WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ส่งเลขาปปช.นำทีมถกอสส.ไล่บี้ฟ้อง'ปู' ยิ่งลักษณ์ยืนกรานปัดโกงข้าว

     แนวหน้า : ส่งเลขาปปช.นำทีมถกอสส. ไล่บี้ฟ้อง'ปู'ยิ่งลักษณ์ยืนกรานปัดโกงข้าว โวยชี้นำกระบวนการยุติธรรม

      นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยความคืบหน้าการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อหาข้อสรุปสำนวนทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่ยังไม่สมบูรณ์ว่า ป.ป.ช.จะนำเรื่องการตั้งคณะทำงานร่วมฯเข้าหารือในที่ประชุม ป.ป.ช. วันที่ 9 กันยายน โดยป.ป.ช.จะส่งคณะทำงาน 10 คน ร่วมเป็นคณะทำงานกับอัยการฯ แต่จะเป็นใครบ้าง ต้องรอให้ที่ประชุม ป.ป.ช.กำหนด แต่คงเป็นระดับใกล้เคียงกับที่ฝ่ายอัยการส่งมา

     ขณะที่ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช.กล่าวว่า จะหารือการตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการสูงสุดในที่ประชุม ป.ป.ช.วันที่ 9 กันยายน เมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดตั้งมา 10 คน มีรองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะ ป.ป.ช.ก็จะให้เลขาธิการ ป.ป.ช.เป็นหัวหน้าคณะ 10 คนของป.ป.ช. ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีชื่อของกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ในคณะทำงานร่วมนั้น ก็เคยมี หากเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ไม่มีข้อจำกัด

     ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องรายงานวิจัยข้าวของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) อาจเป็นข้อมูลเดิมตั้งแต่ปี 2554นั้น นายปานเทพกล่าวย้ำว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นหลักฐานส่วนหนึ่งที่ถูกอ้างถึงไม่ใช่หลักฐานทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารประกอบ จะเป็นผลงานวิจัยตั้งแต่ปีไหนจึงไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะยังมีหลักฐานในส่วนที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทักท้วงเรื่องจำนำข้าวนี้อีกด้วย

      ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดและป.ป.ช.ว่า รับทราบข้อมูลจากทนาย ซึ่งขั้นตอนทุกอย่างขอให้เป็นไปตามพยานหลักฐานจะดีกว่า ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำการทุจริตและไม่อยากให้สังคมต่างๆ ออกมาชี้นำเรื่องดังกล่าว เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด เพราะจะเป็นการชี้นำกระบวนการยุติธรรม

      ส่วนจะมีการใช้อำนาจพิเศษแทรกแซงเรื่องดังกล่าวในชั้นอัยการหรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมจะยึดหลักกฎหมาย ยึดพยานหลักฐาน และคงไม่ให้ใครมาชี้นำให้ความยุติธรรมที่ควรจะมีอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันให้บิดเบือนไป เพื่อให้ความยุติธรรมคงอยู่ และช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งทั้งหมดต่อไป

                ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงไม่ต้องฝาก เพราะพล.อ.ประยุทธ์มีความชำนาญ รู้หลายเรื่องและมีความสามารถอยู่แล้ว คงต้องให้เวลา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์คงปฏิบัติตามภารกิจและเป็นไปตามโรดแม็พที่สัญญาไว้กับประชาชน

                น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังปฎิเสธกระแสข่าวที่ระบุด.ช. ศุภเสกข์ อมรฉัตรหรือน้องไปป์ บุตรชายเตรียมไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยยืนยันว่าลูกชายยังศึกษาอยู่ที่ไทยและยังไม่คิดจะย้ายไปไหน

                ด้านม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีจะแถลงผลตรวจสอบข้าวทั่วประเทศวันที่ 15 กันยายนว่า ขณะนี้ผลจากห้องปฎิบัติการยังไม่เรียบร้อย ที่สำคัญเจอปัญหาหลายโกงดังไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า

                “โกดังเหล่านี้กองกระสอบข้าวไม่ยอมตั้งให้เจ้าหน้าที่ และยังจะย้อนมาที่ผู้ตรวจด้วยว่า ผู้ตรวจอยากตรวจเร็วนักก็ให้มาตั้งกระสอบข้าวกันเอง ซึ่งผู้ตรวจแต่ละคนอายุมากๆกันทั้งนั้น แต่ผมขอไม่ระบุชื่อโกดังที่เป็นปัญหา เพราะเคยเป็นบทเรียนสำคัญที่ผมเคยโดนมาแล้ว แต่อยากชี้ให้เห็นกันว่า คงมีอะไรที่เป็นนัยยะอยู่”ม.ล.ปนัดดากล่าว และยืนยันว่าตนไม่เคยมองปัญหาจำนำข้าวเป็นเรื่องการเมือง

                ขณะที่น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้หนังสือมหากาพย์โกงข้าว และตอบโต้การทำงานของป.ป.ช.กรณีไต่สวนคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ละเว้นปฎิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตจำนำข้าวว่า การที่นายพนัส ทัศนียานนท์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่โจมตีป.ป.ช.โดยพยายามโยงคดีประกันรายได้เกษตรกรของพรรคประชาธิปัตย์ว่า แช่ไว้จนคนเห็นสองมาตรฐาน ยิ่งสะท้อนว่า นายพนัสรู้ไม่จริงเรื่องข้าว ถ้าแน่จริงแจงออกมาให้ได้ว่า ปัญหาโครงการประกันรายได้ฯคืออะไร ฝ่ายการเมืองทุจริตตอนไหน อย่างไร

                “ผมรู้มาว่าพรรคเพื่อไทยส่งคนไปร้อง ป.ป.ช.แบบไม่มีข้อมูลไว้ก่อน เพราะมีชาวบ้านจังหวัดภาคอีสานแจ้งให้ทราบว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ลงไปคุยชาวบ้านเพื่อเก็บข้อมูลประกันรายได้ย้อนหลัง สุดท้ายก็ล้มเหลว ที่น่าสังเกตคือ ช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยเห็นพรรคเพื่อไทยเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโครงการประกันรายได้ว่านักการเมืองคนไหนทุจริต แต่กลับมาจุดประเด็นช่วงที่โครงการรับจำนำล่มสลาย เพื่อเบี่ยงเบนว่าโครงการรับจำนำทุจริตแต่โครงการประกันรายได้ก็ทุจริตเหมือนกัน”นพ.วรงค์เผย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!