WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

 

 

MTI 720x100

 

กฎหมาย-คดีความ กฎหมาย-คดีความ

8383 TIA

TIA ปลื้ม!! Class Action สัญจร ครั้งที่ 6 จังหวัดอุดรราชธานี คึกคักทนายความอาชีพ 200 คนร่วมอบรม

          สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) จัด Class Action สัญจรครั้งที่ 6 ที่อีสานภาค 4 จังหวัดอุดรธานี พื้นที่ครอบคลุมทนายความอาชีพใน 12 จังหวัด เกี่ยวกับการดำเนินคดีแบบกลุ่มคดีเกี่ยวกับหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มความรู้ให้กับทนายความ และรับข้อมูลและแนวทางปฏิบัติตรงจากผู้พิพากษาศาลสูง อบรมจบรับวุฒิบัตรทันที ใช้เป็นใบเบิกทางเข้าสู่ทนายความอาชีพที่ผ่านการอบรมความรู้คดี Class Action ด้านตลาดทุน 

 

8383 TIA ยิ่งยง

 

          คุณยิ่งยง นิลเสนา นายก สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) องค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคล “ทำหน้าที่ สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุน เพื่อความยั่งยืน ที่อยู่คู่ตลาดทุนไทยมากว่า 35 ปี เปิดเผยว่า สมาคมยังคงเดินหน้าให้ความรู้เรื่องการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) อย่างต่อเนื่อง จากที่ผ่านมาดำเนินการมาแล้ว 5 จังหวัด และยังคงได้รับความสนใจจากทนายความอาชีพเข้าร่วมอบรบกว่า 200 ราย ซึ่งรวมกับการสัญจรที่ผ่านมา มีทนายความอาชีพผ่านการอบรมเกือบ 800 กว่าคนแล้ว และคาดหวังว่า การฟ้องคดีแบบกลุ่ม - Class Action” จะเป็นเครื่องมือในการปกป้องนักลงทุนที่ให้ได้รับความไม่เป็นธรรมจากการลงทุน

 

8383 TIA สิริพร

 

          คุณสิริพร จังตระกุล เลขาธิการ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) กล่าวว่า การจัดสัญจรปีนี้ ทาง TIA ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณทั้งหมดจาก กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เป้าหมายของการจัดสัญจรให้ความรู้เชิงลึกทั้งทางทฤษฎีและแนวทางปฎิบัติและการนำมาใช้ในอาชีพจริง ให้กับทนายความอาชีพทั่วประเทศไทย นำกฎหมาย Class Action มาใช้ในตลาดทุนไทย เพื่อเป็นเครื่องมือในการดูแลและปกป้องนักลงทุน ดังนั้นการเติมความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อเป็นส่วนสำคัญให้การบังคับใช้กฏหมายให้มีประสิทธิภาพ 

          นอกจากนี้การมาสัญจรที่อุดรธานี ครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสานภาค 4 ที่มี 12 จังหวัดในพื้นที่ มีทั้งห้องค้าหลักทรัพย์ และธุรกิจที่สำคัญ ดังนั้นการให้ความรู้ Class Action กับทนายความจะเป็นกลไกในการดูแลนักลงทุนได้

 

8383 พิเชฐ กรรมการบริหาร สภาทนายความภาค4

 

          คุณพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหาร สภาทนายความภาค 4 กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดี และต้องขอขอบคุณทางสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ที่มาจัด Class Action เพื่อให้ความรู้กับทนายความอาชีพในพื้นที่อีสานภาค 4 เพื่อสามารถนำความรู้ไปช่วยสร้างความยุติธรรม และเป็นธรรมในตลาดทุนและในโลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลง การทำธุรกิจจะต้องเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนระหว่างกัน ดังนั้นอาชีพทนายความจะต้องมีการเติมความรู้ และมีส่วนร่วมในสร้างความเป็นธรรมและยุติ 

 

8383 ภุชพงศ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์

 

          ด้านท่านภุชพงศ์ จรัสทรงกิติ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้บรรยายให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคดีกลุ่มกับทนายอาชีพที่เข้าร่วมอบรม ว่าการดำเนินคดีแบบกลุ่ม การเขียนคำร้องขออนุญาตในการดำเนินคดีแบบกลุ่มเป็นเรื่องสำคัญและเป็นด่านแรกของการเข้าสู่การดำเนินคดีแบบกลุ่ม ซึ่งถือว่าสำคัญมาก ซึ่งในขณะนี้ศาลเองก็ได้ให้เจ้าพนักงานคดีกลุ่ม สามารถให้คำปรึกษาแนะนำ ในประเด็นข้อกฎหมายให้กับทนายโจทก์ ในการเขียนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม แต่ไม่ใช่คำแนะนำที่จะก่อให้เกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบในการดำเนินคดี 

          ทั้งนี้คำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นการใช้ระบบไต่สวน ศาลจำเป็นต้องสืบค้น และค้นหาความจริงเป็นสำคัญจะไม่ใช้ดูจากข้อมูลที่แนบมาเพียงอย่างเดียว

          อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการยื่นขอดำเนินคดีแบบกลุ่มกำลังเกิดขึ้นในคดีที่เกี่ยวข้องกับคอนโดมิเนียม และ ประกันภัยโควิด ที่บริษัทที่ขายประกันไม่ยอมจ่ายให้กับผู้ซื้อ และมีการยื่นคำร้องขอเข้ามา และศาลชั้นต้นพิจารณาให้โอนไปศาลแขวงพระนครเหนือ แต่ด้วยกฎหมายการดำเนินคดีแบบกลุ่มอำนาจจะต้องอยู่ที่ศาลชั้นต้น ศาลแขวงไม่สามารถพิจารณาคดีได้ ศาลอุทธรณ์จึงได้พิจารณาและมีคำสั่งให้โอนมาที่ศาลชั้นต้นทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายการฟ้องร้องกลุ่มเกิดขึ้นจริง

          “นับตั้งแต่เริ่มที่จะดำเนินคดีแบบกลุ่มขอแนะนำให้ทำรายละเอียดทั้งหมดของกลุ่มบุคคลที่เข้ามา และทำรายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทำคดีทั้งหมด เพราะเมื่อถึงวันที่ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม ประเด็นเหล่านี้ก็ต้องพร้อมที่จะเปิดเพื่อการพิจารณา เพราะตามกฎหมายนั้นผลตอบแทนของคดีที่จะได้รับ 30% ของมูลฟ้องนั้นทนายความจะต้องถูกนำมาพิจารณาทั้งหมด”

 

8383 ชลวัชร รองเลขานุการศาลฏีกา

 

          ด้าน ท่านชลวัชร อัศวพิริยอนันต์ รองเลขานุการศาลฏีกา กล่าวว่า การดำเนินคดีแบบกลุ่มจะมีประโยชน์โดยรวมมากเพราะเป็นการดำเนินการครั้งเดียวแต่คำพิพากษาจะครอบคลุมทั้งหมด ทั้งผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกกลุ่ม และไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่ม บนสิทธิ และข้อเท็จจริงเหมือนกัน ภายใต้หลักกฎหมายเดียวกัน รวมทั้งมีระยะเวลาที่เร็วกว่า และค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการดำเนินคดีตามขบวนการปกติ เพราะคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว

          ทั้งนี้ การดำเนินคดีแบบกลุ่มในคดีหลักทรัพย์จะมีลักษณะความผิด 2 ลักษณะคือ ผิดสัญญาที่จะครอบคลุมทั้งเรื่องของหุ้น และหุ้นกู้ที่ออกแล้วผู้ออกไม่ทำตามสัญญา ส่วนการละเมิดนั้นคือการบอกกล่าวข้อมูลอันเป็นเท็จ และข้อมูลที่เป็นถูกนำไปใช้ในการวิเคราะห์นำไปเผยแพร่ต่อทำให้เกิดการเข้าใจผิด การสร้างราคาและปั่นหุ้น สามารถดำเนินคดีแบบกลุ่มได้

          “การเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มเมื่อคำตัดสินของศาลออกมาไม่ว่าคดีนั้นจะมีผลชนะหรือแพ้คำตัดสินจะครอบคลุมทั้งหมด และคนที่ไม่เป็นสมาชิกกลุ่มหรือคนที่เป็นสมาชิกกลุ่มก็ไม่สามารถฟ้องในคดีเดียวกันได้อีก” 

          นอกจากนี้การดำเนินคดีแบบกลุ่มในคดีหลักทรัพย์ การแบ่งกลุ่มเป็นเรื่องสำคัญมากในการทำคดีซึ่งในกรณีซื้อขายหลักทรัพย์จะแบ่งได้ 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มคนที่เข้าซื้อหุ้นและยังคงถือหุ้นอยู่เต็มจำนวนที่ซื้อ 2.กลุ่มที่เข้าซื้อก่อน และระหว่างทางมีการขายออก แต่ไม่ได้ขายทั้งหมดและยังมีหุ้นถืออยู่ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีความยากในการคิดและประเมินมูลค่า และ 3.ขายหุ้นออกทั้งหมดแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนิติบุคคลที่เข้าลงทุนหุ้นที่มีปัญหาซึ่งกลุ่มนี้จะมีการจัดการเพราะมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการจัดการก่อนเมื่อเห็นว่าเกิดปัญหา

 

 

8383

Click Donate Support Web 

TOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100

31082 KH Academy

KH Academy ผนึก 4 บริษัทที่ปรึกษากฎหมายชั้นนำ เปิด KH Legal Aid แนะทางแก้ข้อพิพาททางแพ่งฟรี!

          KH Academy ร่วมมือ “บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย” ชั้นนำของประเทศไทย 4 แห่ง เปิดศูนย์บริการให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย KH Legal Aid ให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีกรณีข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับสัญญาทางแพ่ง ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย กำหนดเปิดบริการ 1 วันต่อสัปดาห์ รับสัปดาห์ละ 6 เคส พร้อมจัดกิจกรรมบรรยายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายในชีวิตประจำวัน หวังยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคมไทยให้ดีขึ้นฟากผู้บริหาร KH Academy มั่นใจประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี 

          นายบูรพา สงวนวงศ์ ผู้บริหารสถาบันการเรียนรู้ KH Academy เปิดเผยว่า KH Academy เดินหน้าให้บริการสาธารณประโยชน์ตามพันธกิจของการจัดตั้งสถาบันอย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการให้บริการด้านการศึกษาผ่านโครงการ KH Preps รุ่นที่ 1 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเยาวชนในระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 2-4 จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นบุคลากรในวิชาชีพด้านการเงินการลงทุนผ่านการเรียนรู้ 3 หลักสูตร ประกอบด้วย 1. Prep for Financial Advisor หลักสูตรเตรียมความพร้อมด้านวิชาชีพที่ปรึกษาทางการเงิน 2. Prep for Investment Analyst หลักสูตรเตรียมความพร้อมด้านวิชาชีพนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และ 3. Prep for Fund Manager หลักสูตรเตรียมความพร้อมด้านวิชาชีพผู้จัดการกองทุน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับจากนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมฝึกอบรมเป็นจำนวนมาก

          ล่าสุด KH Academy ร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษากฎหมายชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ 1. Kudun and Partners Company Limited 2. TTT & Partners Company Limited 3. Herbert Smith Freehills (Thailand) Limited และ 4. DFDL (Thailand) Limited เปิดศูนย์ให้บริการคำแนะนำและที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย KH Legal Aid เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่มีปัญหากรณีพิพาทที่เกี่ยวข้องกับสัญญาทางแพ่ง เช่น มรดก กรมธรรม์ ข้อตกลงหุ้นส่วน คู่ค้า คู่เช่า นายจ้าง-ลูกจ้าง เจ้าหนี้-ลูกหนี้ ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านการจัดตั้งนิติบุคคลเชิงพาณิชย์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยกำหนดให้บริการ 1 วันต่อสัปดาห์ คือทุกวันเสาร์ จำนวน 6 เคส เคสละ 1 ชั่วโมง เปิดให้บริการตลอดทั้งปี 2567 เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป 

          โดยผู้ที่มีความประสงค์จะขอรับบริการคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายกับ KH Legal Aid สามารถลงทะเบียนยื่นคำขอเพื่อพิจารณาได้ทางแอปพลิเคชั่น KH Academy ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ตลอด 24 ชั่วโมง เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. นี้

          นอกจากนี้ KH Legal Aid ยังจะมีการจัดการบรรยายให้ความรู้ทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยบุคลากรทางกฎหมายจากทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมเป็นผู้บรรยาย เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับประชาชนทั่วไปอีกด้วย สามารถติดตามรายละเอียดผ่านทางแอปพลิเคชั่น KH Academy เช่นเดียวกัน ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ ios และ android

          “KH Academy เปิดให้บริการ KH Legal Aid เพื่อเป็นศูนย์ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายกรณีพิพาทที่เกี่ยวข้องกับสัญญาแห่งผลประโยชน์ให้กับประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่ง KH Legal Aid เป็นไปตามพันธกิจหลักของ KH Academy ที่ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและยกระดับคุณภาพสังคมไทยให้ดีขึ้น โดยกำหนดให้บริการสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และจะเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไปและต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับผลการตอบรับที่ดีจากประชาชนและเกิดการบอกต่อระหว่างเคสอย่างแน่นอน” นายบูรพา กล่าว 

          อนึ่ง สถาบันการเรียนรู้ KH Academy ร่วมมือกับองค์กรเอกชนผู้สนับสนุน ประกอบด้วย บริษัท บี.กริม พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BGRIM), บริษัท ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PSG), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB), บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTS), บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) (GABLE) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพและเตรียมความพร้อมบุคลากรในวิชาชีพด้านการเงินและการลงทุน รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนทั่วไป โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้เข้าร่วมโครงการใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

5037

Click Donate Support Web 

SME 720x100 66

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

EXIM One 720x90 C J

MTL 720x100

QIC 720x100

AXA 720 x100aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

SME 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

gen 720x100

TOA 720x100

1 กฤษณ์ กรณ์

กฤษณ์-กรณ์ พร้อมทนายความกางหลักฐานชิ้นสำคัญ ลบทุกข้อสงสัยครอบครัวณรงค์เดช ชี้ชัดนายเกษม บิดาโดนปลอมลายเซ็นจริง

จากกรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายณพ ณรงค์เดช และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา กับพวกในข้อหาปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1708/2564 กรณีที่นายณพ อ้างว่านายเกษม (บิดา) เป็นตัวแทนให้กับคุณหญิงกอแก้ว (แม่ยาย) ในการซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอยี โฮลดิ้ง จำกัด และการโอนหุ้นวินด์ เอนเนอยี ไปให้บริษัทโกลเด้น มิวสิค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ครอบครัวมีแถลงการณ์ประกาศตัดนายณพ ออกจากตระกูลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561

ที่ผ่านมานายเกษมได้ถูกเข้าใจผิดมาตลอดระยะเวลาหลายปีว่า การที่นายเกษม และครอบครัวณรงค์เดช ออกมาพูดเรื่องการถูกปลอมลายมือชื่อ เพื่อโอนหุ้นของนายเกษมไปให้แก่คุณหญิงกอแก้ว เป็นเรื่องไม่จริง ทั้งที่มีการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของนายเกษมในเอกสารปัญหาดังกล่าวโดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ที่ผลปรากฎจากการตรวจสอบจากทั้ง 2 สถาบันล้วนยืนยันออกมาตรงกันว่า เป็นลายมือชื่อปลอม ซึ่งครอบครัวณรงค์เดชได้ใช้ความอดทนเพื่อรอการพิสูจน์โดยกระบวนการยุติธรรมเรื่อยมา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ1753/2566 โดยศาลมีคำสั่งพิพากษาว่า เอกสารจำนวน 5 ฉบับเป็นลายเซ็นปลอม กล่าวคือ

            1) สัญญาซื้อขายหุ้นวินด์ ที่นายเกษม ทำกับบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด

            2) หนังสือแต่งตั้งตัวแทน ที่นายเกษม รับเป็นตัวแทนของคุณหญิงกอแก้วในการซื้อหุ้นวินด์

            3) ตราสารการโอนหุ้น ที่นายเกษม โอนหุ้นของบริษัทโกลเด้นมิวสิค ให้แก่คุณหญิงกอแก้ว

            4) ใบซื้อขายหุ้น ที่นายเกษม ขายหุ้นบริษัทโกลเด้นมิวสิค ให้แก่คุณหญิงกอแก้ว

            5) คำประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นทรัสต์ ที่นายเกษม ประกาศว่า หุ้นบริษัทโกลเด้นมิวสิคเป็นของคุณหญิงกอแก้ว และผลประโยชน์ใดๆที่เกิดขึ้นจากหุ้นต้องตกเป็นของคุณหญิงกอแก้ว รายละเอียดของคดีดังกล่าวขอให้นายพิชา ป้อมค่ายทนายความของครอบครัวณรงค์เดชชี้แจงต่อไปโดยทนายความครอบครัว ณรงค์เดช กล่าวว่า

 “ทั้งนี้ เอกสาร 5 ฉบับที่มีลายมือชื่อนายเกษม ที่ศาลมีคำพิพากษาว่า เป็นลายมือชื่อปลอม จึงถือว่าเป็นเอกสารปลอม ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้ริบเอกสารทั้ง 5 ฉบับดังกล่าว ซึ่งการริบตามความหมายในคำพิพากษาศาลก็เพราะเอกสารปลอมถือเป็นทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดหรือโดยนำไปใช้ก็จะมีความผิด แต่คดีนี้ศาลได้ยกฟ้องจำเลย เนื่องจากฝ่ายโจทก์ (นายเกษม) ไม่สามารถยืนยันระบุได้ว่าจำเลยคนใดเป็นผู้ทำเอกสารปลอม

 แต่ด้วยผลแห่งคำพิพากษาของศาลอาญากรุงเทพใต้ดังกล่าวที่พิพากษาอย่างชัดเจนว่าเอกสารทั้ง 5 ฉบับเป็นเอกสารปลอม จึงถือได้ว่านายเกษมไม่เคยเป็นตัวแทนหรือนอมินีของคุณหญิงกอแก้วในการซื้อหุ้นวินด์ เอนเนอยี ตามที่นายณพ และคุณหญิงกอแก้วได้กล่างอ้างมาตลอด และเมื่อเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นบริษัทโกลเด้นมิวสิคระหว่างนายเกษม และคุณหญิงกอแก้วเป็นเอกสารปลอมการโอนหุ้นจึงไม่มีผลทางกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ”

 การที่ครอบครัวณรงค์เดช ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนในวันนี้ เพราะเพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษาจากศาล และได้ตรวจสอบข้อความในคำพิพากษาทั้งหมดแล้ว จากคำพิพากษาของศาลอาญากรุงเทพใต้ดังกล่าวเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่นายเกษม และครอบครัวณรงค์เดชได้พูดกับสื่อมวลชนมาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 ว่านายเกษมถูกปลอมลายมือชื่อ เพื่อโอนหุ้นวินเอนเนอยี ของครอบครัวออกไป เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

จึงขอนำเอาความจริงที่ศาลได้พิพากษามาแถลงแก่สื่อมวลชน เพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณชนว่า ครอบครัวณรงค์เดชประกอบอาชีพ โดยสุจริต ไม่เคยคิดโกงใคร และนายเกษมเอง เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงไม่มีทางยินยอมเป็นนอมินีหรือเป็นตัวแทนให้แก่คุณหญิงกอแก้วอย่างแน่นอน และธุรกิจในเครือของครอบครัวณรงค์เดช ทั้งหมดได้แบ่งการบริหารงาน โดยนายกฤษณ์ และนายกรณ์ ทายาทของครอบครัวที่เหลืออยู่เพียง 2 คนเท่านั้น”

 

Click Donate Support Web  

gpf 720x100 66

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!