WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

2สาว


อนุมัติจับ"บรรยิน 2 สาว"คดีหุ้นชูวงษ์ 
ชี้ปลอม เอกสาร ให้จำนำ เป็นโอน

    โดนแล้วพ.ต.ท.บรรยิน ศาลอนุมัติจับ พร้อมแคดดี้ สาวโบรกเกอร์กับแม่ รวม 4 คน ข้อหาปลอมแปลงเอกสารหุ้นเสี่ยชูวงษ์ จากจำนำให้เป็นโอน ถือว่าขัดเจตนารมณ์ แต่ยังไม่เกี่ยวกับคดีรถชนดับ ด้านพ.ต.ท.บรรยิน เตรียมมอบตัวตร. 25 ส.ค. ขอสู้คดีชั้นศาล ยันบริสุทธิ์ทุกข้อกล่าวหา ส่วนทนายแคดดี้สาวระบุไม่แน่ใจว่าลูกความเดินทางมามอบตัวได้หรือไม่เพราะท้องแก่เตรียมคลอดลูก

 

วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9036 ข่าวสดรายวัน

 

หมายจับ - พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เมื่อครั้งไปร้องเรียนที่ บก.ป. ล่าสุดถูกออกหมายจับคดีปลอมแปลงเอกสารโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง พร้อมกับน.ส.อุรชา วชิรกุณฑล (บน) น.ส. กัญฐณา ศิวาธนพล (ล่าง) และแม่ รวม 4 คน

     จากกรณีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจก่อสร้าง ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งญาติของผู้ตายมีข้อสงสัยถึงสาเหตุการตายในหลายประเด็น จนต้องเข้าร้องเรียนเพื่อให้รื้อฟื้นคดี และเข้าแจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อให้สอบสวนเรื่องการโอนหุ้นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ที่ผู้ตายได้โอนให้กับ 2 หญิงสาวคนสนิท ก่อนจะเสียชีวิต เนื่องจากพบว่ามีพิรุธในเอกสารหลายรายการ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

      ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท. ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พงส.กก.1 บก.ป. ร่วมประชุมตรวจสอบข้อบกพร่องในสำนวนสอบสวนเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้น พ.ต.อ.ประเสริฐ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เดินทางไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้

     ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด 4 ราย คือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 52 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.560/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค. ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือ รับของโจร น.ส.ศรีธรา พรหมา อายุ 52 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.561/2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ หรือ รับของโจร น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุณฑล อายุ 26 ปี ตามหมายจับอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.562/2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่น หรือประชาชน และน.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล อายุ 26 ปี ตามหมายจับอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.563/2558 ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อ ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร

    พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวว่า มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ และพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ไปขออำนาจศาล เพื่อออกหมายจับ ผู้ต้องหาในคดีทั้งหมด 4 ราย โดยศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนมีความมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ ส่วนกรณีคดีอุบัติเหตุ หากพบว่ามีความเคลือบแคลงและข้อสงสัยใดๆ ว่า เป็นเหตุฆาตกรรมอำพราง ทางกองปราบฯ ก็พร้อมจะรับคดีมาดำเนินการต่อไป

     เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกตร. กล่าวว่า คดีนี้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 4 ราย ร่วมกันลักทรัพย์และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, หรือรับของโจร ส่วนชนวนที่เชื่อมโยงไปสู่การออกหมายจับนั้น เนื่องจากมีเอกสารการโอนหุ้นพบการแก้ไข โดยมีการลบ ขีดฆ่า เมื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ สามารถเห็นได้ว่า รอยขีดฆ่าผิดไปจากวัตถุประสงค์ของนายชูวงษ์ โดย การจำนำหุ้น กลายเป็นการโอนหุ้น ไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งบุคคลที่สามยังไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์กันเช่นใด ซึ่งไม่ใช่ญาติ นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติในหลายประเด็น และสามารถออกหมายจับได้

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า เอกสารนี้มีการปลอมแปลงและนำไปใช้ ส่วนใครที่เอาไปใช้ก็ต้องผิดกฎหมาย และใช้เพื่อโอนหุ้นของคนอื่นมาเป็นของตนเอง ก็ผิดข้อหา ลักทรัพย์เหมือนกัน ส่วนหลักฐานในใบเอกสารที่เป็นของตัวแทนของบริษัทขายหุ้น มีลักษณะเป็นแบบฟอร์ม ซึ่งในแบบฟอร์ม มีต้นฉบับระบุว่าจำนำหุ้น คือนำหุ้นไปค้ำประกันและเบิกเงินมาเล่นหุ้นเพื่อขยายวงเงิน แต่เอกสารนี้ไม่ได้ใช้ไปขยายวงเงินแต่ อย่างใด แต่ถูกนำมาปรับเปลี่ยนแก้ไขเป็นโอนหุ้นแทน รวมทั้งสำเนาบัตรประชาชนของนายชูวงษ์และโบรกเกอร์มีการแก้ไข เนื่องจากสำเนาบัตรประชาชนของนายชูวงษ์จะมีรอยขีดฆ่าและเขียนว่าใช้เฉพาะจำนำหุ้นเท่านั้น แต่กรณีนี้มีการลบข้อความดังกล่าวออกไป ทำให้ทางเจ้าหน้าที่พบร่องรอย ผิดพลาดและนำไปสู่การออกหมายจับ

     พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ไม่มี หลักฐานว่านายชูวงษ์จะทราบเรื่องการโอนหุ้นหรือไม่ ถึงแม้จะมีการส่งหลักฐานทางไปรษณีย์จากบริษัทโบรกเกอร์ไปยังบริษัทนายชูวงษ์ก็ตาม แต่ทางเลขาฯ นายชูวงษ์บอกว่า เอกสารเหล่านี้ นายชูวงษ์สั่งว่าไม่ต้องรายงาน เพราะเป็นหุ้นนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว และให้รายงานเฉพาะหุ้นที่มีการซื้อขายเท่านั้น ส่วนที่น.ส.อุรชา ไม่มีข้อกล่าวหารับของโจรนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร เพราะเขาไม่มีหุ้นในบัญชี ซึ่งหุ้น 40 ล้านบาทนี้ ถูกโอนหุ้นไปสู่บัญชีมารดา แต่น.ส.อุรชารู้เห็นขั้นตอนทั้งหมด และเป็นคนช่วยประสานทางโทรศัพท์ให้

ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย มีความผิดในข้อหาเกี่ยวกับการโอนหุ้นเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรม ส่วนจะมีบุคคลเกี่ยวข้องมากกว่า 4 คนหรือไม่ ก็น่าจะมีมากกว่า 4 คน ที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นที่ผิดปกติ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่

    เมื่อถามว่า ครอบครัวนายชูวงษ์สามารถเรียกเงินทั้งหมดกลับมาได้หรือไม่ พล.ต.ท. ประวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้เป็นขั้นตอนอยู่ ต้องรอตรวจสอบ ว่าใครเป็นผู้เก็บรักษาของกลาง อย่างไรก็ตามหลักฐานทางคลิปเสียงนั้น ทางญาติไม่ยืนยันว่าเป็นเสียงของนายชูวงษ์ โดยยืนยันจากเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อเข้าไป และยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของใคร ตอนนี้ตนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มาก เพราะอยู่ในสำนวนหมดแล้ว ส่วนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์นั้น ยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งโอนคดีไปให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) รับผิดชอบ ขณะนี้ต้องรออุปกรณ์ทางเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในการคลี่คลายคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดและความเร่งของเครื่องยนต์ เพื่อให้เป็นฐานในการทดลองอุบัติเหตุแล้ว

      ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า เมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว ตำรวจก็มีหน้าที่ต้องจับกุมตัวมาดำเนินคดี หากเจอผู้ต้องหาก็ต้องจับ จึงอยากฝากถึงผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ขอให้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ เดิมทีคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบปราม แต่ตนได้มีคำสั่งให้โอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของ ตร. ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ เป็นผู้กำกับดูแลการสอบสวน เพื่อป้องกันการใช้อิทธิพลเข้ามาแทรกแซง เพราะหากคดียังอยู่ในความรับ ผิดของตำรวจนครบาล และกองปราบปราม บางครั้งพนักงานสอบสวนเด็กๆ อาจจะไม่สามารถรับแรงกดดัน หรืออาจจะถูกอิทธิพลแทรกแซงได้

     ขณะที่พ.ต.ท.บรรยิน ให้สัมภาษณ์ข่าวสดทางโทรศัพท์ ว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ทราบข่าวแล้วว่าถูกออกหมายจับ ต้องขอปรึกษากับทนายความก่อน เบื้องต้นคาดว่าจะเดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่กองปราบปราม ในวันที่ 25 ส.ค. นี้ เวลา 10.00 น. พร้อมกับจะเตรียมหลักทรัพย์ไปยื่นขอประกันตัวด้วย

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวต่ออีกว่า ตนคาดการณ์มาก่อนหน้านี้แล้วว่า คดีนี้ต้องมีการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง และหนึ่งในนั้นก็ต้องเป็นตนเอง แต่การถูกออกหมายจับก็ยังไม่ได้หมายถึงว่าตนทำผิด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบพยานเพียงด้านเดียว โดยที่ตนยังไม่มีโอกาสได้พูด วันที่ 25 ส.ค. ตนจะไปตัวเปล่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมหลักฐานอะไรไปยืนยัน ทุกอย่างขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล

     ด้านนายเสกสรรค์ เสนาชู ทนายความ ของน.ส.กัญฐณา กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างติดต่อน.ส.กัญฐณา ว่าจะให้ตัวเองเป็นตัวแทนพบเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนได้โทรศัพท์พูดคุย กับน.ส.กัญฐณา ก็ทราบว่าเขาใกล้จะคลอดลูกแล้ว ส่วนเรื่องที่ถูกออกหมายจับนั้นก็ต้องมาคุยรายละเอียด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!