา มีแต่การแก้ไขเศรษฐกิจในช่วงเวลาสั้นๆ หากชุดใหม่เข้ามาอยากให้พิจารณาแผนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้อย่างต่อเนื่อง

   “ไทยอาจต้องมีการวางแผน 20 ปีของโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ หรือการลงทุนการผลิตในข้างหน้า 20 ปี เช่น สินค้าเกษตรไทยต้องมีมาตรฐานการผลิต หรือ GAP ซึ่งเป็นระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่ดีเพราะวันนี้เรามีตำรา มีมาตรฐานมากมาย หากมีการลงมือทำและนำเงินเข้าไปช่วยเหลือ เข้าไปลงทุน ก็จะทำเศรษฐกิจในระยะสั้นดีขึ้นด้วย เพราะมีการลงทุน”

   ขณะที่นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.คลังเปิดเผยว่า ได้หารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่เข้ามาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่แล้วถึงการดำเนินงานที่จะให้ รมว.คลังใหม่ เข้ารับทำหน้าที่ต่อ ซึ่งมีเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นมาตรการระยะยาว 5 เรื่อง ประกอบด้วย 1.เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ในขณะนี้ได้เสนอ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเทวกุล รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายปฏิรูปโครงสร้างภาษีของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

    สำหรับ เรื่องที่ 2 คือ การออกกฎหมายพิเศษล้างหนี้ของประเทศทั้งหมด 7.3 แสนล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะกู้เงินเพื่อบริหารจัดการหนี้ทั้งหมด ประกอบด้วยหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว หนี้ชดเชยการขาดทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และหนี้ค้างจ่ายสมทบจากกองทุนประกันสังคม ซึ่งได้เสนอให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พิจารณาแล้วเช่นกัน

    เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องมาตรการทางภาษีที่ที่ต้องปิดช่องโหว่ ป้องกันไม่ให้รั่วไหล โดยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เชิญนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร หารือและกำชับเรื่องดังกล่าวให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และให้หาวิธีให้ผู้ที่เสียภาษีมีความรู้สึกยินดีที่เข้ามาเสียภาษี ซึ่งอธิบดีกรมสรรพากร ก็ได้กล่าวว่า ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว

   ส่วนเรื่องที่ 4 เป็นเรื่อง แก้ไขกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุเพื่อทำโครงการเชิงพาณิชย์ได้เป็นเวลา 50 ปี จากเดิม 30 ปี และการเช่าที่ระหว่างรัฐกับรัฐที่อาจจะขยายเวลาการเช่าให้ได้ถึง 99 ปี ซึ่งเชื่อว่าหากระยะเวลาการเช่ามีมากขึ้น ก็จะทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้นตาม ส่งผลให้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะที่เรื่องที่ 5 เป็นเรื่องที่ดำเนินการอยู่ คือ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่จะเปิดตัวในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล

    นายสมหมาย กล่าวว่า ส่วนมาตรการระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับ รมว. คลังคนใหม่และนโยบายของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร“มาตรการระยะสั้นๆ ปล่อยให้เป็น ครม.ใหม่จัดการ อาจมีเข็มฉีดยาที่ใหม่ และอาจฉีดได้เร็วกว่า”นายสมหมาย กล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!