WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

28 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 09:55 น. ข่าวสดออนไลน์


เช็กวงจรปิด 355 ตัว ล่าฆ่า 2 ฝรั่งเกาะเต่า

     จากคดีฆาตกรรมสยอง 2 หนุ่มสาวฝรั่งเมืองผู้ดี นายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และน.ส.ฮันนาห์ วิเทอริดจ์ อายุ 24 ปี บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ตำรวจสอบสวนและตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยชุดแรกทั้งแรงงานต่างด้าวและเพื่อนชาวฝรั่ง ต่อมาตรวจสอบดีเอ็นเอเจ้าของบาร์เบียร์ ล้วนไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่เก็บได้จากจุดเกิดเหตุ ทำให้คดีต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ โดยการจัดทีมชุดสืบสวนจำนวนมากลงพื้นที่ควานตัว ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผบ.ตร. ยืนยันผลดีเอ็นเอพบคนร้ายเป็นคนเอเชียแน่นอน ขณะที่รมว.การท่องเที่ยวเผย พ่อแม่ 2 ฝรั่งส่งจดหมายจี้ตำรวจเร่งคลี่คดีและจับกุมคนร้าย ตามข่าวที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 
     ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 8 ส่วนหน้า (ศปก.ภ.8 สน.) เกาะเต่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.เกาะเต่า อ.เกาะ พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรศรี รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบช.ภ.8 เดินทางร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ร่วมกับพล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รรท.ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี และทีมชุดสืบสวนเข้าร่วมประชุมรายงานการสืบสวน โดยห้ามผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง นอกจากนี้ ยังมีกระดาษแผ่นสีขาวปิดทับช่องประตูกระจกทางเข้าห้องประชุม ไม่ให้บุคคลภายนอกมองเห็นด้านใน
      การประชุมดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีรายงานเผยว่า ระหว่างการประชุมมีตำรวจชุดสืบสวนนายหนึ่งเดินถือกีตาร์ใส่ถุงดำขึ้นไปบนอาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.เกาะเต่า เพื่อจะนำเข้าไปในห้องประชุม แต่ถูกตำรวจนายหนึ่งบอกว่า กำลังมีการประชุมอยู่ ตำรวจชุดสืบสวนจึงนำถุงกีตาร์กลับลงมาและบอกผู้สื่อข่าวว่าเป็นของตนเอง ก่อนที่ตำรวจคนดังกล่าวจะรีบขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่ออกไปทันทีโดยไม่รอเวลาเลิกประชุม

    ต่อมา พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภาค 8 เปิดเผยว่า ล่าสุดได้พยานหลักฐานบางอย่างที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องสงสัย โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่งานพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบหาความเชื่อมโยงกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนเกาะเต่าที่มีอยู่ทั้งหมด 355 ตัวมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ความเชื่อมโยงของกล้องแต่ละตัวจนพบว่ามีบุคคลที่เข้าข่ายต้องสงสัยเป็นคนไทย และจะต้องตรวจสอบซ้ำอย่างน้อย 50 คน

      พล.ต.ท.ปัญญากล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากกำลังแยกกันดูภาพจากภายในกล้องวงจรปิด และพยายามดูความเชื่อมโยงกับจุดที่เกิดเหตุ และจุดที่ใกล้ที่เกิดเหตุ โดยกลุ่มคนที่เข้าไปในบริเวณดังกล่าวในช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเวลา 06.00 น. เฉพาะคนเอเชียมีประมาณ 50 คน ที่เห็นผ่านกล้อง และกำลังตรวจสอบให้เจอตัวบุคคลทั้งหมดอยู่ 

     ผบช.ภาค 8 กล่าวว่า บุคคลทั้ง 50 คนนั้นเป็นได้ทั้งกลุ่มผู้ต้องสงสัย และเป็นได้ทั้งพยานที่จะช่วยการสืบสวนสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนเอเชียที่ไม่เห็นผ่านกล้องอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ภาพในกล้องวงจรปิดไม่มีส่วนใดถูกลบออกไป และทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชาวบ้านก็มาช่วยดูภาพในกล้องวงจรปิดว่าเป็นบุคคลใด การดูข้อมูลในสิ่งเหล่านี้จะได้ข้อสรุปและสามารถที่จะเอาจุดต้องสงสัยเหล่านั้นมาเป็นจุดในการติดตาม และนำไปใช้เชื่อมโยงกับสิ่งที่ได้ในที่เกิดเหตุได้
       พล.ต.ท.ปัญญากล่าวอีกว่า ล่าสุดนี้มีวัตถุพยานบางส่วนที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้และส่งไปที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อที่จะตรวจสอบ และเพื่อยืนยันบางสิ่งบางอย่าง อีกส่วนหนึ่งได้รับเบาะแสมาว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เรากำลังตรวจสอบอยู่ว่า มาเกี่ยวข้องกับจุดเกิดเหตุหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ยังดำเนินการติดตามหาความชัดเจน ตามที่มีข้อมูลเบาะแสทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งการวิเคราะห์กล้องวงจรปิด
     ในส่วนของภาพวงจรปิด พล.ต.ท.ปัญญากล่าวว่า ทั้งหมดเก็บมาจากกล้อง 355 ตัว ทั้งบนเกาะและเก็บถึง จ.ชุมพร เกาะสมุย ท่าเรือดอนสัก พื้นที่ที่ผู้ต้องหาจะไปขึ้นฝั่งได้ทั้งหมด บุคคลดังกล่าวอยู่ในบริเวณรัศมี 600 เมตรจากที่เกิดเหตุ และปรากฏตัวในเวลา 02.00-04.00 น. บริเวณเอซี.ผับ ซึ่งตอนนี้การติดตามตัวกลุ่มบุคคลในกลุ่มเป้าหมายยังได้ไม่ครบทุกคน และบางคนหายไปโดยไม่มีเหตุความน่าเชื่อถือ
      "ทุกคนที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุทั้งพยานและผู้ที่พยายามแสดงตัวบอกตำรวจว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงขอบอกว่าตอนนี้ทุกคนมีสิทธิ์เป็นผู้ต้องสงสัย ตำรวจจึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะการทำงานทุกอย่างต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ จากนี้เรียกว่า เกมวัดใจ ถ้าเจอตัวจริงก็เจอเลย" พล.ต.ท.ปัญญากล่าว
       ผบช.ภาค 8 กล่าวด้วยว่า เนื่องจากตำรวจที่ลงไปสืบสวนทำคดีไม่ใช่คนท้องถิ่นการสืบสวนจึงไม่ง่าย แต่ถ้ายังมีพยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์ไม่ยอมบอกข้อเท็จจริงกับตำรวจ และมีการปกปิดความจริงบางอย่าง เช่น บุคคลที่ตื่นขึ้นมาในช่วงเกิดเหตุแล้วปรากฏในภาพวงจรปิด เจ้าหน้าที่ต้องสงสัยก่อนว่า เขาตื่นขึ้นมาทำอะไรแล้วไปยังบริเวณที่เกิดเหตุทำไม เจ้าหน้าที่ต้องการคำตอบนี้ แต่เมื่อคนในพื้นที่ยังไม่ยอมให้ความร่วมมืออย่างนี้คดีก็จะยังคลี่คลายไม่ได้
      พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้บีบวงแคบลงเหลือกลุ่มผู้ต้องสงสัยประมาณ 20 คน และมีบางส่วนได้จัดเก็บดีเอ็นเอกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่เป็นแรงงานต่างด้าวและคนไทยส่งไปตรวจเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอที่พบในร่างของน.ส.ฮันนาห์ และก้นบุหรี่ที่พบใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะนี้กำลังรอผลจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ คาดว่าจะรู้ผลในวันที่ 27 ก.ย. ส่วนกีตาร์ไม่น่าจะเชื่อมโยงกัน
      มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจชุดสืบสวนสันนิษฐานว่า คนที่หายไปจากเกาะเป็นกลุ่ม ผู้ต้องสงสัยไว้ก่อน ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ประกบชายต้องสงสัย 3 รายแล้ว เป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 คน และชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช 1 คน คาดหลังจากหลักฐานบางอย่างที่นำมาตรวจสอบตรงกัน ก็จะสามารถคลี่คลายคดีได้ในทันที
      ส่วนที่ศาลาวัดเจริญสันติธรรม ต.เกาะเต่า พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี พร้อมนายทวีศักดิ์ อินทร์พรหม นอภ.เกาะพะงัน ได้ประชุมทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและประชาชนบนเกาะเต่า เป็นวันที่ 2 ให้นำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนทำประวัติให้ถูกต้อง
      นางวรรณี ไทยพาณิชย์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เหตุการณ์ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรมบนเกาะเต่า ได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงเกาะพะงันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกาะเต่าเป็นส่วนหนึ่งของเกาะพะงัน ดังนั้น เมื่อเกาะเต่ามีปัญหามักมีคนพูดไปถึงงาน ฟูลมูนปาร์ตี้บนเกาะพะงันตามมาว่า เป็นแหล่งอบายมุขต่างๆ นานา เพราะการท่องเที่ยวมีการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน 
      "เหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมแบบนี้บนเกาะเต่า ผู้ประกอบการพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวกลับคืนมา และมีความคิดเห็นกันว่าจะหยิบยกเอาเรื่องการดำน้ำดูปะการังมาแก้จุดที่เสียหาย เนื่องจากการดำน้ำที่เกาะเต่าเป็นสถานที่ดำน้ำดูปะการังที่สวยที่สุดติดอันดับโลก จึงขอให้ผู้ประกอบการช่วยกันประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจและติดตามว่า ทำไมเจ้าหน้าที่พูดแต่เรื่องดีเอ็นเออย่างเดียว ไม่มีการพูดถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่จะตามมา" นางวรรณีกล่าว
     ด้านนายเสนีย์ ภูวเศรษฐถาวร นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย อ.เกาะสมุย และที่ปรึกษาผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคมทุกปีเป็นช่วงโลว์ซีซั่น (นอกฤดูท่องเที่ยว) ผลกระทบยังไม่รุนแรงนัก มีประมาณร้อยละ 10-15 แต่หากเป็นหน้าไฮซีซั่น (ฤดูท่องเที่ยว) จะเห็นชัดเจนและมีผลกระทบมากกว่า ซึ่งในวันที่ 28 ก.ย. นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาและคณะจะลงไปพบร่วมหารือภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกาะเต่า ที่วัดเจริญสันติธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!