WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

จับอีก 5 โยง'พงศ์พัฒน์'อ้างเบื้องสูง ทวงหนี้-กักขัง-ข่มขู่ ตร.โชว์กรุของกลาง ทองคำขาว 180 กก. 'ชูวิทย์'แฉ 2 นายพล

โชว์ของกลาง - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะ แถลงข่าวในคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และพวก ตกเป็นผู้ต้องหาแอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์ พร้อมแสดงของกลางที่ยึดมาได้จำนวนมาก อาทิ โบราณวัตถุ สร้องทองคำ ทองคำขาว และโฉนดที่ดิน ที่ ร.1 พัน 2 รอ. เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน

 

พันล้าน - ของกลางส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจตรวจยึดมาได้จาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และพวก อาทิ ทองคำขาว น้ำหนัก 180 กิโลกรัม โฉนดที่ดินหลายแปลงรวมมูลค่า 418 ล้านบาท สร้อยคอทองคำและเครื่องประดับราคาแพง โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะได้นำมาแสดงในระหว่างการแถลงข่าว ที่ ร.1 พัน.2 รอ. เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน

มติชนออนไลน์ :



แฉแหลก - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นำเทพเจ้ากวนอูมาตั้งวางบนโต๊ะแถลง พร้อมเปิดคลิปวิดีโอที่ถ่ายได้ในบ่อนพนันย่านถนนพระราม 9 แฉมีนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา 2 นาย เกี่ยวข้องกับการรับส่วยบ่อนดังกล่าว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน

จับเพิ่มอีก 5 ทั้ง ทหาร-พลเรือน แอบอ้างเบื้องสูงทวงหนี้-กักขัง เครือข่าย'พงศ์พัฒน์'

@ บิ๊กอ๊อดปัดหมายเรียก 6 บิ๊กตร.

       ความคืบหน้าจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมพวกรวม 12 คน ฐานร่วมกันกระทำความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 หมิ่นเบื้องสูง เปิดบ่อนการพนัน เรียกรับผลประโยชน์น้ำมันเถื่อนและการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ล่าสุดจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 5 คน อ้างสถาบันฯทวงหนี้

      เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกระแสข่าวจะออกหมายเรียกตำรวจมากกว่า 40 คนที่มีข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพวก กรณีส่วยน้ำมันเถื่อน บ่อนการพนัน และการวิ่งเต้นโยกย้าย ซึ่งมีนายตำรวจยศ พล.ต.ต. 3 นาย พ.ต.อ. 2 นาย และชั้น พ.ต.ท. 1 นายว่า ไม่เป็นความจริง ขอยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน หากมีการออกหมายเรียกเพิ่มเติมจะทราบเอง อย่านำเสนอข่าวจนทำให้ตำรวจไม่เป็นอันทำงานกันเลย 

@ 'ชูวิทย์'มอบดอกไม้'สมยศ'

     "ส่วนกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย จะนำหลักฐานมาแฉวงจรบ่อนการพนันที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวด้วยนั้นยินดีหากเป็นการช่วยงานเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามต้องมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงพอด้วย ไม่ใช่มาพูดกันลอยๆ" พล.ต.อ.สมยศกล่าว

      เวลา 11.00 น. นายชูวิทย์นำช่อดอกไม้มอบให้ พล.ต.อ.สมยศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีนายตำรวจเวรเป็นตัวแทนรับมอบ โดยนายชูวิทย์กล่าวว่า ผู้นำตำรวจเช่นนี้ตนตามหามานานแล้ว ที่จะเข้าไปปราบปรามความทุจริตให้หมดไปจากสังคมไทย 

@ ตั้งโต๊ะเปิดคลิปบ่อน'โคลอนเซ่'

     จากนั้นนายชูวิทย์กางโต๊ะสีแดงพร้อมนำเทพเจ้ากวนอู ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และความยุติธรรม มาตั้งวางไว้บนโต๊ะ และเริ่มแถลงข่าวพร้อมนำคลิปวิดีโอที่ถ่ายได้ภายในบ่อนโคลอนเซ่ ย่านถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นบ่อนขนาดใหญ่ที่เจ้าตัวเคยนำไปเปิดอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบันฯเพื่อหาผลประโยชน์มาเปิดประกอบการแถลงข่าว

     นายชูวิทย์ กล่าวว่า มาเป็นกำลังใจให้ พล.ต.อ.สมยศ ซึ่งเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามอบายมุขต่างๆ ในขณะนี้ แต่ที่ต้องการบอกก็คือเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ไม่ได้สั้นเพียงแค่หางอึ่งเท่านี้ ไม่ใช่มีระดับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้วมาที่ดาบตำรวจเลย เป็นไปไม่ได้สั้นเกินไป สังคมต้องถือโอกาสนี้แก้ไขศรัทธาของตำรวจ ถ้าคนระดับ ผบช.ก.มีการทุจริตมากมายขนาดนี้ ต่อไปจะไว้ใจนายตำรวจระดับผู้บังคับการ ผู้กำกับการ สารวัตร ได้อย่างไร เพราะคนระดับ ผบช.ก. มีอำนาจสั่งการทั่วประเทศยังกระทำการแบบนี้ ประชาชนจะพึ่งใคร จึงอยากให้ ผบ.ตร.เอาจริงเอาจัง เรื่องนี้จะจบลงเพียงเท่านี้ไม่ได้ 

@ แฉ 2 บิ๊กตำรวจพื้นที่เอี่ยว

      นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ประการสำคัญคืออย่าหลงทาง เพราะเครือข่ายการกระทำผิดมีมากกว่านี้ ประเด็นสำคัญที่สุดไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันเถื่อนหรือกำถั่ว สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อย สิ่งที่ใหญ่และเรียกเก็บเงินกันมหาศาลต่อเดือนคือธุรกิจบ่อนการพนัน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่แอบอ้างสถาบันฯในการหาประโยชน์ เป็นบ่อนระดับยิ่งใหญ่ ตนไม่เชื่อว่าลำพังแค่ ผบช.ก.กับดาบตำรวจจะเปิดบ่อนขนาดใหญ่ได้เอง โดยที่เจ้าของพื้นที่อย่างผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไม่รู้เรื่อง

     "ดังนั้น เมื่อเครือข่ายมีมากกว่านี้ จึงนำข้อมูลที่ได้เคยตายไปจากใจผมนานแล้ว จนกระทั่งมีเรื่องนี้เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องมาสะสางให้จบ เพราะเชื่อมั่นใน ผบ.ตร.คนนี้ ที่ยืนยันว่าใหญ่แค่ไหนก็จับ ผมแนะนำให้ท่านไม่ต้องมองไปที่ไหนไกล ให้ท่าน

มองไปทางขวาไปทางซ้ายก็เจอแล้ว คนแก๊งนี้ไม่ได้มีแค่ชื่อกิ๊กและโก แต่มีผู้ร่วมขบวนการรายใหญ่อีก 2 คน นอกนั้นเป็นตำรวจระดับที่ต่ำลงมา" นายชูวิทย์กล่าว

@ เงินหมุนเวียนเดือนละ 600 ล.

     นายชูวิทย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยร้องเรียนให้จัดการเรื่องนี้ แต่ผลสรุปสำนวนคดีการสอบสวนบ่อนดังกล่าวตำรวจระบุว่า ไม่พบผู้กระทำความผิด แต่เมื่อตอนนี้มีผู้ต้องหาแล้วคือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. พร้อมพวก จึงอยากถามว่า ความผิดดังกล่าวพยานเป็นใคร อยู่ที่ไหน และบ่อนที่ระบุในข้อกล่าวหาคือบ่อนแห่งใด ต้องชี้แจงต่อสังคมให้ชัดเจน

     นายชูวิทย์ กล่าวว่า บ่อนดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนมูลค่ามหาศาล แต่ละวันไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน เดือนละกว่า 600 ล้านบาท แล้วบ่อนใหญ่เงินเยอะขนาดนี้ ผบช.ก.กับนายตำรวจอีกไม่กี่นายทำกันเองได้หรือ ต้องมีคนมากกว่านั้น ต้องลากเอาคนผิดมาให้หมด แล้วเงินที่หมุนเวียนอยู่หายไปไหน ส่งให้ใครบ้าง วันนี้ได้นำรายชื่อทั้งหมดมาร้องเรียนซ้ำอีกครั้ง เนื่องจากอยากให้เห็นรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องตามข้อมูลนี้

@ ย้ำ'นครบาล'ไม่เกี่ยวไม่ได้

     "ที่สำคัญจะพูดว่า ผบช.น.ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะเมื่อเจ้าของพื้นที่ไม่อนุญาตก็ไม่สามารถเปิดได้ ผมจึงขอให้ ผบ.ตร.ดำเนินการทุกคนแบบไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น โดยให้มาเอาข้อมูลจากผมได้ มีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และอยากบอกว่าไม่มีบ่อนไหนที่แอบอ้างสถาบัน มีเพียงบ่อนโคลอนเซ่ ย่านถนนพระราม 9 เท่านั้น ซึ่งเปิดในช่วงปี 2554 ประมาณ 9 เดือน มีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นล้านบาท ก่อนย้ายไปเปิดที่รัชดาอีก 23 วัน เปิดวันที่ 1 สิงหาคม ปิดวันที่ 24 สิงหาคม วันที่ผมอภิปรายในสภา" นายชูวิทย์กล่าว

      นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของคือ 1.เป็นผู้หญิงอยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และ 2.เป็นชายชื่อย่อ ถ. เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเรื่องการพนัน และรู้กันดีว่า พล.ต.ต.โกวิทย์เป็นผู้ที่ชอบเล่น เสียทีเป็น 10 ล้าน 20 ล้าน จนถึง 100 ล้าน เล่นทั้งบอล ม้า มวย เล่นทุกอย่าง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำกันแค่นี้ มันเป็นขบวนการ ต้องจัดการทั้งขบวนการ จะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ ตอนนั้นบอกบ่อนนี้บริสุทธิ์ไม่ทำผิด แต่ตอนนี้มีแล้วต้องจัดการ จึงขอให้สอบสวนใหม่และจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะมีทั้งผู้ร่วมกระทำผิดและผู้สนับสนุนอีกมากมาย รวมทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ 

@ แย้มชื่อพล.ต.ท.'ก.-จ.'ขณะนั้น

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นตำรวจนั้นมีตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่า ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ตนอยากพูดแต่พูดไม่ได้ ก็อย่างที่บอกว่าแค่ ผบ.ตร. หันหน้าก็เจอแล้ว แต่อยากถามว่าบ่อนที่นำมาดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกนั้น เป็นบ่อนไหน เคยบอกกับสังคมหรือไม่ ผมเชื่อว่าต้องเป็นบ่อนโคลอนเซ่แน่นอน เพราะใหญ่ที่สุดแล้ว และไม่ได้เปิดโดยคนในเครือข่ายที่เป็นข่าวในขณะนี้เท่านั้นเพราะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของพื้นที่อย่าง ผบช.น. ในขณะนั้นจะไม่ทราบเรื่อง ทั้งนี้ ชื่อทั้งหมดอยู่ในรายชื่อที่นำมาให้ ผบ.ตร.แล้ว โดยเฉพาะนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาอีก 2 นาย 

      ผู้สื่อข่าวถามพอจะบอกชื่อย่อได้หรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่า เป็นนายตำรวจที่มียศเท่ากับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อักษรย่อ จ. และ ก.

@ จับเพิ่มอีก 5 มีทหาร-พลเรือน

     เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ล่าสุดออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เพิ่มเติมอีก 5 ราย มีทั้งทหารและพลเรือน ขณะนี้กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดถูกจับกุมแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะสืบสวนต่อไป หากสืบสวนพบว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องจะออกหมายจับทั้งหมด อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถบอกจำนวนที่แน่ชัดว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกกี่ราย

      "กลุ่มคนพวกนี้มีการแอบอ้างสถาบันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทุกๆ ด้าน คดีนี้ตำรวจคงจะขอออกหมายจับเรื่อยๆ ไม่สามารถเร่งได้ หากพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงไปถึงใครก็ต้องดำเนินการ ทุกอย่างว่ากันตามพยานหลักฐาน เป็นไปตามข้อเท็จจริง และยังตอบไม่ได้ว่ามีจำนวนกี่คน เพราะในการสอบสวน การจะออกหมายจับใครต้องมีพยานหลักฐานรองรับ" ผบ.ตร.กล่าว

@ ยุ'ชูวิทย์'เปิดชื่อจริงนายพล

      พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า มีนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ชื่อย่อ อักษร ก. และ จ. เกี่ยวข้องกับการเปิดบ่อนการพนันของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ในพื้นที่ กทม.ว่า นายชูวิทย์ควรระบุชื่อให้ชัดว่าเป็นบุคคลใด จะได้ง่ายต่อการสืบสวนจับกุม อีกทั้งตนเพิ่งมารับตำแหน่ง ผบ.ตร. ไม่ทราบข้อมูลที่นายชูวิทย์เคยมอบให้ ตร.ก่อนหน้านี้ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้รับผิดชอบงานปราบปรามอบายมุข แต่ยืนยันว่าจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน

@ เผยชื่อ 5 คนแก๊งทวงหนี้

     ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) ในฐานะโฆษก ตร. เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสถาบัน ได้มีการทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดปรากฏรายชื่อดังนี้ 1.นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 2.นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา 3.นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา 4.นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และ 5.นายชากานต์ ภาคภูมิ ตำรวจได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาล โดยศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใดไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมกันลักทรัพย์ เหตุเกิดในเขตท้องที่ สน.พระโขนง และขณะนี้กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดได้ถูกจับกุมแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย 

@ พาทัพสื่อดูกรุสมบัติ'บิ๊กกิ๊ก'

       เวลา 16.30 น. ที่ค่าย ร.1 พัน 2 รอ. แจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.สมยศ พล.ต.ท.ประวุฒิ นำสื่อมวลชนบันทึกภาพทรัพย์สินของกลางที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ภายหลังการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์พร้อมพวก พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ของกลางเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์ที่ยึดมาได้ อาทิ พระพุทธรูปโบราณ ทองคำแท่ง 24 แท่ง กรอบพระเลี่ยมทอง 225 กรอบ สร้อยคอทองคำ 224 เส้น ทองคำขาว 180 กิโลกรัม รถยนต์หรู 17 คัน โฉนดที่ดินมูลค่า 418 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ จำนวนมาก โดยของกลางประเภทวัตถุโบราณได้มอบให้กรมศิลปากรตรวจสอบ สำหรับทรัพย์สินอื่นๆ จะส่งให้ ปปง.ตรวจสอบ 

       "และเพื่อให้สำนวนคดีมีหลักฐานแน่นหนาและรัดกุมได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา ผบ.ตร. ร่วมตรวจสอบโดยเก็บดีเอ็นเอ พิมพ์ลายนิ้วมือหลักฐานต่างๆ และของกลางที่เกี่ยวข้องว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ใดบ้าง" พล.ต.อ.สมยศกล่าว 

@ ประสานอ.อ.ป.ตรวจไม้เพียบ

      พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีของกลางอื่นๆ ที่เคลื่อนย้ายลำบาก อาทิ ไม้สัก ไม้ยาง ไม้มะค่า และไม้หายาก ที่ต้องใช้รถบรรทุกขนย้ายกว่า 80 คัน โดยจะส่งให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือ อ.อ.ป. ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเก็บรักษาของกลางทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ทหารซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและปลอดภัย มีการติดตั้งกล้องและจัดเวรยามดูแลอย่างดีที่สุด

@ เผย'พระพุทธรูปไม้'หายาก

     ด้าน น.ส.พัชรินทร์ ศุภประมูล หัวหน้ากลุ่มทะเบียนคลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า ต้องแบ่งประเภทวัตถุโบราณอีกครั้งว่าเป็นประเภทใดบ้าง หากเป็นวัตถุโบราณสมัยเก่าที่แท้จริงนั้น จะมีรูปแบบที่ไม่เหมือน ไม่ซ้ำกัน เนื่องจากทำขึ้นมาเพื่อบูชา เป็นความเชื่อ ไม่ใช่การค้า จากการตรวจสอบพบว่ามีวัตถุโบราณหายากจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูปไม้ สมัยอยุธยา มีครบทั้งองค์พระและฐานถือเป็นของหายากมาก เพราะแม้กรมศิลปากรเองยังไม่สามารถหาได้ครบเช่นนี้ นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่องใหญ่ ซึ่งยอมรับว่าสวยและหายากมาก อย่างไรก็ตาม บุคคลทั่วไปสามารถมีไว้ในครอบครองได้ หากสามารถตรวจสอบถึงที่มาที่ไปได้ เช่นเป็นสมบัติหรือมรดกตกทอดในวงศ์ตระกูล 

@ ถกตีกรอบ-แยกของกลาง

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ในฐานะคณะทำงานการสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งของ พล.ต.อ.สมยศ ประชุมกำหนดทิศทางดำเนินคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมพวกรวม 12 คน ร่วมกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และผู้เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว พร้อมทั้งตรวจสอบความเชื่อมโยงทั้งหมด โดยใช้เวลา 3 ชั่วโมง เบื้องต้นไม่พบว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด 

      รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมสั่งการเกี่ยวกับการขยายข้อมูลการตรวจสอบความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ที่ตรวจค้นพบทรัพย์สินกว่า 10,000 รายการ จากทั้งหมด 15 จุด และหากตรวจพบทรัพย์สินเพิ่มเติมแล้ว ให้ตรวจสอบคัดแยกทรัพย์สินทั้งหมด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการคัดแยกทรัพย์สินที่เป็นเงินและสิ่งของมีค่าต่างๆ บางส่วนต้องรายงานให้รายงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ รวมถึงโบราณวัตถุที่ตรวจพบให้ประสานกรมศิลปากร ตรวจสอบว่าเป็นชนิดของโบราณวัตถุประเภทไหน เพื่อดูแลและเก็บรักษาโบราณวัตถุ พร้อมทั้งหารือถึงสถานที่ในการเก็บรักษาของกลางทั้งหมดว่าจะนำไปไว้ที่ใด เนื่องจากของกลางมีค่อนข้างมาก

@ ส่ง'ผบก.ป.'ไปประจำ'นรป.'

       รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.สมยศลงนามคำสั่ง ตร. ที่ 643/2557 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ สรุปเนื้อหาสำคัญว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยรวม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ จึงยุติการให้ พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามคำสั่ง ตร. ที่ 625/2557 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และให้ พล.ต.ต.ชัยทัตไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำมอบหมาย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 

       ทั้งนี้ สำหรับ พล.ต.ต.ชัยทัตนั้น ได้รับคำสั่งให้ช่วยราชการ ศปก.ตร. พร้อมกับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. ที่เสียชีวิต หนึ่งในเครือข่ายกระทำผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แต่จากการสืบสวนไม่พบว่าร่วมกระทำผิด จึงไม่มีการออกหมายจับ เพียงกันไว้เป็นพยานเท่านั้น

@ ฝากขัง'เริงศักดิ์'ซุกซากสัตว์

      ที่ศาลอาญา พ.ต.ท.วีระวุฒิ บำรุงสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ตามคำสั่ง ตร.ที่ 631/2557 ควบคุมตัวนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช อายุ 57 ปี ชาว จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาคดีครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน - 7 ธันวาคม เนื่องจากการสืบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบปากคำพยานอีก 4 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ และรอผลการตรวจซากสัตว์ของกลาง 

      คำร้องสรุปว่า ตำรวจ ทหาร ร่วมกันตรวจค้น สวงค์ อพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 16/21 หมู่ 2 ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ของผู้ต้องหา กับนางสวงค์ มุ่งเที่ยง พบงาช้างแกะสลัก 7 ชิ้น ซากเต่าทะเล 1 ซาก เขากวาง 1 คู่ และเขากระทิง 2 คู่ ซุกซ่อนอยู่ ต่อมาตำรวจ บก.ปทส. ได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และ 47 ประกอบมาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

     ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันเพราะเกรงจะหลบหนี เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์กระทำผิดในลักษณะเกี่ยวข้องร่วมครอบครองทรัพย์สินเป็นซากสัตว์ ไม้แปรรูปและสิ่งของอื่นๆ จำนวนมาก กับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก โดยศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

@ เผย'ด.ต.'อาการน่าห่วง

      นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้คุมขังผู้ต้องหาไว้รวม 6 คน และ 2 คืนที่ผ่านมาเป็นไปอยางเรียบร้อย ไม่มีความผิดปกติ แต่ 2 ใน 6 มีอาการป่วยเข้ารักษาตัวในสถานพยาบาลในเรือนจำคือ ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. อาการความดันกำเริบเข้ารักษาตัวห้องพยาบาลตั้งแต่วันแรกและยังไม่ได้ออกมาคุมขังแดนแรกรับ เนื่องจากอาการน่าเป็นห่วงต้องอยู่ใกล้ชิดแพทย์ 

      "ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พ.ต.อ.วุฒิชาติก็มีอาการเครียดต้องนำตัวไปสถานพยาบาลจนอาการทุเลาจึงส่งกลับเข้าแดน ล่าสุดยังไม่มีการประสานจากตำรวจถึงการส่งตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เข้ามาฝากขัง" นายอายุตม์กล่าว

      สำหรับ ผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังทั้ง 6 คน ประกอบด้วย พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 ปคบ. ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. ด.ต.ฉัตรินทร์ และนายชอบ ชินนะประภา

@ 'วรงค์'หนุน'บิ๊กอ๊อด'ปราบโกง 

      นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เห็นการแถลงข่าวของ พล.ต.อ.สมยศ คดีจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมพวก ต้องการสื่อถึง ผบ.ตร. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่าการดำเนินการปราบปรามการทุจริต และหมิ่นสถาบันฯครั้งนี้ ถือว่าได้ใจประชาชน เพราะดำเนินคดีกับบุคคลระดับสูงชนิดยกแผง หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์และ ผบ.ตร. คงไม่หยุดแค่นี้ เพราะยังมีคดีใหญ่อื่นๆ อีกหลายกรณี เช่น กรณีทุจริตจำนำข้าว ที่รอวันถูกดำเนินคดีเช่นนี้ จึงขอร่วมให้กำลังใจและสนับสนุน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐและเครือข่ายต่างๆ ในการปราบปรามการทุจริต และพวกหมิ่นเบื้องสูงอย่างจริงจัง ด้วยการแสดงสัญลักษณ์ชูนิ้วโป้ง เมื่อเจอนายกฯและ ผบ.ตร. กรรมการ ป.ป.ช.หรือแม้แต่ สนช. ชูนิ้วโป้งเพื่อบอกว่า สนับสนุนและให้กำลังใจในการปราบปรามสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!