WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

200


ยึดปืนอดีตรมต.ไชยา จู่โจมค้น 13 จุด 
'200 ตร.' ปูพรมทั่ว นครปฐม ส่งตรวจ คลี่'2 คดี'

       กองปราบฯบุกค้นบ้าน 'ไชยา สะสมทรัพย์' อดีตรมว.พาณิชย์พร้อมพื้นที่เป้าหมายอีก 12 จุดทั่วนครปฐม ตามยุทธการปฐมเจดีย์ โดยส่วนใหญ่เป็นบ้านนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ สามารถยึดปืน 25 กระบอก กระสุนนับพันนัด ป้ายทะเบียนรถ 16 แผ่น เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว และโพยพนันฟุตบอล 80 แผ่น รรท.ผบก.ป.เผยผบ.ตร.สั่งการให้รวบรวมข้อมูลแล้วลุยค้น 13 จุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยดำเนินคดีไป 3 คนฐานมีปืนเถื่อน-โพยบอล เตรียมส่งปืนที่ยึดไปตรวจเทียบกับคดียิงตร.สันติบาล-เสี่ยค้าหมู ด้านไชยาระบุยินดีให้ความร่วมมือ ปัดคนใกล้ชิด-ลูกน้องโยงคดี

 

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8949 ข่าวสดรายวัน

        เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 29 พ.ค. พ.ต.อ. อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พร้อมด้วยพ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย พ.ต.อ.สยาม บุญสม พ.ต.อ. พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.ช่วยราชการ ศปก.ตร. พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.7 รรท.ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม รรท.ผกก.สภ.เมืองนครปฐม นำกำลังตำรวจคอมมานโดกว่า 200 นาย พร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และอดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย รวมทั้งจุดต้องสงสัยต่างๆ ในจ.นครปฐม รวม 13 จุด เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกับคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง


ค้นบ้าน- นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรมต. (ซ้ายสุด) ยืนสังเกตการณ์ ขณะคอมมานโดกองปราบฯจู่โจมค้นบ้าน พร้อมกับบ้านคนดังอีก 12 จุดใน จ.นคร ปฐม ยึดอาวุธปืน 25 กระบอก กระสุนพันกว่านัด เมื่อ 29 พ.ค.

 

      สำหรับ เป้าทั้งหมด 13 จุด ที่เข้าตรวจค้นประกอบด้วย จุดที่ 1 บ้านในซอยมานิต หมู่ 2 ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม จุดที่ 2 บ้านในหมู่ 1 ต.ถนนขาด อ.เมือง จุดที่ 3 บ้านในต.บ่อพลับ อ.เมือง จุดที่ 4 บ้านบริเวณถนนจันทคามพิทักษ์ หมู่ 1 ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จุดที่ 5 บ้านในหมู่ 2 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จุดที่ 6 บ้านในหมู่ 7 ต.บางแขม อ.เมือง จุดที่ 7 บ้านริมถนนราชมรรคา ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จุดที่ 8 บ้านซอยตรอกโรงธูป ต.พระปฐมเจดีย์ จุดที่ 9 บ้านในหมู่ 8 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จุดที่ 10 บ้านในหมู่ 6 ต.หนองงูเหลือม อ.เมือง จุดที่ 11 บ้านในหมู่บ้านศรีสามพราน หมู่ 4 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จุดที่ 12 บ้านในหมู่ 5 ต.ดอนพุทรา อ.ดอนตูม จ.นครปฐม และจุดที่ 13 บ้านใน ต.ลำพยา อ.เมือง 

         โดยเป้าหมายทั้ง 13 จุดนั้นเป็นบ้านของบุคคลที่มีชื่อเสียง ทั้งนักการเมืองระดับประเทศ บ้านของอดีตส.ส. อดีตนายกอบจ. บ้านส.จ. บ้านอดีตนายกอบต. บ้านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคนสนิทของอดีตนักการเมือง

         ส่วนจุดสำคัญในการตรวจค้นครั้งนี้ เป็น บ้านของนายไชยา สะสมทรัพย์ โดยพ.ต.อ. อัคราเดช นำหมายค้นศาลอาญาเลขที่ 141/2558 ลงวันที่ 28 พ.ค. เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 211/2 ถ.มาลัยแมน ต.ลําพยา อ.เมือง จ.นครปฐม พบเป็นบ้านขนาดใหญ่ ปลูกอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนสั้น 8 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 11 ม.ม. และ .45 รวมกว่า 800 นัด วิทยุสื่อสารทางราชการ 2 เครื่อง และเสื้อเกราะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก 1 ตัว

ต่อมามีนายฉัตรชัย อยู่ญาติมาก อายุ 40 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นคนขับรถของนายไชยา รับสารภาพเป็นเจ้าของเสื้อเกราะ ดังกล่าว โดยอ้างมีผู้นำมาให้ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะนานมาแล้ว

      ส่วนนายไชยา กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ตนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะตำรวจก็แสดงหมายค้นอย่างถูกต้อง โดยเชื่อว่าน่าจะมีที่มาจากคดีที่ตำรวจสันติบาลถูกยิงเสียชีวิต จึงมีการตรวจค้นเพื่อหาอาวุธปืน ซึ่งก็ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ทั้งนี้สำหรับเรื่องที่มีผู้ให้ข่าวว่าคนร้ายเป็นบุคคลใกล้ชิดกับตนนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะคนสนิทสำหรับตนนั้น จะต้องเป็นคนที่อยู่ในบ้าน คอยรับใช้ดูแลและไม่มีทางที่คนสนิทหรือคนใกล้ชิดจะเป็นคนที่มีประวัติไม่ดี เนื่องจากตนเป็นนักการเมือง ไม่มีทางที่จะนำพวกกเฬวรากมาอยู่ด้วยให้เสียชื่อ

       เมื่อถามว่าการตรวจค้นครั้งนี้จะเชื่อมโยงในเรื่องการเมืองด้วยหรือไม่ เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยเหมือนเป็นเป้าอยู่ตลอดเวลา นายไชยากล่าวว่า คิดได้หลายอย่าง เพราะเราเป็นนักการเมือง ยืนกลางแจ้งโดนทั้งแดด ฝน ก้อนหินและดอกไม้ ซึ่งก็ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตรวจค้นนั้น ทันทีที่มีข่าวออกไปว่าบ้านของนายไชยาถูกตำรวจกองปราบปรามบุกตรวจค้น 'บ้านใหญ่' ก็มีบรรดาญาติและคนสนิทที่นับถือในพื้นที่ต่างเดินทางเข้ามาให้กำลังใจนายไชยาเป็นจำนวนมาก

ส่วนเป้าหมายที่สำคัญอีกจุดหนึ่งที่กองปราบฯเข้าตรวจค้น คือบ้านเลขที่ 473 ถ.ราชมรรคา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นบ้านชั้นเดียว เนื้อที่กว่า 1 ไร่ เปิดเป็นสำนักงานของบริษัท ไทยวุฒิพงษ์ จำกัด ประกอบกิจการรับถม ขุดบ่อดิน ซึ่งมีนาย วันชัย เอกวิชาพงษ์ เป็นเจ้าของและเป็นผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างตรวจค้นนั้นมีนายรัฐกร เจนกิจณรงค์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ส.ส.เบ้" อยู่บ้านหลังดังกล่าว ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น เบื้องต้นพบอาวุธปืนขนาด .380 พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ไม้คมแฝก 1 อัน และป้ายทะเบียนรถยนต์จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดนำไปตรวจสอบว่าครอบครองโดยถูกกฎหมายหรือไม่

ถัดมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม บช.ภ.7 พล.ต.ต.สุรชัย และพ.ต.อ.อัคราเดช พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในจ.นครปฐม ภายใต้ชื่อ "ยุทธการปฐมเจดีย์" ซึ่งผลการตรวจค้น พบของกลางอาวุธปืนขนาดต่างๆ จำนวน 25 กระบอก เป็นปืนพกสั้น 19 กระบอก ปืนยาว 6 กระบอก กระสุนกว่า 1,106 นัด แมกกาซีน 27 อัน โดยในส่วนของอาวุธปืน ยังมีปืนพกสั้นทองคำของนายไชยา ร่วมอยู่ด้วย 1 กระบอก ป้ายทะเบียนรถ 16 แผ่น เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง และโพยพนันฟุตบอล 80 แผ่น พ.ต.อ.อัคราเดชเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเกิดเหตุอาชญากรรมร้ายแรงในพื้นที่จ.นครปฐม มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเกิดคดีต่อชีวิตและร่างกายมากกว่า 20 คดี โดยเฉพาะคดีคนร้ายยิงส.ต.ต.สหชาติ ถึงสุข ผบ.หมู่ กก.1 บก.ส.3 เสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา และถัดไปไม่กี่วันมีการยิงเสี่ยค้าหมูเสียชีวิตในพื้นที่อีก นำไปสู่การโยกย้ายตำรวจครั้งใหญ่ในพื้นที่บช.ภ.7 รวมถึงตำรวจสันติบาลและกองปราบปราม ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

         พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จึงสั่งการมายังกองปราบปราม เพื่อให้เข้าดำเนินการ โดยรวบรวมข้อมูลต่างๆ เบื้องต้นได้กำหนดเป้าหมายตรวจค้นไว้ 13 จุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล จึงระดมกำลังปิดล้อมตรวจค้นตั้งแต่ช่วงเช้ามืด สามารถตรวจยึดอาวุธปืนได้ 25 กระบอก และจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย ในความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 3 ราย ความผิดฐานลักลอบเล่นการพนันฟุตบอล 1 ราย ในส่วนของอาวุธปืนนั้นส่วนใหญ่เป็นปืนที่มีทะเบียน หลังจากนี้จะตรวจยึดเพื่อนำไปยิงทดสอบเปรียบเทียบและตรวจสอบประวัติปืนว่าโยงคดีอาชญา กรรมและคดีสะเทือนขวัญในพื้นที่จ.นครปฐมหรือไม่

        วันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจทำไปตามข้อมูลที่ได้รับและเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องกับอาชญากรรมในพื้นที่ ตนไม่เคยสั่งให้ตำรวจกองปราบปรามไปค้นบ้านใครทั้งสิ้น และอย่ามองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ส่วนตำรวจนายใดที่ถูกย้ายเพราะเหตุที่เกิดขึ้น ได้เปิดโอกาสให้เข้ามาชี้แจง หากไม่เกี่ยวข้องก็จะให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม และถ้าแก้ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ได้ก็จะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยขอฝากไว้ว่าตำรวจยุคผมต้องทำงาน ถ้าใครไม่ทำหรือไม่ใส่ใจ ละเลย จนทำให้ประชาชนเดือดร้อน ผบ.ตร.ก็จะย้ายเข้ามาศปก.ตร.เรื่อยๆ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!