WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8781 ข่าวสดรายวัน


เพิ่มคดีพี่น้องสุวะดี แอบอ้าง เรียนป.โท-นิด้า 
หยุดเกิน-ไม่มีสิทธิสอบ ปลอมหนังสือเบื้องสูง! ขอให้ช่วยเป็นกรณีพิเศษ ตร.เข้าเรือนจำ-สอบเค้น แจ้งผิดม.112 อีกกระทง


เพิ่มข้อหา- พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. แถลงเพิ่มข้อหานาย ชากานต์ ภาคภูมิ และนายณัฐพล สุวะดี ก่อเหตุแอบอ้างเบื้องสูง ระหว่างเรียนอยู่ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า เมื่อ12 ธ.ค.

       ตร.เข้าเรือนจำแจ้งข้อหาเพิ่ม'ชากานต์'กับ'ณัฐพล สุวะดี' เครือญาติ 'บิ๊กกิ๊ก' คดีที่นิด้าแจ้งจับ แอบอ้างเบื้องสูงเรียนจนจบปริญญาโท เผยเวลาเรียนไม่ผ่านเกณฑ์แต่อ้างต้องไปปฏิบัติภารกิจพิเศษถวายงานเบื้องสูง ตร.ลาดพร้าวตามไปอายัดตัวในเรือนจำ และแจ้งข้อหาเพิ่มเติม หลังจากถูกจับหลายข้อหาและส่งควบคุมตัวในเรือนจำ

       เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว รายงานคดีเร่งด่วนถึง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. และพล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กรณีพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานยื่นต่อศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขออนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหา เครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามความผิดมาตรา 112 โดยมีผู้ร่วมกระทำผิด 2 ราย สืบเนื่องจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์(นิด้า) ส่งผู้ได้รับมอบอำนาจเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ให้ดำเนินคดีนายชากานต์ หรือยูริ ภาคภูมิ อายุ 34 ปี และนายณัฐพล หรือกอล์ฟ (อัครพงศ์ปรีชา) สุวะดี อายุ 29 ปี

     จากการสอบสวนผู้กล่าวหาทราบว่า นายชากานต์เคยเรียนระดับปริญญาโทที่นิด้า แต่เวลาเรียนไม่ครบตามเกณฑ์ที่กำหนดส่งผลทำให้เรียนไม่จบ แต่นายณัฐพลช่วยเหลือนายชากานต์ โดยอ้างว่าสาเหตุที่นายชากานต์ขาดเรียน เพราะติดงานภารกิจพิเศษถวายงานสถาบันเบื้องสูง จนทำให้นายชากานต์เรียนจบได้ในที่สุด ต่อมาศาลทหารอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว 

     จากนั้นเวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมกับประสานพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ขออายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นายณัฐพล และนายชากานต์ ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับพวกรวม 7 คน แอบอ้างสถาบันก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ทวงหนี้ผู้เสียหายจำนวน 37 ล้านบาท เหตุเกิดท้องที่สน.พระโขนง และร่วมกับพวกรวม 11 คน บังคับข่มขู่ให้ผู้เสียหายลดหนี้จาก 120 ล้านบาท เหลือเพียง 20 ล้านบาท เหตุเกิดท้องที่สน.วัดพระยาไกร 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2 คดีดังกล่าวทั้งคู่ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธ และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือกระทำการใดให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้อื่นถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำนวนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

     นอกจากนี้ นายชากานต์ยังร่วมกับพวกแอบอ้างเบื้องสูงเข้าแทรกแซงธุรกิจโรงน้ำ แข็งภายในตลาดไท จ.ปทุมธานี หลังจาก ผู้เสียหายซื้อกิจการต่อจากผู้ที่ประมูลได้มูลค่า 24 ล้านบาท โดยนายชากานต์พาพวกไปข่มขู่ผู้เสียหายให้เลิกธุรกิจโรงน้ำแข็ง เพื่อให้ผู้ว่าจ้างผูกขาดทำโรงน้ำแข็งในตลาดไทเพียงรายเดียว คดีนี้นายชากานต์และพวกรวมทั้งผู้ว่าจ้างถูกดำเนินคดีในท้องที่ สภ.คลอง หลวง จ.ปทุมธานี

       ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. และรรท.ผบช.ก. เปิดเผยว่า ศาลทหารกรุงเทพอนุมัติออกหมายจับนายชากานต์ ภาคภูมิ อายุ 34 ปี และนายณัฐพล (อัครพงศ์ปรีชา) สุวะดี อายุ 29 ปี สองผู้ต้องหาเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เพิ่มเติม ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตรา 112 จากกรณีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นิด้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายชากานต์ และนายณัฐพล ที่สน.ลาดพร้าว เนื่องจากนายณัฐพลทำหนังสือแจ้งไปยังนิด้า อ้างว่าเป็นพระอนุชาเพื่อให้นิด้าไม่ดำเนินการตามระเบียบต่อนาย ชากานต์ จากกรณีขาดเรียนชั้นปริญญาโทเกินกำหนด ทำให้มีเวลาเรียนไม่เพียงพอ โดยนายณัฐพลอ้างกับนิด้าว่านายชากานต์ได้ไปปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับสถาบัน

       พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน เป็นคนละกรณีกับข้อหาเดิม จากนี้จะอายัดตัวเพิ่มเติมต่อไป เนื่องจากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ ขณะที่กระบวนการสอบสวนคดีดังกล่าวกับ ผู้ต้องหารายอื่นๆ เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการคดีหมิ่นเบื้องสูงของตร.พิจารณา ทั้งนี้ในส่วนของสำนวนคดีหลักทั้งหมด มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน จากนั้นส่งต่อพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พิจารณากลั่นกรองอีกครั้งก่อนส่งอัยการต่อไป

       ผู้สื่อข่าวถามถึงสำนวนคดีอุ้มข่มขู่ทวงหนี้และลดหนี้ในพื้นที่นครบาล พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า บช.น.ส่งสำนวนมาที่ตร.แล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. ทั้งสำนวนของสน. พระโขนง และสน.วัดพระยาไกร โดยจะมอบหมายคณะกรรมการของตร.พิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เมื่อถามว่าจะออกหมายจับหรือหมายเรียกเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า กำลังรวบรวมหลักฐาน และเร่งสืบสวนสอบสวน ตลอดจนพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ ว่ามีบุคคลรับรู้รู้เห็นกับการกระทำผิดหรือไม่ หากเข้าองค์ประกอบการกระทำผิด ต้องออกหมายจับเพิ่มเติม แต่ตอนนี้ยังไม่พบ 

      ต่อข้อถามว่าวันที่ 14 ธ.ค.นี้ จะครบกำหนดหมายเรียกพ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผกก.6 บก.ป.มารายงานตัว พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามตัวแล้ว หากยังไม่มาจะออกหมายเรียกอีก 1 ครั้ง และหากมั่นใจว่าไม่มาแน่แล้วก็จะออกหมายจับต่อไป หากไม่มาอีกจะผิดวินัยเข้าข่ายขาดราชการ จะถูกลงโทษให้ออกจากราชการ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเลย ถือว่าผิดปกติมาก ขณะที่ตำรวจมีการติดตามทางลับ แต่ยังไม่ได้ร่องรอยใดๆ เนื่องจากผู้ถูกเรียกเป็นตำรวจมีความชำนาญในการซ่อนตัว

รรท.ผบช.ก.กล่าวถึงกรณีน้องชายนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ผู้กว้างขวางวงการน้ำมันภาคใต้ เข้ามาเรียกร้องความเป็นธรรมกับผบช.น. ว่า จะรับคำร้องดังกล่าวไว้ แต่ที่อ้างว่าไม่เคยจ่ายสินบน โดยนำหลักฐานมาให้ทำให้ข้อมูลยังขัดแย้งกันอยู่ เนื่องจากตำรวจมีหลักฐานการจ่ายชัดเจน อย่างไรก็ตามเชื่อว่านายสหชัยคงหนีไปอีกสักพัก เมื่อคิดได้คงเข้ามามอบตัว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เบาะแส ทั้งนี้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบตร. พอใจการทำงานของชุดสืบสวน พร้อมกำชับเกี่ยวกับการดำเนินการทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตรวจสอบของกลางและพยานหลักฐานตลอดจนสอบสวนขยายผล ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งคงต้องใช้เวลาแต่ไม่เกินกรอบ 30 วันที่ต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการป.ป.ช.

       ที่บช.น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิทวัส ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว แถลงข่าวขออายัดตัว ผู้ต้องหา 2 ราย ข้อหาตามความผิดมาตรา 112 คือ นายชากานต์ หรือยูริ ภาคภูมิ และนายณัฐพล หรือกอล์ฟ (อัครพงศ์ปรีชา) สุวะดี

      พ.ต.อ.วิทวัส เปิดเผยว่า สถานที่เกิดเหตุคือสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ลักษณะพฤติการณ์ของคดีเริ่มจากนายชากานต์ นักศึกษาภาคพิเศษหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน คณะรัฐประศาสน ศาสตร์ เข้าเรียนตั้งแต่ปี 2556 สามารถขาดเรียนได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่นายชากานต์ได้ขาดเรียน 3 ครั้ง จึงนำหนังสือทั้งหมด 3 ฉบับ ลงชื่อโดยนายณัฐพล มายื่นที่คณะที่ศึกษาอยู่ แจ้งว่ามีภารกิจติดตามดูแลบุคคลสำคัญ ทำให้การยื่นหนังสือได้สิทธิ์จากทางมหาวิทยาในการเข้าสอบ

      เมื่อตรวจสอบจากมหาวิทยาลัยในกรณีดังกล่าวแล้ว มหาวิทยาลัยประสานมาที่บก.ป.และพล.ต.ท.ศรีวราห์ เมื่อต้นเดือนธ.ค. จึงสั่งการสน.ลาดพร้าวตรวจสอบ พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานพบว่ามีการกระทำความผิดดังกล่าวจริง ก่อนขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารกรุงเทพ พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแล้วที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

      ผกก.สน.ลาดพร้าวกล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสอง ทราบว่า นายณัฐพล อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องและให้การปฏิเสธ ส่วนนายชากานต์รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นคนเซ็นชื่อทำหนังสือและยืนหนังสือดังกล่าวเอง ไม่ได้พาดพิงคนอื่นๆ แต่อย่างใด

        ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินคดีเฉพาะนาย ชากานต์หรือไม่ พ.ต.อ.วิทวัสกล่าวว่า เป็นเพียงคำให้การของผู้ต้องหา ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นดำเนินคดีกับทั้งสอง แต่จะสืบสวนสอบสวนจนถึงที่สุด

     ด้านพล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับความผิดลักษณะดังกล่าวทันที โดยเฉพาะความผิดตามมาตรา 112 ทุกคดีอย่างเด็ดขาด ส่วนคดีอื่นๆ อย่างกรณีนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล หลานพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์แอบอ้างเป็นพระญาติ ท้องที่สน.สามเสนนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว คาดว่าจะสรุปสำนวนคดีได้ในเร็ววัน ส่วนคดีอื่นๆ หากมีจะดำเนินการไปเรื่อยๆ ส่วนการอายัดตัว ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในพื้นที่อื่นๆ เช่น สภ.คลอง หลวง จ.ปทุมธานี ได้อายัดตัวผู้ต้องหาไว้ทั้งหมดแล้ว

      เมื่อถามถึงกรณีน้องชายเสี่ยโจ้ ผู้ต้องหาหนีคดีปลอมแปลงเอกสารที่จ.ปัตตานี และจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อนเครือข่ายอดีตผบช.ก. ร้องขอความเป็นธรรมว่ามีนายตำรวจระดับผกก.สังกัดตำรวจน้ำกลั่นแกล้งพี่ชายนั้น พล.ต.ต.ศรีวราห์กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนการตรวจสอบหลักฐานที่ได้รับมานั้น เอกสารการโอนเงินที่เป็นใบสลิปการโอนเงินที่น้องชายเสี่ยโจ้มอบให้มีจริง แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใบสลิปการโอนเงินค่าอะไร ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือที่นายชากานต์ยื่นให้กับคณะที่นิด้าทั้ง 3 ฉบับนั้น เป็นหนังสือตราครุฑ ส่วนราชการบันทึกข้อความ ไม่ได้ระบุวันที่แน่ชัด แต่ระบุช่วงเดือนก.ค. เรื่องรับรองการปฏิบัติราชการ เรียนถึงคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ เนื่องด้วยนายชากานต์ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นเลขานุการประจำตัว มีภารกิจในการติดตามดูแลบุคคลสำคัญในวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.2557 วันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย.2557 และวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ค.2557 จึงไม่สามารถเข้าเรียนวิชาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ระบุชื่ออาจารย์ประจำวิชา และยังระบุข้อความโดยนายณัฐพล เป็นผู้ยืนยันว่า นายชากานต์ติดปฏิบัติราชการจนไม่สามารถเข้าเรียนได้ดังกล่าว

       วันเดียวกันเวลา 13.00 น. นายภูษิต หิรัญพฤกษ์ เจ้าหน้าที่งานป่าไม้อาวุโส สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นำกำลัง 80 นาย พร้อมด้วยรถบรรทุก 5 คัน เข้าขนย้ายไม้แปรรูปของกลาง คดีเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีตผบช.ก. ซุกซ่อนไม้ไว้ในโกดังด้านหลังสวงค์ อพาร์ตเม้นต์ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

      นายภูษิตกล่าวว่า จะขนย้ายไม้ของกลางทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) อู่บก ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจุดนี้จุดเดียวตรวจนับแล้วมีมากกว่า 4 พันแผ่น จากนั้นจะขนย้ายไม้แปรรูปของกลางที่บ้านอีกหลังของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เลขที่ 50/962-3 หมู่ 9 หมู่บ้านเมืองทองธานี ซอยเอ 2 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และบ้านญาติของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ต่อไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!