Details

Category: อาชญากรรม

Published: Thursday, 11 December 2014 09:34

Hits: 6549

วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8779 ข่าวสดรายวัน


โยงธุรกิจน้ำพริก สุดาทิพย์ โดนอีก-อ้างเบื้องบน หลานสาวพงศ์พัฒน์เจอหนัก ทั้งเครื่องเสวย-ร้านกาแฟดัง เผยเป็นพี่สาว'ณรงค์-ณัฐพล'

คดี112 - พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.สอบปากคำนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล หลานพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ที่บช.น. พร้อมแจ้งข้อหาเพิ่มในความผิดมาตรา 112 แอบอ้างเบื้องสูงทำธุรกิจน้ำพริกร่วมกับเครือญาติ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.

        ตร.รวบเพิ่มอีกคดี 112 เป็น 'สุดาทิพย์' หลานสาวพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ หลังมีผู้เสียหายแจ้งความว่าแอบอ้างเบื้องสูงทำธุรกิจน้ำพริก และประมูลเครื่องเสวย เผย'สุดาทิพย์' ยังเป็นพี่สาวของ 'ณรงค์-ณัฐพล' อดีตสกุลอัครพงศ์ปรีชา'ศรีวราห์'สั่งสอบขยายผลหากมีใครเกี่ยวข้องอีก ให้ดำเนินคดีให้หมด ตร.เรียกร้องให้ 'เสี่ยนิค' เศรษฐีหมื่นล้านเข้ามอบตัวคดี 112 เพื่อสู้คดีต่อไป

        เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีการจับกุมผู้ต้องหาคดีเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.เพิ่มเติม ว่า ได้รับการประสานมาว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี ที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยควบคุมตัวได้จากย่านฝั่งธนบุรีมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนตามความผิดข้อหามาตรา 112 ในเวลาประมาณ 15.00-16.00 น. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม

     พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะมีการสอบสวนนางสุดาทิพย์อย่างละเอียด และหากซัดทอดถึงบุคคลใดอีก ตำรวจก็จะเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติม จากนั้นจะส่งมอบตัวนางสุดาทิพย์ให้พนักงานสอบสวนสน.สามเสนนำไปควบคุมไว้ ก่อนฝากขังศาลอาญา ในวันที่ 11 ธ.ค.ต่อไป
      พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีอาวุธปืนของนายชากานต์ ภาคภูมิ ผู้ต้องหาอีกรายในท้องที่สน.คันนายาวนั้น ขณะนี้สรุปสำนวนเรียบร้อยแล้ว และจะนำส่งฟ้องยังอัยการภายในวันที่ 11 ธ.ค. เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าคดีความต่างๆ และสำนวน ซึ่งตนเป็นผู้รับผิดชอบนั้น จะมีความโปร่งใส รัดกุม รอบคอบ และสมบูรณ์ที่สุด เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่ระบุไว้
     ผบช.น.กล่าวว่า ในกรณีจะสอบปากคำพยานเพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จะเป็นผู้สั่งการให้ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้หากมีการขยายผลไปยังบุคคลใดที่เชื่อได้ว่ามีความเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นจากการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือมีผู้ร้องเรียนมา ก็จะต้องติดตามจับกุมตัวเพื่อมาดำเนินคดีต่อไป
      สำหรับนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 45 ปี เป็นหลานสาวของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เดิมนามสกุลอัครพงศ์ปรีชา เป็นแม่ของนายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา และยังเป็นพี่สาวของนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา และนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคดีแอบอ้างเบื้องสูง และต่อมาถอดนามสกุล 'อัครพงศ์ปรีชา' เนื่องจากเป็นนามสกุลพระราชทาน โดยทั้งหมดกลับไปใช้นามสกุลเดิม คือ สุวะดี 
      โดยนางสุดาทิพย์ เป็นภรรยาของพ.ต.อ. โกวิทย์ ม่วงนวล อดีตผกก.ตม.สมุทรสาคร ซึ่งทั้ง 2 คนถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันแผ้วถางป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และข้อหาร่วมกันปลูกสร้างอาคาร ฝาย ล่วงล้ำในแม่น้ำลำคลอง ตามพ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และได้รับการประกันตัวไปในชั้นพนักงานสอบสวนไปก่อนหน้านี้
      โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า การจับกุมนางสุดาทิพย์ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สามเสน ว่านางสุดาทิพย์ มีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงในการทำธุรกิจ
    เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผบก.อคฝ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง 2 นายใช้รถตู้เดินทางไปรับตัวนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธ.ค.2557 ตามความผิดมาตรา 112 ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวเอาไว้ตามกฎอัยการศึกแล้วนำตัวมาที่บช.น. โดยมีพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. นำตัวนางสุดาทิพย์ไปสอบสวนที่ห้องสำนักงานผบช.น.ทันที นอกจากนี้พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล ยังเดินทางมาเป็นเพื่อนนางสุดาทิพย์ด้วย
      รายงานข่าวเปิดเผยว่า การจับกุมนางสุดาทิพย์ครั้งนี้ เพราะผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจสน.สามเสนให้ดำเนินคดีกับนางสุดาทิพย์ และพวก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ต้องหาและพวกมีการแอบอ้างเบื้องสูง ส่งผลทำให้ได้งานประมูลกิจการธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเสวย ครัวข้าราชบริพาร ขายน้ำพริกประเภทต่างๆ ผักสด และผักต้ม นอกจากนี้ยังมีร้าน คาเฟ่ เดอ สุวรรณภูมิ เช่าที่ภายในบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาเกี่ยวพันกับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยมีการ กระทำผิดเพิ่มเติมในท้องที่สน.สามเสน
     รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนสอบสวนมีการรวบรวมข้อมูลการกระทำความผิดเครือข่ายการทำธุรกิจของนางสุดาทิพย์ กับพวก ที่มีการแอบอ้างเบื้องสูง ได้แก่ ที่มีพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูง ในนามคณะบุคคลน้ำทิพย์ อยู่ที่ 2/3 ม.9 ถนนทวีวัฒนา แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กทม. ได้ประมูลขายน้ำพริกประเภทต่างๆ โดยนางสุดาทิพย์ร่วมกับน.ส.ปาลิดา หลักเฉลิมพร มีรายได้ประมาณ 6-7 แสนบาทต่อเดือน และแอบอ้างเบื้องสูงได้ประมูลเครื่องเสวยในนามคณะบุคคลปณสุ ขายผักสด และผักต้ม โดยมีนางสุดาทิพย์ และน.ส.ปาลิดา เกี่ยวข้องด้วย มีรายได้ประมาณ 3-4 แสนบาทต่อเดือน
     ข่าวแจ้งว่า นางสุดาทิพย์ยังได้แอบอ้างเบื้องสูงเกี่ยวข้องทำกิจการ ส่วนกิจการจัดตั้งในนามบริษัท ศิรินทิพย์ 2007 (อัครพงศ์ปรีชา) เลขที่ 999 สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารคอนคอร์สเอฟชั้น 4 ถนนบางนา-ตราด ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี สมุทรปราการ เปิดร้านคาเฟ่ เดอ สุวรรณภูมิ โดยนางสุดาทิพย์ และผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ นายณรงค์ สุวะดี นางปนิดา สุวะดี นางวันทนีย์ สุวะดี นายอภิรุจ สุวะดี พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล และน.ส.ขวัญตา เกิดอำแพง มีรายได้ 2-3 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนสวนผึ้งรีสอร์ท จ.ราชบุรี ที่พบว่ามีรายได้ 1-2 ล้านบาทต่อเดือนนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
     พล.ต.ท.ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 คน ส่วนมีลักษณะพฤติกรรมอย่างไรนั้น มีการแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ส่วนจับกุมได้ที่ใดนั้นเป็นความลับตามกฎอัยการศึก ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นกรณีความผิดตามมาตรา 112 ทำซ้ำก็จะมีปัญหาทั้งถามและผู้ตอบจะมีความผิด ส่วนผู้ต้องหาให้การอย่างปฏิเสธหรือไม่นั้น เป็นเรื่องในสำนวนและยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
      ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับกุมแล้วได้รับการประกันตัวไปพร้อมกับสามีก่อนหน้านี้ สามีจะต้องถูกจับกุมตัวด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ต้องสอบสวนเพิ่มเติมก่อนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก็อาจจะเป็นไปได้ถ้ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ถ้ามีพยานหลักฐานถึงก็จะออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องและสอบปากคำพยานเพิ่มเติมด้วย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานตรงไปตรงมาปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ทั้งนี้ จะต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่สน.สามเสน ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาต่อไป
        เมื่อถามว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีเครือข่ายที่ยังหลบหนี พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมจัดกำลังตามจับหลายชุด ส่วนยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ตามหลักฐานก็ถือว่าอยู่ในราชอาณาจักร ส่วนเจ้าของอู่รถเมล์สาย 8 ยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ใดนั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน การสรุปสำนวนการสอบสวนไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตามระเบียบ ตร. ไม่มีผลต่อการจับกุมผู้ต้องหาแต่อย่างใด เพราะถ้าเจอตัวผู้ต้องหาก็ดำเนินการจับกุม
       ด้านพล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามผู้ต้องหา 3 รายก่อเหตุอุ้มรีดไถทวงหนี้ในพื้นที่บก.น.5 ว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือ นายปรีชา ดาราไตร อายุ 45 ปี นักธุรกิจนำเข้าและขายรถมือสอง นายไพเชษฐ์ เมธีสริยพงศ์ อายุ 45 ปี เจ้าของอู่รถเมล์สาย 8 และนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี เศรษฐีหมื่นล้าน นักธุรกิจด้านพลังงานลม ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้ต้องหาคนใดมีการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ามอบตัว เชื่อว่ายังอยู่ระหว่างหนี แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าอยู่ที่ไหน
       ผบก.น.5 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งสำนวนคดีทั้งของในพื้นที่สน.พระโขนง และสน.วัดพระยาไกร ไปตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. ส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา หากจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติมก็จะสั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบปากคำพยานอื่นๆ เพิ่ม คาดว่า ก่อนที่ตร.ส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบนำตัวไปส่งให้อัยการสั่งฟ้อง จะมีการนัดประชุมเพื่อสรุปคดีดังกล่าวร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนตร.ต่อไป
      พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายนพพรชี้แจงข้อเท็จจริงและร้องขอความเป็นธรรมอ้างเป็นฝ่ายตกเป็นเหยื่อ ยืนยันไม่ได้เป็นลูกหนี้ของคู่กรณีคือนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล คู่กรณีฟ้องร้องคดียักยอกทรัพย์เงินที่ร่วมลงทุนใน บริษัท กริฟฟอน อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง แค่ต้องการตกลงยอมความเกี่ยวกับเงินที่เคยกู้ยืมบริษัทเพื่อนร่วมหุ้นจำนวน 17 ล้านบาทนั้น รายละเอียดคดีดังกล่าวเป็นข้อมูลจากการสอบปากคำถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีการกระทำความผิดตามมาตรา 112 เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเน้นการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นหลักก่อน ทั้งนี้ ขอให้ผู้ต้องหาทั้งหมดเข้ามอบตัวเพื่อสู้คดีต่อไป