WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

  วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8805 ข่าวสดรายวัน


ร้องก.ตร.ผกก.โดนล้างบาง 
73 พตอ.พ้นนครบาล ขู่ฟ้องถึงศาลปกครอง 'ศรีวราห์'ยันทำถูกต้อง

      ผกก.นครบาลรวมตัวร้องก.ตร. ขอความเป็นธรรมถูกผบช.น.เสนอย้ายออกนอกหน่วยกราวรูด ระบุข้ออ้างความผิดเรื่องป้ายโฆษณาเป็นการเลือกปฏิบัติ อีกทั้งผลการสอบและการลงโทษก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจะร้องศาลปกครองต่อไป ขณะที่"ศรีวราห์"ย้ำเหตุที่ต้องย้ายเพราะมีความผิด เรื่องป้ายเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ยังมีความผิดอื่นๆ ทั้งส่วย บ่อน งานบกพร่อง ยืนยันทำทุกอย่างตามกฎระเบียบ เผยมีนายตำรวจต้องถูกเด้งพ้นนครบาลมากถึง 73 นาย แบ่งเป็นรองผบก. 14 นาย ผกก. 59 นาย ขณะที่ "ประวุฒิ"แจงในส่วนบช.ก.มีโยกย้ายแค่ 100 นาย ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายเก่าของ"บิ๊กกิ๊ก"

       เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผกก.สถานีตำรวจนครบาลหลายโรงพักรวมกลุ่มยื่นหนังสือถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผบ.ตร.ในฐานะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม โดยหนังสือมีเนื้อหาสรุปว่า ด้วยพวกกระผมถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบราชการ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทำให้เสียระเบียบแบบแผนของตำรวจอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยมีการหยิบยกการสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณ ที่สนับสนุนการสร้างป้อมจราจร 

       อีกส่วนหนึ่งได้ติดตั้งป้ายแอลอีดี ซึ่งได้ติดตั้งตามผู้บังคับบัญชาระดับบช.น.สั่งการให้อำนวยความสะดวก และแบ่งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับตร. บช.น. และระดับบก.น.1-9 โดยคณะกรรมการระดับตร.สืบ สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับป้ายโฆษณาของบริษัทแพลนบี จำกัด ซึ่งยังไม่มีผลสรุปการสืบสวน คณะกรรมการระดับบช.น. ผลการสืบสวนยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด และคณะกรรมการระดับบก.น.1-9 ผลก็ยังไม่เป็นข้อสิ้นสุดเช่นกัน ดังนั้นกลุ่มผู้ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าผิดหรือไม่ผิด

พวกกระผมกลุ่มข้าราชการตำรวจผู้ถูกกล่าวหาขอเรียนดังนี้ 1.การสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณที่สนับสนุนการสร้างป้อมจราจร และการติดตั้งป้ายแอลอีดีก็มีอยู่ในบช.ภาค 1-9 ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว แต่ไม่มีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง คงมีแต่เฉพาะในบช.น.เท่านั้นอันเป็นการเลือกปฏิบัติ 2.ไม่มีมาตรฐานในการลงทัณฑ์ เนื่องจากกรรมการของแต่ละส่วนทั้งระดับบช.น. และบก.น. ซึ่งในความผิดฐานเดียวกัน บางบก.น.ยุติเรื่อง บางบก.น.กักยาม และบางบก.น.ภาคทัณฑ์ แต่เมื่อเสนอทัณฑ์ไปยังบช.น. ก็ยังไม่มีข้อยุติในการพิจารณาการลงทัณฑ์ไปในแนวทางเดียวกัน

3.สำหรับกรณีเสนอผู้ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายไม่ครบ 2 ปี ซึ่งการปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งอีกทั้งในหน่วยและนอกหน่วยบช.น. ซึ่งต้องขอยกเว้นไปยังคณะกรรมการฯยกเว้น ซึ่งตร.เป็นผู้แต่งตั้งได้มีหมายเหตุข้างท้ายว่า "ก่อให้เกิดความเสียหายสมควรปรับย้าย" แต่มีการปรับย้ายโดยไม่รอผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยมีกรอบยกเว้นหลักเกณฑ์คือต้องเสนอรายชื่อในวันที่ 17-19 ธ.ค.2557 อีกทั้งผู้ถูกลงทัณฑ์สามารถอุทธรณ์การลงทัณฑ์ได้ แต่ยังมิได้รอผลการอุทธรณ์ กลับนำมาประกอบการพิจารณาปรับย้ายในวาระนี้อย่างเร่งรีบ

4.กรณีผู้ดำรงตำแหน่งครบกำหนดวาระระยะเวลา 2 ปี จึงได้ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จึงน่าจะมีหมายเหตุข้างท้ายว่า "ก่อให้เกิดความเสียหายสมควรปรับย้ายแต่ไม่มีการปรับย้าย" โดยไม่รอผลจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว อีกทั้งผู้ถูกลงทัณฑ์สามารถอุทธรณ์การลงทัณฑ์ได้แต่ยังมิได้รอผลการอุทธรณ์ แต่กลับนำมาพิจารณาปรับย้ายในวาระนี้อย่างเร่งรีบ

      5.บช.น.พยายามเร่งรัดผลการดำเนินการทางวินัยไปยังแต่ละบก.น. และกรรมการ บช.น.ให้พิจารณาผลการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยไม่ปฏิบัติตามกรอบและเงื่อนไขระยะเวลาตามกฎก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยเล็งเห็นว่า หรือประสงค์ต่อให้ทันวาระการแต่งตั้งประจำปี เพื่อเป็นเหตุให้หยิบยกในการพิจารณาข้อบกพร่องหรือข้อเสียหายดังที่ปรากฏหนังสือทวงถามไปยังแต่ละบก.น. หรือคณะกรรมการ บช.น. โดยเร่งรัดการรายงานผลว่า บุคคลผู้ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ก่อความเสียหายให้แก่หน่วยหรือไม่ จึงเป็นการเร่งรัดคณะกรรมการเกินกรอบ และเงื่อนระยะเวลาตามที่กำหนดดังกล่าว

       6.คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ยังไม่ได้รวบรวมพยาน หลักฐาน หรือสอบปากคำ ผู้เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน เพื่อประกอบคำพิจารณาทัณฑ์ให้แล้วเสร็จ ดังที่ได้ปรากฏหลักฐานตามที่ได้แจ้งกลับตามผู้ถูกกล่าวหาทุกนาย 

       จึงเรียนมาเพื่อขอความเป็นธรรมต่อก.ตร. คือ 1.ให้ชะลอการแต่งตั้งจนกว่าจะทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในความผิดที่ถูกกล่าวหา 2.หากจะนำเรื่องการสร้างป้อมจราจรและป้ายผู้มีอุปการคุณในการสร้างป้อมจราจร การติดตั้งป้ายแอลอีดีมาพิจารณาในการโยกย้าย ให้พิจารณาให้เท่าเทียมกันทุกบช. เพื่อเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน 3.ขอสงวนสิทธิ์ในการฟ้องร้องคดีตามกฎหมายต่อไป

      ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มผกก.ที่เข้ายื่นร้องขอความเป็นธรรม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าถูกย้ายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมจะร้องศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป

      วันเดียวกันที่บช.น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงการโยกย้ายผกก.ออกนอกนครบาลกว่า 60 สน. จากทั้งหมด 88 สน. ว่า เบื้องต้นได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว โดยดำเนินการตามประกาศคสช. ฉบับที่ 88/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ โดยให้ก.ตร.พิจารณา และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการอยู่แล้ว

     "ไม่ทราบเลยว่ามีนายตำรวจในสังกัดบช.น.ไปร้องทุกข์กับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และไม่ทราบด้วยว่านายตำรวจที่ร้องเรียนนั้น รู้ได้อย่างไรว่าจะถูกย้าย เพราะคำสั่งแต่งตั้งยังไม่ออก ทุกอย่างทำไปตาม กฎระเบียบ ถ้าจำเป็นก็ต้องดำเนินการ" ผบช.น.กล่าว

     ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผกก.ที่ถูกย้ายจากความผิดเรื่องป้ายโฆษณาทั้งหมดกี่ราย ผบช.น. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่แต่ละบก.ต้องรายงานขึ้นมา เมื่อรายงานมาแล้วพบว่ากระทำผิดเกี่ยวกับป้ายจราจร ก็มีผกก.ไม่ได้สมัครใจย้ายจำนวน 38 นายเท่านั้น ขณะนี้ผบ.ตร.ยังไม่ได้เรียกไปชี้แจงแต่อย่างใด มีแต่ส่งหนังสือมาให้ทบทวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงบางรายเท่านั้น

     ผบช.น. กล่าวอีกว่า ไม่มีผกก.สังกัดบช.น.ถูกย้าย 60 กว่านาย จะมารู้ดีกว่าคนทำบัญชีแต่งตั้งได้อย่างไร ที่ว่าถูกย้าย 60 กว่านายจากเรื่องป้ายโฆษณานั้น เป็นเรื่องเท็จและไม่เป็นความจริง ขอให้รอดูคำสั่งแต่งตั้งที่ผ่านการพิจารณา ยืนยันว่าไม่ได้เสนอชื่อให้ย้ายผกก.กว่า 60 นาย ทุกอย่างทำตามประกาศคสช.ฉบับที่ 88 และกฎระเบียบที่ตั้งไว้

     เมื่อถามว่า ผกก.เข้าร้องทุกข์ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า สามารถดำเนินการได้ เป็นสิทธิ์ของผู้ร้อง แต่เรื่องกระทำความผิดรัฐเสียหาย หรือบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อน และส่วยอื่นๆ อย่างสถานบริการ จะให้พิจารณาว่าเรียบร้อยดี คงไม่ได้ ตนมีเหตุผลที่ชี้แจงได้ เพราะเป็นผู้เสนอรายชื่อให้ก.ตร.พิจารณา

     ต่อข้อถามว่า ถือเป็นการล้างบางตำรวจ นครบาลหรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า ถ้าการ กระทำดังกล่าวเป็นการทำให้รัฐเสียหาย แล้วปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว จะเรียกว่าล้างบางหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ แต่ถ้ารัฐเสียหายต้องดำเนินการทางกฎหมาย ไม่ใช่แค่โทษทางวินัย ต้องดำเนินคดีอาญาและแพ่ง โดยจะต้องดำเนินการทั้งหมดตามกฎระเบียบ ไม่ไช่ตนนั่งพิจารณาคนเดียวในเรื่องความเสียหายของรัฐ แต่ให้บก.พิจารณา ส่วนพิจารณาแล้วเป็นความผิดอย่างไรก็ว่ากันไปตามความผิด

    เมื่อถามถึงกรณีมีผกก.ขอลาออก พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า มีการพิจารณา 2 ราย พ.ต.อ. เชวงศักดิ์ สินสูงสุด ผกก.สน.สายไหม ที่มีอาการเจ็บป่วย โดยได้รับรายงานจากพล.ต.ต. ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 ว่า ประสบอุบัติเหตุจากรถชนทำงานไม่ไหว เมื่อออกจาก ร.พ.จึงขอลาออกก่อนจะมีคำสั่งให้ทำบัญชีโยกย้าย และอีกรายจะเกษียณอยู่แล้วจึงขอลาออกไปทำธุรกิจ ไม่มีการเปิดทางให้ตำแหน่งว่างแต่อย่างใด ใครจะฟ้องร้องก็เป็นไปตามสิทธิ์ที่จะฟ้อง ไม่มีปัญหา กรณีการติดตั้งป้ายโฆษณาถือเป็นการกระทำความผิดอาญา ถ้าไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

      "ขอให้นายตำรวจทุกนายทำงานไปตามหน้าที่ของท่าน เราไม่เคยคิดจะไปเอาเป็นเอาตาย ไม่มีเรื่องอะไรจะไปรังแกน้องๆ ขอให้ทำงานของท่านไป อย่าเอาเรื่องที่ไม่เรียบร้อยต่อบ้านเมือง อ้างเป็นเหตุให้เสียขวัญกำลังใจ ถ้ารัฐเสียหายมีความผิดอาญาก็ต้องดำเนินการ เพราะถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งก็มีความกังวลบ้าง แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง เจ้าหน้าที่รัฐจะหาประโยชน์ไม่ได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ผิดก็คือผิด" ผบช.น.กล่าว

      รายงานข่าวจากบช.น.เปิดเผยว่า สรุปรองผกก.-ผกก.สังกัดบช.น.ที่จะถูกย้ายออกนอกหน่วย มีทั้งหมด 73 นาย ระดับรองผบก. ไม่สมัครใจย้าย 7 นาย สมัครใจย้าย 7 นาย รวมมีรองผบก.ย้ายออกจากนอกนครบาล 14 นาย ส่วนระดับผกก. ไม่สมัครใจย้าย 44 นาย แบ่งเป็นกรณีป้ายจราจร 38 นาย

      นอกจากนี้ยังมีกรณีถูกตั้งกรรมการเรื่องบ่อนการพนัน 1 นาย กรณีทหารรายงานเรื่องความมั่นคง 1 นาย กรณีบกพร่องงานรับเสด็จ 2 นาย กรณีสถานบริการถูกจับกุม 1 นาย กรณีน้ำมันเถื่อน 1 นาย 

     ส่วนที่สมัครใจและขอย้ายไปตามที่หน่วยอื่นร้องขอ จำนวน 15 นาย รวมแล้วมีผกก.ย้ายออกนอกหน่วยทั้งสิ้น 59 นาย 

     ทางด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. เปิดเผยว่า ขณะนี้การจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับผกก.-รองผบก.ของบช.ก. ประจำปี 2557 เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เตรียมส่งให้ก.ตร.พิจารณาในวันที่ 7 ม.ค.นี้ สำหรับนายตำรวจที่จะถูกย้ายออกนอกหน่วยมีประมาณ 100 นายเท่านั้น ไม่มากตามที่มีกระแสข่าวออกมา ซึ่งมีทั้งที่ย้ายเพื่อสับเปลี่ยนตำแหน่งกันภายในหน่วย เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและแนวคิดในการทำงาน แต่มีระดับผกก.ถึงร้อยละ 50 ที่ถูกเสนอชื่อโยกย้ายเนื่องจากการกระทำความผิดร่วมกับเครือข่ายอดีตผบช.ก.ตามที่ทราบกันดี ทั้งนี้มีสาเหตุหลัก 4 ประการที่นำมาพิจารณา คือ 1.คดีน้ำมันเถื่อน 2.ความผิดเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายโดยมิชอบ 3.คดีบ่อนการพนัน และ 4.คดีพนันฟุตบอลออนไลน์เครือข่ายอาบูบาก้า

      ผู้สื่อข่าวถามถึงการโยกย้ายในบช.น. มีจำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า การโยกย้ายระดับผกก.ในบช.น.อาจมีจำนวนมาก เนื่องจากหลายตำแหน่งกระทำความผิดทั้งเรื่องวินัย ความบกพร่องในงานรับขบวนเสด็จ และที่มีจำนวนมากที่สุดคือความผิดกรณีป้ายไฟโฆษณาบนป้อมตำรวจจราจร ซึ่งพบว่าหลายคนปล่อยปละละเลยให้มีการติดตั้งป้ายโฆษณา รวมทั้งลงนามในสัญญาทั้งที่ไม่มีอำนาจ อย่างไรก็ตามตำรวจที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีช่องทางการต่อสู้อยู่แล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจาก ผู้บังคับบัญชาไม่สามารถย้ายผู้ที่ไม่มีความผิดได้ อย่างไรก็ตามกระบวนการยังไม่สิ้นสุด ต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมก.ตร.อีกครั้ง อาจเปลี่ยนแปลงได้

      "ขณะนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้พูดคุยทำความเข้าใจกับผกก.ที่มีปัญหา การรวมตัวประท้วงร้องเรียนไม่เกี่ยวกับผม เป็นการยื่นร้องเรียนถึงผบ.ตร.โดยตรง"ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!