Details

Category: ปปช.

Published: Thursday, 11 September 2014 01:10

Hits: 4156

ปปช.ตั้ง 10 กก.ร่วมอสส. ฟ้องคดีปูปล่อยโกงข้าว

     แนวหน้า : เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อพิจารณาตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด (อสส.) หาข้อสรุปสำนวนคดีฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีถูกกล่าวหาละเว้นปฎิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ก่อนหน้านี้ อสส.มีมติยังไม่สั่งฟ้อง เนื่องจากสำนวนยังไม่สมบูรณ์

     หลังประชุม นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. 10 คน เป็นคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด โดยมีตนเป็นหัวหน้า ในส่วนตัวแทนป.ป.ช. หลังตั้งคณะทำงานร่วมฯแล้ว จะนัดประชุมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่ต่องการ ก่อนส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อไป แต่ถ้าไม่สามารถหาข้อยุติได้ ป.ป.ช.มีอำนาจฟ้องคดีเองหรือตั้งทนายความให้ฟ้องคดีแทน ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะพิจารณาเสร็จเมื่อใด แต่จะเร่งดำเนินการ เพราะเป็นคดีสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน

    ทั้งนี้ ในส่วนสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แต่งตั้งนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาคดีจำนำข้าว พร้อมทีมอัยการอีก 9 คน เพื่อพิจารณาสำนวนคดีร่วมกับ ปปช.

      นายสรรเสริญให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการตั้งคณะทำงานร่วมดังกล่าวว่า นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดีโครงการจำนำข้าว และกรรมการคนอื่นไม่ได้เข้าร่วมในคณะทำงานชุดนี้ นอกจากตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฯแล้วยังมีทีมงานระดับผู้ช่วยเลขาธิการฯ และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีรับจำนำข้าวเดิม เพื่อไปคุยรายละเอียดกับอสส. ส่วนเราจะรับได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องไปว่ากันในการประชุมนัดแรก ซึ่งต้องรอประสานไปยังอสส.ว่าจะนัดประชุมวันไหน ซึ่งจะทราบรายละเอียดว่าประเด็นไหนต้องทำเพิ่มเติม และตกลงกันได้หรือไม่

    ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวหน้าคณะทำงานร่วม อสส. ที่มีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส. ซึ่งเคยเรียนร่วมรุ่นหลักสูตรสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) กับน.ส.ยิ่งลักษณ์จะส่งผลในการทำงานของคณะทำงานร่วมฯหรือไม่ นายสรรเสริญกล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะเรื่องดังกล่าวอสส. เสนอเข้ามา ป.ป.ช.คงยับยั้งไม่ได้ เพียงแต่ทำตามกระบวนการ ปัญหาของนายวุฒิพงศ์ก็เป็นปัญหาของ อสส. ต้องรับผิดชอบว่า ทำไมต้องตั้งบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นหัวหน้าคณะทำงานในส่วนของอัยการฯ

ปปช.ระบุ ตัดสินใจสอบพยานคดีจำนำข้าวเพิ่มหรือไม่ ต้องรอผลหารือคณะทำงานร่วมก่อน

      นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมในส่วนของป.ป.ช.กับอัยการสูงสุดในการตรวจสอบในคดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ทั้งนี้แม้ไม่มีกรอบระยะเวลาที่ต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน แต่จะมีการนัดหารือเพื่อประชุมร่วมกับอัยการสูงสุดโดยเร็ว โดยจะมีการพิจารณาในประเด็นที่อัยการสูงสุดตั้งข้อสงสัย เช่น เรื่องอำนาจของผู้ถูกกล่าวหาว่ามีอำนาจระงับยับยั้งการดำเนินโครงการได้หรือไม่, เรื่องการทุจริตที่อัยการสูงสุดต้องการให้มีการระบุให้ชัดเจนว่ามีการทุจริตในขั้นตอนใดบ้าง

   ส่วนกรณีที่อัยการสูงสุดต้องการให้มีการสอบพยานเพิ่มเติมนั้น ป.ป.ช.พร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงพยานของผู้ถูกกล่าวหาด้วย แต่คงขึ้นอยู่กับผลการการหารือร่วมกันก่อน

   นายปานเทพ ยังกล่าวถึงกรณีตรวจสอบการจัดซื้อไมโครโฟนห้องประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พร้อมจะตรวจสอบว่ามีการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ ถ้าหากมีการยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามา ซึ่งเบื้องต้นป.ป.ช.คงไม่เข้าไปดำเนินการตรวจสอบด้วยตนเอง แต่ยืนยันว่าพร้อมจะตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อความโปร่งใส

    ส่วนกรณีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องการป้องการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น ประธานป.ป.ช. ระบุว่า ได้แจ้งไปยังรัฐบาลให้มีการกำหนดแนวทางการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นไว้ในนโยบายของรัฐบาล และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งป.ป.ช.ยังไม่ได้นัดหมายว่าจะเข้าไปพูดคุยเรื่องนี้กับรัฐบาลโดยตรงหรือไม่

    นอกจากนี้ คณะกรรมการป.ป.ช.ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระหว่างสำนักงานป.ป.ช.และหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งนายปานเทพ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประสานความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับภาคธุรกิจเอกชนต่างประเทศที่ดำเนินกิจการในประเทศไทย รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์อันดีในการร่วมกันป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 2 และถือเป็นก้าวหนึ่งในการต่อต้านการทุจริตในภาคเอกชน โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย