WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

7ลาน


สมยศ ยันบึ้ม 20 ศพ ยังอยู่ไทย ตั้งจักรทิพย์ไล่ล่า 
ระบุคนร้ายเป็นต่างชาติ ขอพันล.ติดสแกนไฮเทค สาทรชัดเสื้อฟ้าหย่อนตูม 'โอ๊ค'เพิ่มค่าหัวอีก 7 ล้าน

      ตั้ง 'จักรทิพย์' นำทีมล่ามือบึ้ม 20 ศพ พร้อมเครือข่ายหลังได้เบาะแสจากพยานจนรู้จุดขึ้นลงรถพร้อมขยายผลหาที่กบดาน ผบ.ตร.ระบุเชื่อ ยังอยู่ในไทย รับน่าจะเป็นต่างชาติ แต่ไม่ใช่พวกก่อการร้าย เสนอนายกฯของบพันล้าน ติดตั้งเครื่องสแกนใบหน้าสุดไฮเทค แม้ปลอมตัวก็ตรวจจับได้ เปิดคลิปวงจรปิดท่าเรือสาทร เห็นชัดชายเสื้อฟ้า กางเกงขายาว ถือถุงใส่ระเบิดมาหย่อนไว้ที่สะพานเชื่อม ก่อนหลบหนีไปแล้วเกิดระเบิดในวันต่อมา แต่ยังไม่ชัดว่าหวังผลอะไร 'โอ๊ค-พานทองแท้'ร่วมด้วย ประกาศให้ 7 ล้าน โดย 2 ล้านเป็นของผู้แจ้งเบาะแส ส่วนอีก 5 ล้านเป็นของชุดจับกุม


วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9033 ข่าวสดรายวัน
พุ่ง 10 ล้าน- ชาวกัมพูชาแห่ข้ามแดนมาดูภาพสเกตช์คนร้ายวางระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ ที่ติดประกาศไว้บริเวณด่านตม.คลองลึก จ.สระแก้ว พร้อมถ่ายรูปส่งต่อให้ญาติช่วยตามหา ล่าสุดรางวัลค่าหัวพุ่งสูงถึง 10 ล้านบาทแล้ว 


     จากกรณีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างชาติ 20 ราย บาดเจ็บ 123 คน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่วงจรปิดจับภาพชายต้องสงสัยลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ ใส่เสื้อสีเหลือง สะพายเป้เข้ามาในศาลพระพรหม ก่อนยัดกระเป๋าไว้ใต้ที่นั่งแล้วออกจากจุดเกิดเหตุก่อนระเบิดเพียง 3-4 นาที โดยเรียกจยย.รับจ้างไปส่งที่สวนลุมพินี ด้านพยานยืนยันผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติแต่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ถัดจากนั้น 1 วันเกิดเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทร ใต้สะพานตากสิน คาดเป็นการหย่อนระเบิดลงน้ำไว้ล่วงหน้า แล้วตั้งเวลาให้ระเบิด ตามที่ข่าวสดนำเสนอไปก่อนหน้านี้

'บิ๊กตู่'สั่งเร่งหาคนร้าย
     เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ไทย ตอนหนึ่งว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เราผ่านห้วงเวลาแห่งความเลวร้ายมาด้วยกัน เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค. เป็นการกระทำของผู้ที่มีจิตใจโหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ที่ต้องการสร้างความหวาดกลัว ทำลายความสงบสุขของประชาชน และภาพลักษณ์ของประเทศ ตนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย รัฐบาลยืนยันจะเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและขบวนการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ในปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมาก ขอให้คนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนมีความเชื่อมั่นและตั้งอยู่ในความมีสติ
    นายกฯ กล่าวว่า ช่วงนี้หลายคนคงเห็นข้อความต่างๆ ที่แสดงความเป็นห่วง เป็นกำลังใจหรือแสดงพลังของคนไทย รวมถึงข้อความแคมเปญของรัฐบาล "OUR HOME OUR COUNTRY STRONGER TOGETHER" หรือ "เราจะเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน เพราะที่นี่คือประเทศของเรา บ้านของเรา" ในสื่อต่างๆ ทุกข้อความมีวัตถุประสงค์ที่ดี ใครอยากใช้อันไหนก็ใช้ ไม่อยากให้ยกมาเป็นประเด็นให้ทะเลาะขัดแย้งกันอีก ต่อไปเราทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันมากกว่าเดิม ช่วยเหลือกันในทุกเรื่อง สามัคคีกันไว้ เราต้องสร้างประเทศด้วยมือของเราเอง ตนเชื่อว่าประเทศไทยมีคนดี คนมีน้ำใจ มีคุณธรรม มากกว่าคนไม่ดี เราต้องช่วยกัน เอาความดีชนะความไม่ดีให้ได้ 

ขอสังคมช่วยเป็นหูเป็นตา 
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนอยากขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคน ให้ใช้วิจารณญาณส่งต่อข่าวสารข้อมูล รูปภาพ ผ่านโซเชี่ยลมีเดีย โดยเฉพาะภาพความเสียหายในสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งภาพผู้ได้รับบาดเจ็บ สูญเสีย เพราะนอกจากจะละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานแล้ว ยังไม่ให้เกียรติ หรือซ้ำเติมกับบุคคลเหล่านั้น รวมทั้งเป็นการขยายความรุนแรงขึ้นไปให้มีผลกระทบด้านอื่นอีกด้วย คือไม่ว่าจะเกิดเหตุรุนแรงใดๆ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ให้ได้ กันประชาชน สื่อ ออกจากพื้นที่เกิดเหตุไปยังพื้นที่ปลอดภัย เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องความปลอดภัย การเก็บวัตถุหลักฐานเพื่อสืบสวนสอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
     นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่พวกเราชาวไทยทุกคนควรทำในตอนนี้คือ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ สิ่งที่ดีงามของประเทศเรา เพื่อเป็นกำลังใจให้คนไทยกันเองและสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ หยุด หรือเลิกเผยแพร่ข่าวที่ทำให้เกิดความสับสน ตื่นตระหนก และการสร้างความแตกแยกในจิตใจของคนไทยด้วยกัน หลายคนคงทราบแล้วเรื่องที่สำนักข่าวเยอรมันแห่งหนึ่ง เสนอข่าวเหตุระเบิดครั้งนี้ในเชิงสร้างสรรค์ ได้พูดถึงการแสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทย 
     "ประชาชนไม่ควรตกใจ กลัวจนเกินไป หรือยอมถูกข่มขู่ด้วยการกระทำเช่นนั้น เราสามารถดำเนินชีวิตตามปกติ เพิ่มความระมัดระวัง มีความช่างสังเกตมากขึ้น ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แจ้งสิ่งที่ผิดปกติต้องสงสัย จะเป็นโอกาสดีที่เราจะเลิกเป็น "สังคมก้มหน้า" ช่วยกันเป็นหูเป็นตาดีกว่า เฝ้าระวังภัยให้สังคม ไม่ใช่ก้มมองมือถือตลอดเวลา เห็นอะไรผิดปกติ สิ่งของไม่มีเจ้าของวางทิ้งไว้หรือคนที่ดูมีพิรุธโดยเฉพาะในพื้นที่ผู้คนพลุกพล่าน ขอรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที อย่าเข้าไปตรวจสอบเอง

 

ชี้บึ้มพระพรหม-สาทรก๊วนเดียวกัน
      ก่อนหน้านี้ที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เข้าควบคุมสถานการณ์ ทุกคนต้องมีหน้าที่เฝ้าระวัง และแจ้งเตือน เห็นอะไรผิดปกติก็แจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วรีบออกมาจากตรงนั้น ไม่ใช่ว่า กลัวจนไม่กล้าออกมาเลย อยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา ไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอย ถ้าเป็นเช่นนี้ประเทศชาติก็เสียหาย เราต้องมองว่าทุกประเทศก็เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มากกว่าเราเยอะแยะ ทำไมเขาถึงดำรงชีวิตได้จนทุกวันนี้ เพราะเขาสร้างความเข้มแข็ง และจะต้องแข็งแรงกว่าเดิม ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ต้องร่วมมือ กันเพราะที่นี่เป็นบ้านของเรา ประเทศเรา อย่าให้ใครมามีบทบาทมากนัก เราต้องกำหนดอนาคตของประเทศไทยเอง กำหนดอนาคตของประชาชนในชาติเอง แต่ก็ต้องฟังเสียงภายนอกด้วย เราทำเท่าที่เราพร้อม แต่เราฝืนอะไรใครไม่ได้มีมติอะไรก็ต้องทำตามนั้น
     ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รับรายงานว่าเริ่มมีตัวบุคคลต้องสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะเป็นขบวนการ ก็จะเชื่อมโยงระหว่างหน้าศาลพระพรหมกับที่สะพานสาทร มีเป้าหมายอยู่แล้ว ตนขอแจ้งเตือนก่อนว่าขอให้มามอบตัว

ยันไทยไม่เป็นศัตรูของใคร 
     "มีคนบอกว่าผมโง่ที่บอกให้พวกนี้มามอบตัว ผมมีวิธีการของผม กลยุทธ์ที่จะให้ทุกอย่างดีขึ้น ดีกว่าพูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำอะไร และคนที่ออกมาพูดอย่าลืมว่าที่ผ่านมาตัวเองอยู่ในอำนาจทั้งหมด แล้วทำได้หรือไม่ กี่ปีที่ผ่านมาอย่ามาโทษคนนั้นคนนี้อย่างเดียวไม่ได้ เหตุการณ์เกิดมาจากสมัยไหนเค้าเป็นคนเริ่ม เพราะฉะนั้นผมยังไม่ได้ไปโทษเขา ผมบอกแต่เพียงว่าหาความชัดเจนให้ได้ก่อนว่าเป็นเรื่องของการเมือง หรือเป็นเรื่องของต่างประเทศ ผมพูดว่าอย่างนี้ ซึ่งผมยังไม่ให้น้ำหนักไปทางใดจนกว่าจะมีหลักฐานชัดเจน เราจะตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ออกไปไม่ได้ เพราะวันนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไม่เห็นหรือมีระเบิดกันทุกวันทั้งโลกเลยแล้วทำไม ประเทศออสเตรเลียถึงพูดว่าอย่างนั้นเพราะเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันทำเราจะไปปฏิเสธไม่ได้เพราะวันหน้า คือประเทศเราที่ผมบอกเราอย่าไปพูดเลย เพราะเราไม่ใช่ศัตรูใคร อย่าเอาเราไปรบกับคนอื่นเขานั่นเป็นสิ่งที่ผมห่วง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


จุดหย่อน- สะพานข้ามท่าเรือสาทร จุดที่คนร้ายหย่อนระเบิดลงน้ำแล้วตั้งเวลาให้ทำงานในวันถัดมา ตร.เชื่อว่าเป็นระเบิดแบบเดียวกับที่วางสังหาร 20 ศพ ที่ศาลพระพรหมเอราวัณ 


บิ๊กตู่อ้อนนักธุรกิจญี่ปุ่น
    เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ในระหว่างการกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานนายกฯพบนักธุรกิจญี่ปุ่นว่า เสียใจจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดความสูญเสียกับนักท่องเที่ยวและมีชาวญี่ปุ่นด้วย ขณะนี้กำลังพิจารณาค่าเยียวยาให้เพิ่มขึ้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน 
    "ผมรู้สึกเสียใจเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น และยังไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร มันมีหลายสาเหตุ แต่คิดว่าคงได้ตัวเร็วๆ นี้ ขอร้องว่าอย่าเพิ่งหนีเราไปไหน รัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่ผ่านมาเราก็มีความสุขมาตลอด มีความปลอดภัย ในวันที่ผมไปร่วมปั่นจักรยาน มีความสุขมาก ปั่นได้ถึง 43 ก.ม. ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้มาคุยกับพวกท่านแล้ว เหนื่อยพอสมควร แต่เมื่อรู้ว่าจะได้มาคุยกับชาวญี่ปุ่นก็ต้องรักษาชีวิตมาให้ได้ กลัวไม่ได้เจอเพื่อน" พล.อประยุทธ์กล่าว

     นายกฯ กล่าวว่า ขอทำความเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยว ดีใจว่านักท่องเที่ยวยังแน่นมากอยู่เรียกว่าเพื่อนเรายังไม่ทิ้งเราในยามยากและลำบาก ถ้าเพื่อนอยู่ด้วยในยามเป็นสุขถือว่าธรรมดา แต่ในยามเป็นทุกข์หากทิ้งกันไป ถือเป็นเพื่อนที่ไม่ลึกซึ้ง หรือไม่เรียกว่าเป็นเพื่อนก็ได้

ผบ.ตร.ยันไม่เกี่ยวก่อการร้าย
      พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า จากการข่าวของสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือสมช.ระบุว่าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายแฝงตัวมาในประเทศไทย แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยประสานหน่วยข่าวกรองทั่วโลกและทุกหน่วยงานความมั่นคงให้ร่วมมือติดตามตัวผู้ก่อเหตุ และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ของประเทศต่างๆ เข้ามาใช้ในการสืบสวนอย่างการตรวจสอบใบหน้าคนร้ายให้มีความคมชัด ง่ายต่อการติดตามตัว ยอมรับว่าต่างประเทศ เป็นห่วงและเตือนประชาชนเกี่ยวกับการก่อการร้ายในประเทศไทย ซึ่งไทยก็น้อมรับในความเป็นห่วงของนานาประเทศ พร้อมกำชับให้ให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นเชิงสัญลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก 

สั่งห้ามให้ข่าวสื่อมวลชน
      ส่วนในความคืบหน้าของคดีนั้น พล.ต.อ. สมยศยืนยันว่าพยานมีมากกว่า 1 คน แต่จากนี้จะไม่เปิดเผยรายละเอียดพยานใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงกำชับให้งดให้รายละเอียดของคดีกับสื่อมวลชน ส่วนเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทรนั้น ยังไม่ชัดเจนว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เนื่องจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด ยังไม่สอดคล้องกัน แต่ตั้งข้อสังเกตว่าที่ท่าเรือสาทรมีการใช้วัตถุระเบิดคล้ายคลึงกันกับเหตุระเบิดที่ผ่านมา เช่นที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และล่าสุดก็เพิ่มเงินรางวัลนำจับอีก 1 ล้านบาท เป็น 3 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน
     "ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายสากลแต่อย่างใด โดยเรื่อง ภัยก่อการร้ายนั้นจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพียงตำรวจสากลหรือ อินเตอร์โพลที่ดูแลเป็นคดีทั่วไป เรื่องก่อการร้ายนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบของสากลจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลแจ้งเตือนกันตลอด ว่ามาจากประเทศต้นทางที่ไหนและจะไปไหน แต่ตอนนี้ยังไม่มี" ผบ.ตร. ระบุ
       พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายประเทศได้เสนอตัวเข้ามาให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของรัฐบาลและตำรวจไทยโดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยี แต่ไม่ได้เป็นการแทรกแซงแต่อย่างใด แต่เป็นการเข้ามาช่วยเหลือในการพิสูจน์หลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบว่าขณะนี้คน ร้ายคนนั้นอยู่ที่ไหน มีการเดินทางเข้าออกหรือไม่ กรณีมีการสงสัยเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งวันนี้ตนก็ได้ส่งทีมงานไปร่วมหารือกับหลายประเทศที่แจ้งความจำนงว่าจะช่วยเหลือทางการไทย

ยันเก็บหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง
        ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่มีนักวิเคราะห์และสื่อต่างประเทศ อาทิ บีบีซี วิจารณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ไทยเกี่ยวกับการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามหลักวิชาการทุกขั้นตอน โดยเจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ได้เก็บหลักฐานตั้งแต่คืนวันที่เกิดเหตุและพอรุ่งเช้าแสงเพียงพอก็เริ่มเก็บอีกครั้ง นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่อีโอดี ยังได้กวาดชิ้นส่วนทุกอย่างลงภาชนะเพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนที่จะสามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีได้อีกครั้งหนึ่งด้วย จึงไม่ทราบว่านักข่าวของบีบีซีคนนั้น มีความรู้ความชำนาญด้านวัตถุระเบิดเพียงพอหรือไม่ อาจเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักฐาน หรือไม่ทราบว่านักข่าวคนนั้นอาจเป็นหน่วยอีโอดีของสำนักข่าวบีบีซี หรือไม่ 
     ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่า กทม.เข้าไปทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุเร็วเกินไปว่า หน้าที่ของ กทม.ต้องทำความสะอาดอยู่เเล้ว เพราะขณะนั้นไม่มีหน่วยงานใดมาประสานขอเก็บหลักฐานเพิ่มเติม เรื่องนี้ขอความเป็นธรรมให้กทม.ด้วย เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ 

ปัดตอบสื่อนอกเปิดชื่อมือบึ้ม
       พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวถึงกรณีสำนักข่าวไทมส์ สหรัฐอเมริกา รายงานว่าชายต้องสงสัยวางระเบิดที่แยกราชประสงค์นั้นชื่อ "นายโมฮัมหมัด มูเซยิน" ซึ่งรัฐบาลสหรัฐกำลังติดตามตัวอยู่ว่า ยังไม่มีข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนแหล่งข่าวที่มาที่ไปของเรื่องนี้จะมาอย่างไรเราไม่ทราบ แต่ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำงานตามพยานหลักฐานที่ได้ 
     เมื่อถามว่า ตอนนี้ทราบชื่อผู้ต้องหาตามภาพสเกตช์หรือยัง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบชื่อ หรือหากมีก็ไม่จำเป็นต้องบอกกับสื่อมวลชนเพราะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด ส่วนกรณีผู้หญิงในชุดดำนั้น หากตำรวจสงสัยใครก็จะเชิญมาสอบถาม หากไม่ใช่ก็ปล่อยตัวไปทั้งนี้ สิ่งที่ตำรวจทำนั้นก็เพื่อขจัดข้อสงสัยที่เกิดขึ้นให้หมดไป


เกือบวุ่น- เจ้าหน้าที่อีโอดีตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัยวางทิ้งไว้ในกองบังคับการกองปราบปราม พบเป็นเพียงกระเป๋าใส่เสื้อผ้าและสมุดไดอารี่ระบุชื่อ ร.ต.ท.พิทักษ์ บำรุง รอง สว.กก.5 บก.ป. คาดว่าลืมทิ้งไว้ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.


    "ล่าสุดชายเสื้อแดงกับเสื้อขาวที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิดได้มาพบกับทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว จากการสอบถามและตรวจดูกล้องซีซีทีวีพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จบไปแล้ว ส่วนผู้หญิงชุดดำนั้นเจ้าตัวยังไม่ได้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่จึงไม่ทราบว่าคนสัญชาติใด" ผบ.ตร. กล่าว

ฮึ่มฟันพวกปล่อยข่าวออนไลน์
    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกระแสข่าวว่ามีผู้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการระเบิดว่าอาจไม่ใช่มาจากกระเป๋าของชายเสื้อเหลืองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องมือชนิดพิเศษที่ทำให้ภาพชัดขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียดทำให้มีข้อมูลมากกว่าสื่อออนไลน์ต่างๆ ทั้งนี้ ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ชอบโพสต์ข้อความหรือภาพซึ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนกแก่สังคมหรือทำให้เสียรูปคดีว่าให้หยุดการกระทำเสียแต่วันนี้ เพราะมีความผิดตามกฎหมายและเจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มจับกุมตัวมาดำเนินคดีเป็นตัวอย่างนับจากวันนี้ ขอให้เอาเวลาไปทำประโยชน์แก่สังคมดีกว่า ไม่ใช่เอาหน้าคนนั้นมาใส่ภาพนี้ ไร้สาระ นอกจากนั้นฝากไปถึงบรรดาสื่อมวลชนกระแสหลักด้วยว่าอย่ามัวแต่ไปเต้นตามสื่อออนไลน์เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่เสียเวลาและไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
     ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามชื่อจริงของ ผู้ต้องหาตามหมายจับอีกครั้ง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า "ถึงผมรู้ชื่อผมก็ไม่บอก ถามหน่อยว่าถ้าบอกไปแล้วน้องๆ ผู้สื่อข่าวจะช่วยติดตามตัวคนร้ายมาให้ผมได้หรือไม่"

วงจรปิดพบชายหิ้วบึ้มวางท่าเรือ 
       ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวน สน.ยานนาวา และชุดสืบสวนบก.น.6 ตรวจสอบไล่ติดตามภาพกล้องวงจรปิดระยะไกลจากบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุระเบิดใต้สะพานสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 17 ส.ค. มีชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขายาว แต่เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน เดินเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุจากทางเดินตรงเข้ามาตามขั้นบันไดขึ้นทางเดินไปท่าเรือสาทร จากนั้นเดินไปหยุดตรงราวสะพานทางเดินระหว่างทางแยก ระหว่างเดินมาชายต้องสงสัยดังกล่าว ถือถุงพลาสติกคาดว่าจะบรรจุระเบิดมาวางบนพื้นทางเดิน ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จากนั้นจึงเปลี่ยนจุดเดินไปประมาณ 5 ก้าว กระทั่งวางถุงพลาสติกไว้กับพื้นอีกครั้ง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พอสบโอกาสไม่เห็นคน ก็ใช้เท้าเขี่ยถุงพลาสติกลงน้ำบริเวณทางเดินท่าเรือ จุดที่เกิดเหตุระเบิด 
      ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใช้วิธีการจุดระเบิดเป็นอย่างไร และอาจจะวางระเบิดผิดพลาดหรือไม่ แต่จากพฤติการณ์อาจเป็นไปได้ว่าไม่ได้ตั้งใจประสงค์เอาชีวิต นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ด้วยว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าวอาจจะเป็นคนไทย ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนจะเร่งติดตามภาพกล้องจรปิดและพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าวต่อไป

ตั้ง"จักรทิพย์"คุมชุดคลี่คดี
    ทั้งนี้มีรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ แต่งตั้งชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีทั้งสิ้น 64 นาย โดยให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผบช.สพฐ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุ วรชัย ผบช.ส. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวน พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รองผบช.น. พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ก. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน เป็นต้น โดยให้พนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงในคดีอาญาที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน หรือผู้กระทำผิดอื่นอีกก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีในความผิดนั้นด้วย 

 

หิ้วรตท.โพสต์เฟซบุ๊กสอบ
      มีรายงานด้วยว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) และเจ้าหน้าที่ทหารเดินทางมารับตัว ร.ต.ท.พงษ์ศาสตร์ นนท์ตา อายุ 44 ปี พนักงานสอบสวนสน.สำเหร่ ไปสอบสวนก่อนพิจารณดำเนินคดีตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากพล.ต.ท.ศรีวราห์ รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ตรวจสอบพบว่ามีการโพสต์ในเฟซบุ๊กชื่อ "พงษ์ศาสตร์ นนท์ตา" ว่า "เร็วๆ นี้พวกมึงจะได้ยินข่าวดีหรือข่าวร้ายกูไม่รู้ ระส่ำระส่ายกันทั้งประเทศคอยดู" เป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ จากการการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ทหาร และ บก.ปอท. ได้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 23.24 น. ร.ต.ท.พงษ์ศาสตร์ เป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก จึงประสานบช.น. เพื่อนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง

โอ๊คเพิ่มรางวัลนำจับอีก 7 ล้าน 
    วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้ครบ 4 วัน ของเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์ซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศชาติครับ การจะเรียกขวัญและกำลังใจของคนในชาติ ตลอดจนความเชื่อมั่นของต่างชาติ ให้กลับคืนมาได้เร็วที่สุดนั้น จะต้องรีบจับตัวคนที่กระทำผิดมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยไม่ใช่ดินแดนที่ใครจะมาทำเรื่องร้ายๆ แบบนี้ แล้วลอยนวลไปได้ง่ายๆ
    ผู้ก่อเหตุเป็นคนชาติไหน เป็นการก่อการร้ายสากลหรือไม่ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นมีต้นตอมาจากอะไร ทุกอย่างต้องว่ากันตรงไปตรงมา เป็นไทยก็ว่าไทยเป็นต่างชาติชาติไหน ทำไปเพราะอะไรก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง การที่ยังไม่ทันสืบสวนอะไร ก็โยนความผิดว่าเป็นฝีมือคนไทยด้วยกันเอง ที่ทำไปเพราะเสียประโยชน์ทางการเมือง อย่างที่มีคนพยายามยัดเยียดความผิดให้ ตั้งแต่ฝุ่นควันระเบิดยังไม่ทันจางลงนั้น ถือเป็นการกระทำที่สร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย ซึ่งสมควรได้รับการประณามเป็นอย่างยิ่ง ถ้ายังปล่อยให้คนไทยด้วยกัน ฉวยโอกาสใช้วิกฤตของประเทศมาใส่ร้ายกันเอง ก็เข้าใกล้คำว่าเฟลสเตทหรือรัฐล้มเหลว เข้าไปทุกทีแล้ว
      "ทราบว่า มีการตั้งรางวัลนำจับ สำหรับ ผู้แจ้งเบาะแสมือวางระเบิดรวมกันถึง 3 ล้านบาทแล้ว ซึ่งถือเป็นการมีส่วนร่วมที่ดี ของผู้ที่ต้องการให้ประเทศชาติกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ผมก็อยากมีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย จึงขออนุมัติจากคุณพ่อ เพื่อสนับสนุนรางวัลนำจับอีก 7 ล้านบาท เพื่อให้ครบ 10 ล้าน โดยจะขอแบ่งเป็นผู้ที่ให้เบาะแส 2 ล้านบาท และอีก 5 ล้านบาท สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง กับการสืบสวนจับกุมในครั้งนี้"

เพื่อไทยแนะ"ไก่อู"เป็นมืออาชีพ
      นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ หลังจากชี้ประเด็นมาที่ความขัดแย้งทางการเมืองว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงและความไม่หวังดี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของใครจะต้องถูกประณาม แต่สังคมต้องแยกให้ออกจากอคติที่มีอยู่ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบต่อประเทศมาก ขณะเดียวกันได้รับฟังสิ่งที่พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกมาระบุว่าเป็นประเด็นทางการเมืองในประเทศ ถือว่าเป็นการแถลงที่ไม่เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำกัน สิ่งที่รัฐบาลควรจะต้องเร่งทำคือระดมความร่วมมือ ตนเชื่อว่าทุกคนในสังคมต้องการที่จะร่วมมือกันคลี่คลายปัญหา การ จะโยนปัญหาใส่ใครต้องไม่ใช่โยนบนความเชื่อหรืออคติ แต่ต้องเริ่มจากข้อมูลข้อเท็จจริง และสำคัญควรระดมความร่วมมือจากทุกฝ่ายมาช่วยกันในฐานะเจ้าของประเทศ
      "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ควรจะเป็นเครื่องมือใดๆ ที่จะมาปรักปรำทำลายคนที่เห็นต่างรัฐบาล ทุกอย่างควรว่ากันไปตามข้อเท็จจริง โดยทุกประเด็นควรจะต้องนำมาพิจารณาหมด แต่การทำงานจะต้องเริ่มจากข้อเท็จจริง ความเป็นจริง สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำเป็นลำดับ คือต้องเข้าไปสถานที่ที่เกิดเหตุ ช่วยเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประณามคนที่กระทำ เพราะเป็นเรื่องเลวร้ายและคนในสังคมทั้งหมดจะช่วยกันปกป้องประเทศและช่วยกันดูแล ไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายบานปลายไปมากกว่านี้ ต้องทำให้เกิดความชัดแจ้งว่าเราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก" นายภูมิธรรมกล่าว

นักข่าวตปท.ระบุไทยรู้ตัวมือบึ้ม
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์เทเลกราฟ ประเทศอังกฤษ รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกรัฐบาลทหาร แถลงไม่เชื่อว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายสากล แต่ทางการไทยได้ขอความช่วยเหลือจากองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) เพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัยหลักที่สันนิษฐานว่าเป็นชาวคอเคเชี่ยน หมายถึงชาวตะวันตกผิวขาว ชาวอาหรับ หรือมีเชื้อสายผสม ทั้งนี้ การยืนยันของทางการไทยที่ระบุว่าผู้ต้องสงสัยมือวางระเบิดเป็นชาวต่างชาติ และเป็นสมาชิกกลุ่มอาชญากรรม แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายสากล ยิ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยถึงแรงจูงใจและเป้าหมายที่ต้องการโจมตี
       นอกจากนี้ ยังมีกระแสในโลกออนไลน์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามล่าผู้ต้องสงสัยที่มีชื่อว่า นายโมฮัมหมัด มูเซยิน โดยในเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี่ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ของอังกฤษ โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 21 ส.ค. เวลา 12.27 น. ว่า ตำรวจไทยที่กำลังสืบสวนคดีระเบิดศาลพระพรหมที่สี่แยกราชประสงค์ กำลังตามล่าตัวชายที่มีชื่อว่า โมฮัมหมัด มูเซยิน แต่ทางการทหารปฏิเสธว่าการระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายสากล
      นายแพร์รี่ระบุว่า พยานซึ่งเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้างอีกคน ที่ไม่ได้เป็นผู้รับชายต้องสงสัยในวันเกิดเหตุ ระบุว่า จำชายต้องสงสัยได้ เพราะเคยไปส่งชายคนดังกล่าว 8 วันติดต่อกันในเดือนก.พ. โดยไปรับชายคนนี้ที่จุดเดียวกันบนถนนสาทร เวลา 05.30 น. และมักจะเร่งให้ขี่จักรยานยนต์อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะขับในความเร็วถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วก็ตาม ซึ่งตลอดทางมักจะโทรศัพท์พูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ

พบเบาะแส-ล่ากระชั้นมือบึ้ม
       รายงานข่าวแจ้งว่าหลังสอบสวนพยานทั้งวินจยย.และคนขับรถตุ๊กตุ๊ก จนเมื่อรู้จุดขึ้นลงรถของชายเสื้อเหลืองแล้ว จึงส่งกำลังลงไปติดตามถึงแหล่งกบดาน และได้พยานหลักฐานเพิ่มขึ้นอีกมาก พบเบาะแสกลุ่มขบวนการที่ร่วมมืออีกหลายคน จนเริ่มเห็นภาพชัดเจน และเชื่อว่าหากชายเสื้อเหลืองยังกบดานในประเทศก็น่าจะมีโอกาสจับกุมได้ รวมถึงขบวนการที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังทุกส่วนเพื่อเร่งคลี่คลายคดีนี้ให้ได้

เชื่อมือบึ้มยังอยู่ในไทย
     ที่กองปราบปราม พล.ต.อ.สมยศ พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.น. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. เรียกชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเหตุระเบิดของกองบังคับการปราบปราม เพื่อวางแนวทางการสืบสวนเร่งรัดคดี 
      พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกครั้งว่า ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เป็นการก่อการร้าย หรือการก่อการร้ายสากล เนื่องจากการก่อการร้าย โดยปกติกลุ่มหรือขบวนการจะมีการประกาศเจตนารมณ์ และแสดงตัวความรับผิดชอบทันทีที่เกิดเหตุ บางครั้งการก่อเหตุอาจจะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางความคิด ความคลุ้มคลั่งในเรื่องแนวคิดความเชื่อทางศาสนา แต่ไม่ใช่การก่อการร้าย แต่ กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ ทั้งนี้หน่วยข่าวกรองมีรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายทั้งหมด หากปรากฏ ตัวที่ไหนจะมีการแจ้งข่าวเตือน รวมทั้งจับตาความเคลื่อนไหวตลอดเวลา อย่างไรก็ ตามเชื่อว่าขณะนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุยังคงอยู่ในประเทศ 
    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ส่วนการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ หลังจากนี้จะมีการวางมาตรการในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออก โดยการนำเทคโนโลยีที่ชื่อว่า ไบโอ แมทริกซ์ มาใช้ ซึ่งสามารถแบ่งระบุลักษณะทางกายภาพจากการวางนิ้วมือลงยังเครื่องอ่านลายนิ้วมือก็จะปรากฏใบหน้า หรือหากก่อเหตุก็จะมีการสแกนใบหน้าตามข้อมูลที่เคยถ่ายภาพใบหน้าไว้ หากคนร้ายปลอมตัวเทคโน โลยีตัวนี้ก็สามารถที่จะขึ้นใบหน้าที่แท้จริงได้ ทั้งนี้นำเสนอเรื่องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งทางรัฐบาลได้ให้งบประมาณมูลค่านับพันล้านบาทในการจัดซื้อเทคโนโลยี ดังกล่าว เพื่อป้องกันเหตุในอนาคต

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!