WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

  วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8766 ข่าวสดรายวัน


ทหารหิ้วตัวส่งตร. 3 ผู้ต้องหา'อัครพงศ์ปรีชา'เครือญาติบิ๊กกิ๊ก สมยศสั่งสอบรูด ตร.ทีมพงศ์พัฒน์ โยงส่วย'เสี่ยโจ้'น้ำมันเถื่อนใต้! ระบุมีทุกชั้นยศ

   ญาติกิ๊ก- ทหารนำนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา(ซ้ายสุด) นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา และนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา ผู้ ต้องหาร่วมเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ มาส่งที่บช.น.เพื่อให้สอบปาก คำ เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.

ผบ.ตร. 'บิ๊กอ๊อด' สั่งสอบโพยส่วยน้ำมันเถื่อนโยงโพยส่วยน้ำมันเถื่อน'เสี่ยโจ้ปัตตานี'ระบุตรวจพบมีทุกชั้นยศ แต่เป็นการบันทึกฝ่ายเดียวของลูกน้องเสี่ยคนดังภาคใต้ ต้องขยายผลให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ ลั่นถ้ามีหลักฐานถึงใครจะจัดการทั้งหมด ทหารหิ้ว 3 หนุ่มตระกูล'อัศรพงศ์ปรีชา'ญาติสนิทอดีตเจ้าพ่อสอบสวนกลางส่งตร. หลังจากหิ้ว 2 ผู้ต้องหากลุ่มเดียวกันมาให้ก่อนหน้าแล้ว ดำเนินคดี 5 ข้อหาหนัก ทั้งหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และกักขังหน่วงเหนี่ยว กรรโชกทรัพย์

    เมื่อวันที่ 27 พ.ย. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และเครือข่าย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่ม ช่วงวันสองวันนี้มีเพียงการรวบรวมของกลาง ไม่ว่าจะเป็นไม้แปรรูป วัตถุโบราณขนาดใหญ่ สิ่งของที่มีมูลค่า เช่น ทองคำขาว พระเครื่อง เป็นต้น ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะตั้งคณะกรรมการพนักงานสอบสวนขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดำเนินการเรื่องของกลางที่ยึดได้ โดยของกลางมีมากเกือบ 20,000 ชิ้น

     โฆษกตร. กล่าวอีกว่า ในส่วนที่เป็นวัตถุโบราณ จะส่งให้กรมศิลปากรตรวจสอบความถูกต้อง ส่วนที่เป็นไม้แปรรูป จะมอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.)ดำเนินการ ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากที่ซุกซ่อนไว้หลายจุดภายในประเทศไทย จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเคลื่อนย้ายหรือเก็บทรัพย์สินไว้ต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าในเมืองไทยยังมีทรัพย์ สินอยู่อีกซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผล สำหรับทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดจะตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงและเก็บดีเอ็นเอ เพื่อหาความเชื่อมโยงว่ายังมีบุคคลใดอีกที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้

      โฆษกตร. กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ 5 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมล่าสุด เบื้องต้นพบว่าทั้งหมดมีพฤติกรรมบังคับข่มขู่ ทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งพนักงานสอบ สวนจะคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังวันที่ 28 พ.ย.ที่ศาลอาญา ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่ามีนายตำรวจระดับสูงประกอบด้วย 3 นายพล 2 นายพันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่มี ข้อมูลขณะนี้ยังไม่พบ

      โฆษกตร. กล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งให้สืบสวนสอบสวนทุกประเด็น โดยเฉพาะเรื่องทุจริตซื้อขายตำแหน่ง บ่อนการพนัน น้ำมันเถื่อน ให้เจาะทุกประเด็นในเชิงลึกว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ให้ดำเนินการทั้งหมดตามที่หลักฐานสาวไปถึง แต่ถ้าเป็นตำรวจหากหลักฐานไม่ถึงก็ให้ดำเนินการเรื่องวินัย เบื้องต้นยังไม่พบข้อมูล เมื่อวานนี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยชื่อย่อนายตำรวจระดับสูงที่อ้างว่าพัวพันกับเครือข่าย ผู้กระทำผิดนั้น ผบ.ตรพร้อมที่จะพบกับนายชูวิทย์ทุกเมื่อ เมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้มาได้เลย ไม่ใช่แค่ 15 นาที นานเป็นชั่วโมงผบ.ตร.ก็พร้อม โดยประสานมายังตนหรือติดต่อผ่านผบ.ตร.ได้โดยตรง

     ต่อมาพล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีบัญชีรายชื่อตำรวจรับส่วยน้ำมันเถื่อน จากนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นักธุรกิจภาคใต้ ว่า อย่าให้ตนระบุชื่อคนนั้นคนนี้ออกไปเลย เพราะว่าไม่ควรจนกว่าการสอบสวนทางคดีจะออกมาชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้มีสำนวนการสอบสวนอยู่ในมือแล้ว จะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว ขณะเดียวกันคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ทำหนังสือมาที่ตน ให้เร่งรัดสำนวนการสืบ สวนสอบสวน ซึ่งตอนนี้สำนวนอยู่ที่บช.ก. จะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


อีก 2 คน- นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ 2 ใน 5 ผู้ต้องหาร่วมเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารนำตัวมาส่งมอบที่ บช.น. เตรียมนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังวันที่ 28 พ.ย.นี้

     ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อมูลพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เข้าไปเกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อนทางภาคใต้ หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นข่าวอย่างที่สื่อมวลชนและสังคมตั้งข้อสงสัย แต่ต้องดูจากหลักฐาน จากผลการสอบสวน ต้องขอเวลาสืบสวนสอบสวน พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนขึ้นมา ถ้าผลออกมาอย่างไรจะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง

     เมื่อถามว่า วันที่ไปตรวจค้นยึดทรัพย์สินบ้านเสี่ยโจ้ มีการยื่นเงินให้ตำรวจ 2-3 นาย ประเด็นนี้ได้ตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตรวจพบบัญชีที่พนักงานของเสี่ยโจ้บันทึกไว้ แต่เป็นการบันทึกฝ่ายเดียว ยังไม่มีหลักฐานว่าใครรับหรือไม่รับ ทั้งนี้ต้องนำบุคคลที่บันทึก คนที่จ่ายมาตอบข้อซักถามกับพนักงานสอบสวน ซึ่งบัญชีพวกนี้ตนมีอยู่ในมือ หรือพูดง่ายๆ ว่ามีโพยใครรับใครจ่าย แต่ทั้งนี้เป็นการบันทึกของเจ้าหน้าที่หรือพนัก งานที่ดูแลบัญชีฝ่ายเดียว ส่วนรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏในบันทึก มีทุกหน่วยงานตามที่เป็นข่าว โดยรายชื่อในบัญชีที่เห็นตนไม่รู้จักเลย บางทีเป็นชื่อย่อ ชื่อเล่น เราต้องแยกแยะออกมาว่าชื่อย่อคนนี้คือใคร เป็นตำรวจหรือไม่ ในส่วนที่ตนรับผิดชอบก็คือตำรวจ จะสืบสวนสอบสวนว่าคนที่รับเงินนั้นจริงหรือไม่ ถ้าสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานพาดพิงและเกี่ยวข้องกับใคร จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

     ต่อข้อถามว่าเสี่ยโจ้ส่งส่วยแต่ละครั้งมียอดเงินสูงหรือไม่ และมีรายชื่อพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. และพล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผบก.รน. ในบัญชีส่วยหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า มียอดเงินค่อนข้างสูง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ว่ามีใครบ้าง ส่วนกรณีที่เสี่ยโจ้หลบหนีระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้

     ผู้สื่อข่าวถามว่า จะออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ขึ้นกับพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ยังสอบสวนอยู่ ถ้าเชื่อมโยงเกี่ยวข้องถึงใครก็จะออกหมายจับ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบครึ่งร้อยเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นั้น กำลังตรวจสอบดูอยู่แต่ว่าคงไม่ถึงร้อย เพราะเป็นไปไม่ได้ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน จะไม่มีการล้างบางหรือทำให้ทุกคนหวาดกลัว ขอให้ตำรวจในบช.ก.ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เพราะผู้กระทำผิดรู้ตัวอยู่แล้ว

     เมื่อถามว่า เห็นรายชื่อแล้วรู้สึกตกใจ หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า เห็นรายชื่อบ้างแล้ว แต่ยังไม่เห็นทั้งหมด มีตำรวจทุกระดับยศ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ระดับใด หรือเป็นใครก็ตาม ถ้าทำผิดกฎหมายในยุคสมัยตน ขออนุญาตทำหน้าที่รักษากฎหมาย และบังคับใช้กฎหมาย ส่วนการขยายผลต้องรอดู ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวบุคคลมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่ตนยังไม่ได้เรียกใครมาคุยเป็นการส่วนตัว

     รายงานข่าวจากบช.น.เปิดเผยถึงการจับกุม 5 ผู้ต้องหากลุ่มล่าสุด ที่มีนามสกุลอัครพงศ์ปรีชา 3 คนว่า คดีดังกล่าวผู้เสียหายแจ้งความพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากทำธุรกิจร่วมกันและเกิดขัดผลประโยชน์ จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 5 คนร่วมกันอุ้มผู้เสียหายไปข่มขู่เอาทรัพย์สิน ภายหลังศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมนายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. จากการสอบสวนทั้งคู่ให้การภาคเสธ อ้างว่าเป็นการทวงหนี้สินไม่ได้อุ้มไปรีดทรัพย์ จากนั้นผู้ต้องหายื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกขอรับตัวไปควบคุม

      ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนคือ นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา และนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา มีรายงานว่าเมื่อเวลา 12.00 น.สน.พระโขนง ได้รับการประสานว่า ผู้ต้องหาจะเข้ามอบตัวช่วงบ่าย พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 สั่งเตรียมพร้อมพนักงานสอบสวน 10 นาย เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่ห้องประชุมบก.น.5 ชั้น 3 อาคารบช.น. แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหาไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามนัด

      รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. จะแต่งตั้งนายตำรวจระดับ รองผบช.น. เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน ตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ของผู้ต้องหาแต่ละคนอย่างละเอียดว่า มีเครือข่ายเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์อย่างไร และเคยก่อเหตุในท้องที่อื่นอีกหรือไม่ เพื่อรวบ รวมข้อมูลพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากมีผู้เสียหายอีกรายถูกก่อเหตุลักษณะเดียวกันโดยใช้อาวุธปืนด้วย เหตุเกิดภายในหมู่บ้านลัดดาวัลย์ ท้องที่สน.วัดพระยาไกร

     ต่อมาพล.ต.ท.ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ขณะยังอยู่ระหว่างการประสานงานในการส่งมอบตัวให้ตำรวจสอบปากคำเพิ่มเติม คาดว่าจะได้ตัวไม่เกินเวลา 21.00 น.วันนี้ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปสำนวนคดีได้ เพราะยังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ขณะนี้สอบปากคำผู้ต้องหาไปแล้ว 2 ราย ที่เหลือรอการประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ควบคุมตัวอยู่จะนำตัวผู้ต้องหามาให้พนักงานสอบสวนสอบปากต่อไป

     ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้กระทำผิดในท้องที่อื่นอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม คาดว่าน่าจะมีพื้นที่อื่นเกี่ยวข้องด้วย ขณะนี้บช.น.ยังไม่ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้เป็นพิเศษ เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีทั้งหมด โดยบช.น. เป็นผู้ปฏิบัติ ส่วนจะรวบรวมสำนวนเดียวกันไว้กับสำนวนคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมพวกหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ คดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจที่โรงพักที่เกิดเหตุสามารถดำเนินการได้

       ด้านพ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยว่า หลังจากศาลจังหวัดพระโขนงอนุมัติหมายจับ 5 ผู้ต้องหา ตำรวจฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมนายสุทธิศักดิ์ และนายชากานต์ ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างสถาบัน เครือข่ายของอดีตผบช.ก. โดยทวงหนี้หญิง ผู้เสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท ด้วยวิธีการกักขังหน่วงเหนี่ยว และกรรโชกทรัพย์ ภายหลังพนักงานสอบสวนสอบปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่ทหารมารับตัวนายสุทธิศักดิ์ไปควบคุมเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 26 พ.ย. ต่อด้วยรับตัวนายชากานต์ เวลา 02.00 น.วันที่ 27 พ.ย.

     พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป์ ผบก.น.5 ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 3 คนที่นามสกุลอัครพงศ์ปรีชา ตนได้รับรายงานว่าจะเดินทางมามอบตัวที่บก.น.5 เบื้องต้นจะตรวจสอบข้อหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ส่งฝากขังต่อศาลในวันที่ 28 พ.ย.

     วันเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ใหัสัมภาษณ์ว่า สั่งการนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานในสังกัดในพื้นที่ภาคใต้ ที่รับผิดชอบคดีน้ำมันเถื่อนที่เชื่อมโยงกับการกระทำผิดของกลุ่มพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เพื่อประสานข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะดีเอสไอมีเจ้าหน้าที่ทำงานในพื้นที่ ดังนั้นต้องมีข้อมูล หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมรับสินบนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ขณะนี้มีรายงานเบื้องต้นมาแล้วเชื่อว่าเร็วๆ นี้จะเห็นผลการทำงานร่วมกัน หากมีหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมกระทำผิดด้วยจะเอาผิดย้อนหลังทั้งหมด

     พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีความผิดของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก ยังเป็นหน้าที่ของตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตนหารือกับผบ.ตร.อย่างใกล้ชิด และสั่งการดีเอสไอ รวมทั้งปปง.สนับสนุนการทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่

      เมื่อเวลา 18.30 น.ที่บช.น. พ.อ.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. พร้อมด้วยทหารอาวุธครบมือ คุมตัวนายสุทธิศักดิ์ และนายชากานต์ มาส่งมอบให้กับผบช.น. และผกก.สน.พระโขนง รับตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม จากนั้นเจ้าหน้าที่แยกนายสุทธิศักดิ์ไปสอบที่ห้องประชุมบก.น. 5 ส่วนนายชากานต์ไปสอบที่ห้องประชุม บก.อก.บช.น. ขณะเดียวกันภายในวันนี้จะได้ตัวผู้ต้องหาอีก 3 คนคือ นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา และนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา มาสอบปากคำที่บช.น.ด้วย เพื่อพนักงานสอบสวนจะได้นำผู้ต้องหาทั้ง 5 คนส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดพระโขนงในวันที่ 28 พ.ย.

      ต่อมาเวลา 21.10 น.ทหารพร้อมด้วยตำรวจหน่วยอรินทราช คุมตัวนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา จากร.11 รอ. มาส่งให้พนักงานสอบสวนที่บช.น. โดยมีพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 และตำรวจสน. พระโขนง รอรับตัว พร้อมกับแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รับทราบข้อกล่าวหา ก่อนแยกผู้ต้องหาสอบสวนห้องละคน 

      พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ผู้ต้องหา 5 คนนี้ถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธและกักขัง โดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คน หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือประการกระทำใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใด ให้แก่ ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมลักทรัพย์ และความผิดมาตรา 112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

     พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีผู้เสียหายแจ้งความเพิ่มเติมคดีขู่กรรโชกทรัพย์ที่สน.วัดพระยาไกร นอกจากสน.พระโขนงนั้น พนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้รวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และจะออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องอีก 2-3 ราย พฤติกรรมคือแอบอ้างเป็นญาติและลูกน้องของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยทั้งหมดเป็นพลเรือน มีพฤติกรรมเข้าข่ายก่อเหตุร่วมกัน ส่วนจะโยงถึงอดีตผบช.ก.หรือไม่ ต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายณรงค์ เป็นพี่ชายของนายณัฐพล ส่วนนายสิทธิศักดิ์ เป็นลูกชายของนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ซึ่งมีนามสกุลเดิมว่า อัครพงศ์ปรีชา โดยนางสุดาทิพย์เป็นพี่สาวของนายณรงค์และนายณัฐพล

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!