- Details
- Category: DSI
- Published: Thursday, 30 October 2014 09:05
- Hits: 3193
‘บิ๊กต๊อก’ยกเครื่อง DSI รื้อรับคดีพิเศษ ต้องผ่านบอร์ดใหญ่
แนวหน้า : ‘บิ๊กต๊อก’ยกเครื่อง DSI รื้อรับคดีพิเศษ ต้องผ่านบอร์ดใหญ่ หวังฟื้นความเชื่อมั่น สุวณาถกด่วน 30 ต.ค.
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงยุติธรรม
ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นได้เข้าร่วมประชุมในโอกาสที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เดินทางมาตรวจเยี่ยม ดีเอสไอ เป็นครั้งแรกพร้อมมอบนโยบายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดดีเอสไอ
ภายหลังประชุมประมาณ 2ชั่วโมง พล.อ.ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้กำชับให้นโยบายจำกัดกรอบการทำงานของ13หน่วยงานของดีเอสไอ ให้มีความชัดเจน รวมทั้งได้มอบหมายนโยบายให้นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอไปพิจารณาถึงแนวทางการรับคดีพิเศษซึ่งมีปัญหาช่วงหลังระยะ3-4 ปี พบว่าการรับคดีพิเศษของดีเอสไอใช้ดุลพินิจของตัวบุคคล หรืออธิบดีดีเอสไอมากเกินไป การพิจารณาโดยความคิดเห็นของคนๆเดียว ทำให้มีข้อบกพร่องมากมาย อาจทำให้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายบริหารได้ง่าย จนเป็นที่มาของปัญหาความศรัทธา เคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อมั่นต่อองค์กรดีเอสไอ ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้นางสุวณาไปพิจารณาภายใน 2 วันก่อนนำรายละเอียดแก้ปัญหาดังกล่าวมารายงานต่อไป
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า การทำงานของดีเอสไอที่ผ่านมา อาจซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นอาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ทำให้ภาพลักษณ์ของดีเอสไอ ไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน เกิดความเคลือบแคลงจากสังคมซึ่งการทำงานของ ดีเอสไอ ต้องพิเศษจริงๆควรเป็นงานที่หน่วยงานอื่นไม่สามารถเข้าไปดำเนินการทำคดีได้เพื่อให้ดีเอสไอเป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวังได้จริง
“ต่อไปนี้ในการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ เสนอให้กลับไปใช้ระบบเดิมโดยในการพิจารณาการรับคดีทุกคดีเป็นคดีพิเศษ จะต้องผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการบอร์ดคคีพิเศษชุดใหญ่ ที่ประกอบด้วย กรรมการ จำนวน 21 คน ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการทำงาน” รมว.ยุติธรรม ย้ำ
ส่วนคดีบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 36 กลุ่มคดีนั้น รายละเอียดเป็นนามธรรม เขียนไว้กว้างๆและเป็นคดีที่มีหน่วยงานอื่นทำอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานเดิมของดีเอสไอ เพียงแต่ต้องการให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
พล.อ.ไพบูลย์ ยังได้สั่งให้นำข้อมูลคดีทั้งหมดของดีเอสไอที่แล้วเสร็จกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มารายงานด้วย เพื่อดูลักษณะคดี และศึกษารูปแบบการทำคดีว่ามีปัญหาจุดใด ในส่วนของดีเอสไอ จะยังคงรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนตามปกติแต่อาจจ่ายไปให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ เว้นแต่เป็นอาชญากรรมพิเศษที่มีความสลับซับซ้อนจริงๆ
สำหรับ คดีการเมืองนั้น ได้กำชับไปว่าการรายงานคดีไม่ต้องระบุว่าเป็นแดง เป็นกปปส. หรือผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายใด เพราะผู้ชุมนุมทุกคนคือคนไทยเหมือนกัน โดยให้ระบุว่าเป็นการชุมนุมสถานที่ใดและรายละเอียดเป็นอย่างไร ตราบใดที่ตนยังนั่งทำงานตำแหน่งนี้จะไม่มีการแบ่งแยกประชาชนเด็ดขาดเช่นเดียวกับคดีผังล้มเจ้าและคดีความผิดตาม มาตรา112 จะเรียกมาตรวจสอบว่ายังอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไออยู่หรือไม่
ขณะที่ นางสุวณา กล่าวหลังประชุมว่า รมว.ยุติธรรมให้นโยบายในการพิจารณารับคดีเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอ ว่ามีลักษณะปัญหาอย่างไรบ้าง และให้ใช้ดุลพินิจให้น้อยเนื่องจากเป็นเรื่องความคิดของบุคคล อาจส่งผลมีปัญหาในการทำงานได้ พร้อม ขอความร่วมมือจากคนดีเอสไอช่วยกันทำให้องค์กรเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
อธิบดีดีเอสไอ คนใหม่ระบุว่าไม่หนักใจหรือกังวลในภารกิจการการปฏิบัติหน้าที่อธิบดีดีเอสไอเพราะได้ทำงานในกระทรวงยุติธรรมมานานจึงมั่นใจว่าสามารถรวมพลังเจ้าหน้าที่ ที่มีอยู่ร่วมมือทำงานได้ แต่ยอมรับว่ากดดันและหนักใจ เรื่องภาพลักษณ์ของดีเอสไอที่จะต้องทำให้ดีขึ้นตามที่รัฐมนตรีคาดหวังซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแต่จะมีการพิจารณาก่อนว่า จะต้องพัฒนาจุดใดบ้าง
ส่วนการพิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินการพิจารณารับคดีพิเศษ นางสุวณากล่าวว่าในวันที่ 30 ต.ค.จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด มาประชุมหารือการทำงานเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ตามนโยบายของรัฐมนตรี โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด