WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8704 ข่าวสดรายวัน


แห่แจ้งเบาะแสฆ่า 2 ฝรั่ง ตร.ชี้เหลือ 10 ต้องสงสัย


ผนึกกำลัง - พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภาค 8 พร้อมทหาร-ตำรวจ ร่วมกันให้คำมั่นสัญญากับชาวบ้านเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่าจะเร่งจับตัวผู้ต้องหาฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนมาดำเนินคดีให้ได้ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

        ชี้เหลือไม่เกิน 10 คน ต้องสงสัยโยงฆ่า 2 ฝรั่งบนเกาะเต่า ผบช.ภ.8 สั่งเร่งติดตามตัวเช็กดีเอ็นเอ ชี้ยังระบุไม่ได้เป็นคนชาติใด แฉคนร้ายก่อเหตุช่วงตี 2 ถึงตี 4 เตรียมเรียกคนอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมาเค้นสอบ รรท.ผบก.สส.บช.น.ปัดซ้อมต่างด้าว น้อมรับเสียงวิจารณ์ทำคดี เผยเริ่มมีชาวบ้านทยอยแจ้งเบาะแสตามที่ขึ้นป้ายไว้ ลุยสอบอีกเด็กบาร์เกาะเต่า ทหาร-นายอำเภอคุมเข้มแรงงานต่างด้าว
       จากคดีฆาตกรรมโหดนายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และน.ส.ฮันนาห์ วิเทอริดจ์ อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่เชิญชายต้องสงสัย ทั้งแรงงานต่างด้าวและเพื่อนสนิทของเหยื่อมาตรวจดีเอ็นเอ แต่ผลออกมาไม่ตรงกับที่เก็บได้จากจุดเกิดเหตุ ทำให้คดีต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผบ.ตร. ยืนยันผลดีเอ็นเอพบคนร้ายเป็นคนเอเชียแน่นอน พร้อมเชิญนายวรพันธ์ ตู้วิเชียร หรือผู้ใหญ่วอ และนายมนตรีวัฒน์ ตู้วิเชียร น้องชาย เจ้าของบาร์เบียร์ เข้าสอบสวนและตรวจดีเอ็นเอ แต่พบไม่ตรงกับคนร้าย ล่าสุด รมว.การท่องเที่ยวฯ เผยพ่อแม่ 2 ฝรั่งส่งจดหมายจี้ตำรวจเร่งจับกุมคนร้าย ตามที่ข่าวสดเคยเสนอข่าวไปนั้น 
       ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจคลี่คลายคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ภาค 8 ส่วนหน้า (ศปก.ภ.8 สน.เกาะเต่า) พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรศรี และพล.ต.ต. สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบช.ภ.8 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ร่วมกับพล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รรท.ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี และทีมชุดสืบสวน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม.
       จากนั้นพล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ขณะนี้คดีคืบหน้าไปแล้ว 85 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจากที่บอกไปก่อนหน้านี้ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยเจ้าหน้าที่มีวัตถุพยานต่างๆ ที่เก็บจากพื้นที่เกิดเหตุและใกล้เคียงไว้เป็นฐานในการตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาในจุดเกิดเหตุ ในช่วงเที่ยงคืนถึงประมาณ 06.00 น. และถ้าขีดกรอบของเวลาให้แคบลงจะอยู่ที่เวลา 02.00-04.00 น. ซึ่งเชื่อว่าเป็นเวลาเกิดเหตุ โดยการตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาในจุดเกิดเหตุตามที่เจ้าหน้าที่สงสัย และมีพยานหลักฐานรวมถึงคำบอก เล่านั้น ได้ตรวจสอบไปแล้วเกินกว่า 85 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยข้อมูลที่ได้มาจากหลายทาง ทั้งการแจ้งข้อมูลผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย การบอกเล่าผ่านผู้สื่อข่าว รวมถึงคนที่ให้เบาะแส และพาผู้ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจำนวนมาก ซึ่งยังไม่พบความเชื่อมโยงแต่อย่างใด
       พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อว่า ความจริงคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพียงแต่ทุกฝ่ายอยากให้ได้ตัวผู้ต้องหาเร็วที่สุด ทั้งนี้ หลังจากดำเนินคดีสืบสวนสอบสวนผ่านไประยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่เริ่มมั่นใจแล้วว่าจะจับกุมคนร้ายได้ โดยบุคคลที่อยู่ในระยะรัศมี 600 เมตร ในช่วงเวลา 02.00-04.00 น. และออกมาในช่วงเวลาดังกล่าว หรือมีข้อมูลสอดรับว่ามีความเกี่ยวข้องจะอยู่ในข่ายที่จะตรวจสอบ ว่าไปอยู่ตรงนั้นทำไม
     "ยังเหลือผู้ต้องสงสัยอีกไม่เกิน 10 คนที่กำลังติดตามตัวมาตรวจสอบและเก็บดีเอ็นเอ นอกจากนี้ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่กำลังเชื่อมโยงและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อสาวไปถึงผู้กระทำผิด ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคนชาติใด ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีพยานชาวต่างชาติเห็นเหตุการณ์และระบุชาวต่างชาติเป็นผู้ลงมือฆ่านั้น เป็นข้อมูลเก่าที่ตรวจสอบแล้วไม่พบเป็นความจริง ซึ่งจากการประเมินในที่เกิดเหตุแล้ว ไม่น่ามีใครเห็นเหตุการณ์" ผบช.ภ.8 กล่าว
      ด้านพล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า กำลังเร่งติดตามผลการตรวจดีเอ็นเออยู่ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ การตรวจดีเอ็นเอถือเป็นวัตถุพยานที่จะนำไปประกอบกับหลักฐานด้านอื่น ทั้งวัตถุพยานที่ได้จากการสอบสวนพยานบุคคลและพยานแวดล้อม ซึ่งต้องนำมาประกอบกัน อีกทั้งการตรวจดีเอ็นเอต้องมีข้อมูลที่มีน้ำหนักพอไปสนับสนุนว่าจำเป็นต้องตรวจบุคคลนั้นๆ ทั้งนี้ การทำงานกำลังเดินไปตามกรอบที่วางไว้ และยังไม่ได้ประเด็นที่ต้องการ
      พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่ทำร้ายแรงงานข้ามชาตินั้น ได้ย้ำแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่โดยตลอดว่าการทำงานต้องคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่หากระบุว่าเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ถูกต้องยินดีจะตรวจสอบในเรื่องที่เกิดขึ้น สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์การทำคดีที่ล่าช้านั้น ยินดีที่ประชาชนและสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์การทำงาน เหมือนเป็นกระจกสะท้อนการทำงานของเรา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินคดีดังกล่าวให้ดีที่สุด แม้จะไม่สามารถรับรองผลสุดท้ายของการทำคดีดังกล่าวได้
       "การสอบปากคำพยานเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นการสกรีนคนที่ไม่เกี่ยวข้องออก โดยรวบรวมข้อมูลประวัติอาชญากร ทั้งใน จ.สุราษฎร์ธานี และในพื้นที่เกาะเต่าไว้หมดแล้ว ซึ่งจากข้อมูลที่ได้นั้นมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบ ส่วนป้ายไวนิลที่ตำรวจนำมาติดทั่ว จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ประชาชนแจ้งเบาะแสของคดีนั้น เริ่มมีชาวบ้านให้ข้อมูลเข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังเป็นข้อมูลที่ไม่นำไปสู่พยานหลักฐานที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ยังรอการให้ข้อมูลสำคัญของประชาชนอยู่ สำหรับการติดตามกลุ่มเป้าหมายที่ออกจากเกาะไปแล้วนั้น ต้องดูว่าสมควรที่จะติดตามกลับมาหรือไม่ ต้องตรวจสอบและวิเคราะห์เบื้องต้นก่อนว่าสำคัญถึงขนาดที่ต้องพบตัวไหม ทั้งนี้ บางส่วนได้ตรวจสอบไปแล้ว" พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าว
        รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ภ.8 เข้าตรวจสอบร้านพูลบาร์ บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน และสอบปากคำพนักงานในร้าน เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับนายฌอน แม็กแอนนา เพื่อนของนายเดวิด เนื่องจากคำให้การยังมีรายละเอียดที่ยังชวนสงสัย นอกจากนี้ยังสอบปากคำสามีภรรยาชาวพม่าที่พักอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งให้การว่าคืนเกิดเหตุได้ยินเสียงกลุ่มชายนั่งเล่นกีตาร์อยู่ริมหาดและร้องเพลงสากล โดยมีการพูดคุยภาษาไทยด้วย
      นายศรชัย ศรีเทพ พนักงานร้านพูลบาร์ กล่าวว่า ในคืนวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.00 น. นายฌอนได้เข้ามาที่ร้านในสภาพมีเลือดเปื้อนตามร่างกายและพบบาดแผลที่แขนขวา จึงช่วยเช็ดเลือดทำความสะอาด โดยนายฌอนบอกว่าไปมีเรื่องชกต่อย ทำให้มีบาดแผลดังกล่าว จากนั้นนายฌอนสั่งเครื่องดื่มในร้าน ก่อนไปนำกีตาร์และกระเป๋ามาที่ร้าน ซึ่งก็มีคราบเลือดเปื่อนเช่นกัน กระทั่งเวลา 04.00 น. นายฌอนจึงเดินออกจากร้านไป โดยหลังจากนั้นนายฌอนยังใช้ชีวิตอยู่บนเกาะเต่าอยู่หลายวันและตัดผมให้สั้นลง อีกทั้งเมื่อสอบถามไปยังร้านและบาร์ต่างๆ ไม่พบนายฌอนไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ทำให้เกิดความสงสัยในประเด็นนี้
      จากนั้นพล.ต.ท.ปัญญากล่าวถึงการสืบสวนกรณีของนายฌอนว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญในประเด็นนี้ลดลง แต่ที่ผ่านมาคำให้การบางส่วนถือว่าเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่มาก
      วันเดียวกัน นายทวีศักดิ์ อินพรม นายอำเภอเกาะพะงัน และพล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผบ.จทบ.สุราษฎร์ธานี เชิญูผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าวมาประชุมที่สำนักสงฆ์เกาะเต่า เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง โดยเกาะเต่ามีแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 3,000 คน และที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีก 1,000 คน โดยทหารและเจ้าหน้าที่จัดหางานจะอำนวยความสะดวกให้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!